xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คุกกี้เสี่ยงตาย เปิดออปชั่น “ป๋าป้อม” ลงแบบสวยๆ มัวแต่ยึกยัก ระวังตายหมู่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ต้องบอกว่าไม่ได้ตระหนักใน “ต้นทุน” ความนิยมส่วนตัวเองเลยแม้แต่น้อย

เมื่อ “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่รับรู้โดยทั่วกันว่าเป็น “พี่ใหญ่ คสช.” หาญกล้าประกาศท้าทาย “กระแสสังคม” ออกมาว่า “ถ้าประชาชนไม่ต้องการ ผมก็พร้อมที่จะไป” กลางวงงานเลี้ยงกับสื่อมวลชนสายทหาร

จนเข้าทำนอง “คุกกี้เสี่ยงตาย” เทรนด์ฮิตในช่วงนี้

เพราะต้องทำความเข้าใจ “สมการคะแนนนิยม” ของรัฐบาล คสช.ก่อนว่า ผู้สนับสนุนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือ “ติ่ง คสช.” นั่นมีอยู่จริง เฉกเช่นเดียวกับกองเชียร์ “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือ “ติ่งลุงตู่” ก็มีอยู่จริงและมีจำนวนมาก หากแต่ไม่เคยปรากฏ “ติ่งลุงป้อม” ในสารบบมาก่อน

และเอาเข้าจริง หาก “ท่านป้อม” ไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไป หรือไม่ “หูเบา” เชื่อแต่คนรอบข้าง ก็น่าจะรู้ว่า ตัวเองมี “ต้นทุนทางการเมือง” อยู่ในระดับไหน

ต้องยอมรับด้วยว่า แม้ขณะนี้เรตติ้ง คสช.จะต่ำเตี้ยเรี่ยดินแค่ไหน ก็ยังมี “ติ่ง คสช.-ติ่งลุงตู่” อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย แต่ “ติ่งลุงป้อม” นี่พูดได้เลยว่า ขนาดตอนกระแส “ลุงตู่ฟีเวอร์” หรือสมัย คสช.พีคๆ ก็แทบไม่มีให้เห็น ก็น่าจะพออนุมานได้ว่า “ประชาชนไม่ปลื้ม” นานแล้ว เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกให้เห็นกันชัดๆ เท่านั้น

ที่สำคัญ ไม่เพียงแต่เอาตำแหน่งแห่งที่ตัวเองเดิมพันกับเสียงประชาชน พล.อ.ประวิตรยังพูดด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่นแบบสุดๆ ว่า “ผมรับราชการมาตั้งแต่ปี 2511 จนถึงขณะนี้ผ่านมา 50 ปีแล้ว ไม่เคยมีเรื่องอะไรหนักๆ ก็ดูเอาแล้วกันว่าผมได้ทำอะไรที่เสียหายกับประเทศชาติบ้านเมืองหรือไม่ ผมเข้ามาเพราะอยากจะช่วยเหลือบ้านเมือง อยากทำงานให้บ้านเมือง..”

พูดยังไม่ทันขาดคำ ก็ถูกขุดคุ้ยเรื่องราวในหนหลังออกมาจาระไนกันทีละขดสองขด ไม่ต้องไปไกลนัก เอาเพียงแค่สมัยเป็น รมว.กลาโหม รัฐบาลอภิสิทธิ์ ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา นั่นก็ผลงานชิ้น “โบว์ดำ” ที่ทำคนไทยเจ็บปวดมาถึงป่านนี้

และหากพูดถึง 3 ปี 8 เดือนในช่วงรัฐบาล คสช. แบบไม่ต้องมีประเด็น “โคตรนาฬิกา” ให้เป็นขี้ปากด้วยซ้ำ “เรือดำน้ำ 3.6 หมื่นล้านบาท” ก็ลอยมาแต่ไกล ตามมาด้วย “ทริปอะโลฮ่าฮาวาย” เช่าเครื่องบินเหมาลำด้วยงบประมาณมากกว่า 20 ล้านบาทที่ยังประทับอยู่ในสมองมิรู้คลาย มิพักต้องพูดถึงผลงานการเป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง

