xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ลากไส้ “เสี่ยกำพล” และเครือข่าย ไขเบื้องลึกสายสัมพันธ์แซ่บซี้ด จาก “โนอาร์” ถึง “วิคตอเรีย ซีเครท”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายกำพล วิระเทพสุภรณ์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ประเด็นร้อนที่ยังคงต้องเกาะติด จากกรณีการบุกจับกุมอาบอบนวด “วิคตอเรีย ซีเครท” เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา นอกเหนือจากเรื่องการพบหญิงสาวต่าวด้าวจำนวนมากตกเป็นเหยื่อกาม “ค้ามนุษย์” เห็นทีจะหนีไม่พ้นเรื่องราวของเจ้าพ่ออ่างตัวจริงอย่าง “นายกำพล วิระเทพสุภรณ์” เพราะเมื่อตรวจสอบเส้นทางของ “เสี่ยกำพล” แล้ว เต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนและเกี่ยวกันกับตัวละครทางการเมืองหลายแต่หลายคน

ที่สำคัญคือ พบว่ามีความเชื่อมโยงไปถึง “สโมสรฟุตบอล สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” ซึ่งนั่นเป็นเหตุให้ “ธนพล วิระเทพสุภรณ์” หรือ “โจอี้” ลูกชายของเสี่ยกำพล ในฐานะรองประธานสโมสรฯ ลาออกทันที

ทั้งนี้ ภายหลังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำกำลังทหารเข้าตรวจค้นสถานอาบอบนวดดังกล่าวและได้จับกุม นายบุญทรัพย์ อมรรัตนสิริ หรือ ป๋ากบ หัวหน้าเชียร์แขก และ น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ หุ้นส่วนใหญ่ บริษัท อมรินทร์ ออนเซน ผู้ขอใบอนุญาตเปิดสถานอาบอบนวด วิคตอเรีย ซีเครท ชื่อของ “นายกำพล” ก็ปรากฏขึ้นและตกเป็นเป้าของความสนใจในทันที

ข้อมูลไหลบ่าออกมาว่า นายกำพลได้ซื้อกิจการวิคตอเรีย ซีเครทต่อจากกลุ่มเดวิสกรุ๊สของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าพ่ออ่าง เมื่อปี 2547 หลังจากนั้นมีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นหลายครั้ง ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เครือข่ายของกลุ่มเสี่ยกำพลทั้งสิ้น โดยเฉพาะตัวนายชูวิทย์เองที่นำหลักฐานข้อมูลและภาพถ่ายมายืนยันว่า เสี่ยกำพลเป็นเจ้าของตัวจริงไม่ใช่ น.ส.ศศิธร ซึ่งถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้

ภาพที่ถูกถ่ายในอาบอบนวดวิคตอเรีย ซีเครท ปรากฏร่างของเสี่ยกำพล ภรรยา และลูกชาย นั่งอยู่ด้วยกัน และมีพนักงานกราบไหว้ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าหากเสี่ยกำพลไม่ใช่เจ้าของบรรดาพนักงานจะให้ความเคารพขนาดนี้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็มีการเปิดพฤติการณ์ในการค้ามนุษย์ด้วยการนำเด็กสาวอายุ 12 - 18 ปี มาค้าประเวณี ใช้วิธี “เหมาเด็ก” หรือ “ตกเขียว” ทำทีปล่อยเงินกู้พ่อแม่เด็กที่อยู่ตามต่างจังหวัดและให้นำลูกสาวมาใช้หนี้คืน โดยไปรับตัวเด็กสาวครั้งละหลายๆ คนแบบ “เหมายกเข่ง”
  นายกำพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ (ธีระตระกูลวัฒนา) ภรรยา
ในที่สุดศาลอนุมัติออกหมายจับ นายกำพล และนางนิภา วิระเทพสุภรณ์ (ธีระตระกูลวัฒนา) ผู้เป็นภรรยา เมื่อวันที่ 19 มกราคม2561 ใน 12 ข้อหา ประกอบด้วย

1. กระทำความผิดฐานร่วมกันค้ามนุษย์ โดยเป็นผู้แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากบุคคล และเด็ก (บุคคลผู้มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี) โดยการแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณี การแสวงหาประโยชน์ทางเพศใน รูปแบบอื่น การบังคับใช้แรงงานหรือบริการอันเป็นการขูดรีดบุคคล ไม่ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ด้วย วิธีการฉ้อฉล หลอกหลวง หรือใช้อำนาจมิชอบ

2. สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยได้ลงมือกระทำความผิด ฐานค้ามนุษย์ตามที่ได้สมคบกัน และร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์

3. ร่วมเป็นผู้เป็นธุระจัดหา หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใด เพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม

4.ร่วมเป็นผู้เป็นธุระจัดหา หรือชักพาไปซึ่งเด็กที่มีอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18ปี เพื่อให้บุคคล นั้นกระทำการค้าประเวณี แม้บุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม

5. ร่วมเป็นผู้ดูแล หรือผู้จัดการการค้าประเวณีหรือสถานการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานการค้าประเวณี อันเป็นสถานการค้าประเวณีที่มีบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่ถึง 18 ปี ทำการค้าประเวณีอยู่ด้วย

6.ร่วมเป็นผู้สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหญิง แม้ผู้นั้น จะยินยอมก็ตาม

7. ร่วมเป็นผู้สนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหญิง และได้ กระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม

8. ร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15ปี แต่ยังไม่เกิน 18ปี ไปเพื่อการอนาจารแม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม

9. เป็นผู้รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ให้เข้า พักอาศัย ซ่อนเร้น หรือ ช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม

10. ร่วมเป็นนายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในสถานบริการ

11. ร่วมเป็นผู้ส่งเสริมหรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควรหรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติ เสี่ยงต่อการกระทาความผิด และกระทำด้วยประการใดอันเป็นการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก

12. ร่วมกันดำรงชีพอยู่แม้เพียงบางส่วนจากรายได้ของผู้ซึ่งค้าประเวณี อยู่ร่วมกับผู้ซึ่งค้าประเวณี หรือสมาคมกับผู้ซึ่งค้าประเวณี รับเงินหรือประโยชน์อย่างอื่น โดยผู้ซึ่งค้าประเวณีเป็นผู้จัดให้

อย่างไรก็ดี อีกประเด็นสำคัญที่น่าสนใจยิ่งก็คือ “เส้นทางการเงิน” และ “สายสัมพันธ์” ของเสี่ยกำพลที่ได้รับการขยายผลโดย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ โดยให้สัมภาษณ์ว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบกลุ่มผู้ต้องหาและกลุ่มรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมีข้อมูลเปิดเผยอีกว่าเส้นทางการเงินของเสี่ยกำพลเป็นไปในลักษณะการจัดตั้ง “ขบวนการฟอกเงิน

เสี่ยกำพล มีมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ในมือ 2,000กว่าล้านบาท ปรากฏชื่อเป็น ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA หนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ของ “ทีมฟุตบอล สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” และยังเป็นพ่อของ นายธนพล วิระเทพสุภรณ์ หรือ โจอี้ รองประธานสโมสร โดย “ตระกูลติยะไพรัช” เป็นเจ้าของ และประธานสโมสร คือ นายมิตติ ติยะไพรัช ลูกชายของ นายยงยุทธ ติยะไพรัช กลุ่มการเมืองพรรคเพื่อไทย

หลังจากเสี่ยกำพลตกเป็นข่าวพัวพันคดีค้ามนุษย์และขบวนการฟอกเงิน เชื่อมโยงสโมสรฟุตบอล สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด นำมาซึ่งการลาออกจากตำแหน่ง “รองประธานสโมสรฯ” ของ โจอี้ ลูกชายเสี่ยกำพล เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีครอบครัวของตนโดนออกหมายจับพัวพันในคดีวิคตอเรีย ซีเครท

นายโรจน์ พุทธคุณ ฝ่ายบริหารด้านการตลาดและที่ปรึกษาด้านกฎหมาย ของสโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด ชี้แจงว่า โจอี้ รับผิดชอบในเรื่องการตลาดและประชาสัมพันธ์ ได้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา เนื่องด้วยครอบครัวถูกกล่าวหาและอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสโมสรฯ จึงตัดสินใจลาออกเพื่อไปแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น