ขณะที่ในแง่การเมือง ก็ดูมีเพียงภาพลักษณ์ “ทหารการเมือง” ตั้งตัวเป็น “พี่ใหญ่กองทัพ” มาแต่ไหนแต่ไร มิหนำซ้ำยังมีข้อครหา “ดีลชินสุวรรณ” ส่อไปในทางฮั้วกับ “กลุ่มอำนาจเก่า” ที่ประจานชัดเจนก็คิวที่ “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนีไปช่องทางธรรมชาติผ่าน “เส้นทางสายบูรพาพยัคฆ์” พื้นที่อิทธิพลของ “บิ๊กป้อม” ไปอย่างหน้าตาเฉย

นี่ยังไม่พูดถึง “คนใกล้ชิด” ที่ต้องเผชิญกับข้อหา “ล้วงลูก” แต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ-ทหาร-ตำรวจ แต่ “ลุงป้อม” ก็ดูมิได้จะอนาทรร้อนใจประการใด

เอาเป็นว่า ต้องเค้นสมองนึกกันเลยทีเดียวว่า ผลงานของ “ป๋าป้อม” คือเรื่องอะไรบ้าง

และในที่สุด “วิกฤตแห่งศรัทธา” ในตัว “ป๋าป้อม” ก็เดินทางมาถึงขีดสุดกับปม “โคตรนาฬิกาหรู” มากกว่า 20 เรือน มูลค่าไม่ต่ำกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งไม่ปรากฎในบัญชีทรัพย์สิน ส่วนการที่ “บิ๊กป้อม” ชี้แจงไปว่าเป็น “นาฬิกาเพื่อน” ใครที่ได้รับฟังต่างพูดคำเดียวว่า “ฟังไม่ขึ้น” พร้อมๆ กับลากเอาองค์กรเครดิตสูงอย่าง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ส่งคนของตัวเองอย่าง “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ไปนั่งเป็นประธานคุมอยู่ หรือกระทั่ง “น้องตู่” ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลที่ต้องมาออกตัวปกป้อง “พี่ชายที่แสนดี” หลายรอบ พลอยฟ้าพลอยฝนต้องรับกรรมตามไปด้วย

จึงไม่แปลกที่ “ติ่ง คสช. - ติ่งลุงตู่” จะร่วมชี้เป้าว่านี่แหละคือ “ต้นตอของปัญหา” ที่แท้จริง และต้องการให้ “ป๋าป้อม” เสียสละลงจากเก้าอี้เพื่อให้รัฐบาลสามารถดำรงอยู่ต่อไปได้

ทั้งหลายทั้งปวงสะท้อนผ่าน “โพลออนไลน์” ที่หลายสำนักใจตรงกัน ทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนผ่านโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค เพียงช่วงข้ามคืนผลการสำรวจก็ออกมาแบบไม่เหนือความคาดหมาย เมื่อแทบทุกสำนักชี้ชัดตรงกันเกินว่า 90% หวังดีอยากให้ “ลุงป้อม” พักผ่อน ในอารมณ์ที่เชื่อว่ามี “ติ่ง คสช. - ติ่งลุงตู่” ผสมโรงออกเสียงไปด้วยไม่น้อย

ถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทย จนอาจจะต้องจารึกไว้ว่า “ลุงป้อม” ถือเป็น “บุคคลประวัติศาสตร์” ที่โดดเด่นเหนือกว่า “เซเลบการเมือง” รายอื่นๆ ที่แม้จะมีคนเกลียดมาก แต่ก็มีคนนิยมชมชอบไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็น “นายทักษิณ ชินวัตร” หรือ “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ก็ตาม

ผิดกับ “ลุงป้อม” ที่ดูจะโดดเดี่ยว เพียง “ลิ่วล้อ - คนข้างกาย” คอยอวยไม่กี่หน่อเท่านั้น ถึงขนาดพูดได้ว่า หากสามารถชุมนุมทางการเมืองได้เหมือนสมัยก่อน “ม็อบยี้ลุงป้อม” อาจลุกลามบานปลายจนยากจะควบคุมสถานการณ์ก็เป็นได้

หากชีวิตจริงเป็นเหมือนเกมโชว์ ป่านนี้ “ลุงป้อม” ก็คงต้องระเห็จกลับไปนั่งตบยุงอยู่ บ้าน สังเวย “ลูกประชด” ของตัวเองไปแล้ว