สำหรับประเด็นที่มีการตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ บริษัท อควา แอด จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้สนับสนุนของทางสโมสรฯ โดยในการเข้ามาเป็นสปอนเซอร์ ยืนยันว่าเป็นไปตามกระบวนการเช่นเดียวกับสโมสรฟุตบอลไทยอื่นๆ ซึ่งสโมสรฯ ต้องยื่นขอรับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์นั้นๆ และการที่สโมสรฯ จะได้รับการสนับสนุนก็ต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการของบริษัทแต่ละบริษัท ซึ่งกรณีของ บริษัท อควา ก็เป็นไปตามกระบวนการเช่นกัน
บิ๊กโจอี้ “ธนพล วิระเทพสุภรณ์” ลูกชายของเสี่ยกำพล อดีตรองประธานสโมสรฟุตบอล สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด
ทั้งนี้ ผู้สนับสนุนหลักของสโมสร คือ “บริษัท สิงห์ คอปอเรชั่น” แต่ก็เป็นการให้การสนับสนุนเท่านั้น ไม่ได้มีส่วนในการบริหารสโมสรแต่ประการใด และขอยืนยันเพื่อทำความเข้าใจว่า สโมสร สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เป็นของครอบครัว “ติยะไพรัช” มาโดยตลอด อยู่ภายใต้การบริหารของประธาน “มิตติ ติยะไพรัช” มาโดยตลอดเช่นเดียวกัน

ที่น่าสังเกตคือ แม้ บริษัท อควา ไม่ใช่ผู้สนับสนุนรายใหญ่ของสโมสรฯ แต่หลังจาก บริษัทอควา เข้ามาสนับสนุนเมื่อ 2 ปีก่อน “สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด” มีเงินทำทีมทวีคูณหลักร้อยล้านสู่การจัดซื้อนักเตะราคาแพง

รายงานข่าวจาก “สำนักข่าวอิศรา” ตรวจสอบพบว่า การบริหารงานของ สโมสร สิงห์เชียงราย ยูไนเต็ด มีการจดทะเบียนตั้ง “บริษัท เชียงราย ยูไนเต็ด คลับ จำกัด” ขึ้นมาดูแลบริหารจัดการโดยตรง แต่ไม่ปรากฏชื่อ นายมิตติ ติยะไพรัช เจ้าของสโมสรฟุตบอลเชียงราย ลูกชายนายยงยุทธ ติยะไพรัช มีเกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดยกรรมการปัจจุบัน รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 5 มกราคม 2560 ปรากฏชื่อ นายธีระชัย รัตนกมลพร ถือหุ้นใหญ่สุด 92% (4,600,000 บาท)

อนึ่ง สายสัมพันธ์ทางธุรกิจของ นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือ เสี่ยกำพล มีความใกล้ชิดเกี่ยวโยงคนระดับบิ๊กเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลายประเภท ในส่วนธุรกิจกลุ่มวิคตอเรียซีเครท อาทิ สถานบริการอาบอบนวด โรงน้ำชา ขายอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 10 แห่งที่มี น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ และพรรคพวกถือหุ้น ปรากฏชื่อ เสี่ยกำพล ถือหุ้นอย่างน้อย 2 แห่ง คือ บริษัท ผมทอง จำกัด และ บริษัท แอมบาสซี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด

นอจากนั้น ชื่อของเสี่ยกำพลยังไปปรากฏอยู่ในบริษัทในตลาดหลักทรัพย์หลายต่อหลายแห่ง ยกตัวอย่างเช่น บริษัท อควา คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AQUA บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) หรือ BWG บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เป็นต้น ซึ่งบริษัทเหล่านี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่ามีความเกี่ยวโยงกับเส้นทางการเงินของวิคตอเรีย ซีเครท หรือไม่ อย่างไร

แต่ที่แน่ๆ ก็คือ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ระบุชัดเส้นทางการเงินของเสี่ยกำพลและภรรยาว่าเข้าข่ายฟอกเงิน และพบร่องรอยการถ่ายโอนเงินก่อนถูกอายัด พร้อมกันนั้นก็ได้ประสานให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ( ปปง.) ทำการอายัดบัญชีกว่า 10 บัญชี มูลค่ากว่า 100 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม ถ้าต้องการจะรู้เรื่องราวและเส้นทางของนายกำพล ก็เห็นทีจะหนีไม่พ้นข้อมูลที่พรั่งพรูออกมาจากปากนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตเจ้าพ่ออ่างผู้ช่ำชองธุรกิจสีเทา เจ้าของวิคตอเรีย ซีเครทในอดีตก่อนที่จำต้องวางมือจากวงการไปด้วยความจำเป็นบางประการ และเป็นที่น่าสังเกตเช่นกันถึงเบื้องหลังที่นายชูวิทย์เกาะติดเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง

นายชูวิทย์ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ChuvitKamolvisit แฉหรือเปิดเบื้องลึกชีวิต นายกำพล วิระเทพสุภรณ์ หรือเสี่ยกำพลอย่างต่อเนื่องแบบกัดไม่ปล่อย โดยตัดทอนใจสำคัญความได้ว่า....

“...ประวัติ "กำพล" ผมรู้จักดี พวกคนใหญ่คนโตที่คบค้าสมาคมก็ขอให้รู้ไว้ กำพลเริ่มต้นจากการ ทำเด็กเอเย่นต์ ส่งตามอาบอบนวดแถวเพชรบุรี ใช้วิธีการเหมาเด็กเข้าในสังกัดด้วยการยื่นเงินกู้ให้เป็นก้อนๆ แล้วให้เด็กทำงานใช้หนี้ แน่นอนว่าต้องบวกดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายอื่นๆ เด็กเหล่านี้ยากที่จะหลุดจากเงื้อมมือกำพล เพราะเงินใกล้หมดก็ให้เงินกู้ก้อนใหม่อีก

“หนึ่งในอาบอบนวดเล็กๆ บน ถ.เพชรบุรี ที่กำพลเอาเด็กไปส่งคือ อะตามิ อาบอบนวดเกรดสองย่านมักกะสัน เป็นสถานที่ทำให้กำพลได้พบกับ นิภา ที่ทำงานเป็นแคชเชียร์อยู่ที่นั่น คบหากันจนได้เป็นเมีย ยกให้คุมการเงินและบัญชีจนพลอยถูกหมายจับไปด้วย

“กำพลกับนิภาช่วยกันทำมาหากิน เหมาเด็กไปทำที่ภูเก็ตโดยไปได้อาบอบนวดเล็กๆ ในป่าตอง ใกล้โรงแรมรอยัลซิตี้เมื่อเก็บเงินได้พอสมควร ก็กลับมาเหมาตู้ ทำเองที่ โนอาร์ จนได้ฉายาในวงการว่า “เสี่ยโนอาร์”

“ในสมัยนั้นผมเริ่มทำอาบอบนวด แต่ไม่รู้จักทั้งกำพลและโกลัก เพราะอาบอบนวดของผมมีระดับ ไม่เอาพวกทำเด็กส่ง ทุกคนทำงานอิสระ เย็นๆ มาทำงานดึกๆกลับเอง ไม่ต้องมีรถตู้มารับมาส่งแบบเด็กของกำพลเมื่อผมอยากขาย กำพลอยากซื้อ เขาก็ไปรวบรวมเงินจากคนในวงการเมืองมาซื้อผม ธุรกิจอาบน้ำต้องทำเป็น ไม่ใช่ทุกคนทำแล้วรวย เพราะต้องคุมเชียร์แขกให้ดี คนที่เป็นเจ้าพ่อในอดีตเคยเตือนผมมาก่อน ท่านนั้นคือ เสี่ยศุภชัย สมัยแกรุ่งเรืองเป็นเจ้าของอาบอบนวดกว่าครึ่งของถนนเพชรบุรี