ครั้นจะแย้งว่าแค่ “กระแสโซเชียล” ที่เป็นเพียง “โลกเสมือนจริง” อย่างที่เคยไม่ให้ราคามาตลอดนั้น เหมือนที่เคยพูดไว้ว่า “สถานการณ์โดยรวมทั้งประเทศไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มีเพียงการโจมตีบิดเบือนเรื่องที่ไม่เป็นความจริงทางสื่อโซเชียลมีเดีย ผมทำงานอยู่ทุกวัน แต่กลับถูกบิดเบือนทุกเรื่อง และถูกกล่าวหาว่าเป็นตัวถ่วงรัฐบาล..” หรือ “ไอ้นั่นมันเรื่องของโซเชียลมีเดีย คุณไปฟังทำไม...”

ก็ต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า หากตัดเรื่องวิชาการออก “โพลออนไลน์” วัดผลในเชิงปริมาณ ได้ดีกว่า “โพลวิชาการ” ของสถาบันการศึกษาต่างๆ เป็นไหนๆ ก็ด้วย “โพลมหาลัย” ใช้กลุ่มตัวอย่างแค่พันนิดๆ ให้ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนเท่านั้น แต่ “โพลออนไลน์” สตาร์ทที่หลักหมื่น รวมแล้วก็เป็นแสน ดีดลูกคิดดีๆ อาจจะเป็นล้านเอา ผนวกกับความรู้สึกของคนไทยที่มีต่อ “ลุงป้อม” แล้ว บอกได้คำเดียวว่า “นี่คือความจริงที่ต้องยอมรับ”

ส่วน “วิชาก้นหีบ” ที่ระดม “กลุ่มคนรักลุงป้อม” มาให้กำลังใจถึงหน้ากระทรวงกลาโหม อ่านออกไม่ยากว่าเป็น “ม็อบจัดตั้ง” ที่ “ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่” ซึ่งความจริง “ลุงป้อม” อาจไม่รู้เรื่องก็เป็นได้ หากแต่เป็นบรรดา “ลูกน้อง-เด็กในบ้าน” จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเชลียร์นายให้หลงทิศหลงทางหลงกระแสไปก็เท่านั้น

จากเดิมที่หลายฝ่ายหัวเด็ดตีนขาดก็ไม่เชื่อว่า“บิ๊กป้อม”จะถอดใจลาออก เพียงเพราะ “กระแสสังคม” เพราะที่ผ่านมาก็มีหลายคราที่ลือกระฉ่อนว่าอาจ “โดนปลด-ลาออก” มาตลอด เสียอาการมาหลายหน ก็ยังทู่ซี้อยู่มาตลอด ยิ่งมีเสียงกระชุ่นจาก “น้องตู่” ยกให้เป็น “พี่ชายที่แสนดี”หรือสัญญาใจประเภท “อยู่กันไปทั้งชาติ” จนมองว่าทรงนี้คงไม่มีวันถอดใจ ลงจากอำนาจง่ายๆ

มิหนำซ้ำทำท่าว่าจะมีลูกฮึดอีกต่างหาก เพราะเวลานี้ดูเหมือนว่า “ป๋าป้อม” ยังเดินสายทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต ประหนึ่งว่าต้องการสร้างผลงานให้เป็นประจักษ์ในช่วงเผชิญกับมรสุมทางการเมืองที่หนักที่สุดในชีวิต

แต่เมื่อมาถึง “จุดวัดใจ” มีกระแสจาก “โพลออนไลน์” ที่ออกมาแล้ว อาจจะถูกขยี้ต่อจากการเคลื่อนไหวฝ่ายการเมือง หรือ “โพลมหาลัย” ที่อาจหยิบประเด็น “บิ๊กป้อม” ไปทำผลการสำรวจ ซึ่งผลที่จะออกมาคงไม่แตกต่างกันมาก หากไม่มี “ล็อกผล” ให้เป็นในทิศทาง “เชลียร์” ผู้มีอำนาจ

กลายเป็น “ไฟท์บังคับ” ให้ “บิ๊กป้อม” ต้องเลือกที่จะเสียสละถอนตัวเองออกไปจากหน้าฉากวงจรอำนาจ ซึ่งประเมินแล้วอาจตัวเลือกที่ดีที่สุดของ “บิ๊กป้อม” ตลอดจน “องคาพยพ คสช.” ก็เป็นได้

ด้วยหากขาด “บิ๊กป้อม” ไปเสียคน ไม่เพียงปัญหาทั้งหลายทั้งปวงจะหมดไปเท่านั้น ดีไม่ดีจะกลับ “เรียกแต้ม” คืนให้กับ “น้องตู่” และรัฐบาลอีกด้วย ทั้งยังเป็นการต่อลมหายใจไปอีกเฮือกใหญ่ๆ กระทั่งยาวไกลไปถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

แล้วก็ใช่ว่าเมื่อลงจากตำแหน่งแล้ว “ป๋าป้อม” ก็ใช่ว่าจะหมดจากอำนาจเสียเมื่อไหร่ หากยังสามารถเป็น “ผู้มีอำนาจนอกรัฐบาล” ที่ทรงอิทธิพลเหมือนเดิมในทุกๆ เรื่อง โดยที่ไม่ต้องกังวลใจอะไรเลยแม้แต่น้อย

ติดก็แต่ “เกียรติภูมิ - ศักดิ์ศรี” ของชาติชายทหารที่ค้ำคออยู่ จำเป็นต้องออกแบบ “ทางลง” ให้ดูดีที่สุด เพราะคงไม่มีทางที่ “บิ๊กป้อม” จะสละเรือไปทั้งที่มี ชนัก “นาฬิกาหรู” ปักหลังตัวเองอยู่ จึงต้องเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ของ “น้องกุ้ย” ที่ต้องเร่งปลดเปลื้องข้อครหา “นาฬิกายืมเพื่อน” ฟอกขาวให้ “พี่ใหญ่” บริสุทธิ์ผุดผ่องเสียก่อน เพื่อที่จะได้ Soft Landing ปูทางลงแบบสวยๆ

แต่หากยัง “มะงุมมะงาหรา” ปล่อยสถานการณ์ไปเรื่อยๆ แล้วมีประเด็นมาซ้ำเติมให้เละไปกว่าเดิมก็คงไม่สวย ตามคิวที่เริ่มมี “ม็อบการเมือง” ออกมาท้าทายอำนาจ “รัฐบาลทหาร” มากขึ้นทุกขณะ อีกทั้งประเด็นเคลื่อนไหวของฝ่ายต่างๆ ก็สอดรับอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเรื่องเลือกตั้ง เรื่องการทุจริต ความไม่โปร่งใส หรือความเดือดร้อนจากประเด็นปัญหาต่างๆ ดีไม่ดีอาจจุดติดกลายเป็นรายการสามัคคีชุมนุมขับไล่ คสช.ได้ไม่ยาก

ดังนั้น ต้องงัดหลักคิด “การจู่โจมทางยุทธวิธี” ของทหารมาใช้ ใจความสำคัญคือการ “คิดไว ทำไว” เพื่อป้องกันระงับความสูญเสียให้ได้มากที่สุด และเร็วที่สุด

มาถึงตอนนี้จากเดิมที่ประชาชนชาวไทยต่างตั้งความหวังไว้กับ “รัฐบาลลายพราง” ในการปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง แต่เกือบ 4 ปีก็ไม่เห็นมรรคเห็นผล จนเริ่มมีเสียงว่า หากเป็นแบบนี้ต่อไป สู้เลือกตั้งใหม่ แล้วค่อยลุ้นผู้ที่จะเข้ามามีอำนาจดีกว่า ทนอยู่กับรัฐบาลชุดนี้ที่ดูจะไม่มีอะไรให้หวังแล้ว

ไม่ต้องไปพึ่ง “คุกกี้เสี่ยงทาย” ให้เสียเวลา เพราะการตัดสินใจอยู่ที่ “ป๋าป้อม” คนเดียวว่า จะสละไปแบบเพื่อชื่อเสียงเกียรติยศส่วนตัว หรือยอมสละถอยฉากออกไปเพื่อส่วนรวม

ทู่ซี้ต่อไปจะกลายเป็น “คุกกี้เสี่ยงตาย” ยึกยัก ตายหมู่ขึ้นมา จะยุ่งไปกันใหญ่





กำลังโหลดความคิดเห็น