“กำพลเรียนรู้การทำอาบอบนวดจนช่ำชอง จึงกลับมาซื้อของผมอีก จากแรกๆ ที่เป็นคนไม่มั่นใจ กำพลก็มั่นใจขึ้น กว้านซื้ออาบอบนวดที่ผมอยากขายเสียเต็มแก่ โดยมีนิภาเมียรักที่มีอายุมากกว่าเกือบ 10 ปี เป็นคนคุมการเงินและบัญชี แถมยังมีญาติโกโหติกามาร่วมด้วยช่วยงานตามประสาธุรกิจครอบครัว เมื่อกำพลซื้อของผมครบ 3 แห่ง ก็ทำธุรกิจจนได้เงินมากมาย ก่อนไปสร้างอาบอบนวดของตัวเอง ชื่อ "เดอะลอร์ด" ใหญ่โตมโหฬาร มีห้องสูทไว้รับรองผู้ใหญ่ในทุกวงการ

“งานอดิเรกที่ทำเงินให้กำพลมากมายในระยะหลัง คือ พระเครื่อง กำพลเล่นพระดังเป็นอันดับต้นๆของเมืองไทย ได้รู้จักนายตำรวจ ทหาร นักการเมือง และ นักธุรกิจใหญ่ พระของกำพลนั้นหากไม่ใหญ่จริง รวยจริง คงซื้อไม่ได้ อย่างพระสมเด็จองค์หนึ่งราคา 10 ล้านอย่างต่ำ การกระโดดเข้ามาในวงการพระ ทำให้กำพลรู้จักคนรวย คนใหญ่คนโตมากมาย ซึ่งคนเหล่านั้นไม่สนใจว่ากำพลทำอะไรมาก่อน สถานะของกำพลจึงรุ่งเรือง แตกต่างจากผมที่ผู้คนรู้ดีว่ามีความเป็นมาอย่างไร”

ฉะนั้น หากส่องไปตามคอลัมน์สนามพระของหนังสือพิมพ์รายวัน และนิตยสารเกี่ยวกับพระเครื่อง ก็จะเห็นชื่อ “กำพล โนอาร์” หรือ “กำพล เดอะลอร์ด” พร้อมคำบรรยายคุณสมบัติของความเป็น เจ้าสัวผู้มากด้วยบารมี ร่ำรวยทั้งเงินและร่ำรวยทั้งน้ำใจยาวเหยียด

นายชูวิทย์ยังแฉต่อไปว่า “จาก ค้าพระ ค้าชี ชีวิตกำพลจึงหันเหเข้าไปค้าหุ้น จากกำพลที่เล่นบอลตั้งโต๊ะ ก็กลายเป็น กำพล คับฟ้า นำเงินจากอาบอบนวดกว้านซื้อหุ้นเล็กๆที่มีปัญหาเข้ามาในพอร์ทเพื่อรอเวลาหุ้นตัวสำคัญที่กำพลถือหุ้นใหญ่สุด คือ Aqua จำนวน 591,406,000 หุ้น (12.88%) มูลค่า 295,703,000 บาทและบริษัท Aqua นี่แหละ คือผู้สนับสนุนทุนให้กับทีมฟุตบอล เชียงราย ยูไนเต็ด กำพลส่งลูกชาย บิ๊กโจอี้ ธนพล วิระเทพสุภรณ์ เข้าไปเป็นรองประธานสโมสร หวังฟอกขาวตัวเองให้ขาวจั๊วะขึ้นไปอีก โดยคบค้าสมาคมกับอดีตนักการเมืองชื่อดัง แต่ชีวิตกลับพลิกผัน เดินทางมาถึงจุดพลาดตรงวิคตอเรีย ซีเครทแม้จะวางแผนไว้ว่าทำสัญญาหลอกๆ เพื่อตบตาว่าให้เช่าไปแล้ว และหลังๆ กำพลก็ไม่เข้าวิคตอเรียเพื่อให้คนเข้าใจว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้อง นั่งบัญชาการอยู่แต่ที่เดอะลอร์ด

“มั่นใจว่าไม่มีอะไรในประเทศไทยที่กำพล คับฟ้าเคลียร์ไม่ได้ หากแต่สัญญาเช่าที่ทำหลอกๆ กับ เชียร์แขกนั้น แม้จะช่วยให้ชื่อไปไม่ถึง และตัวกำพลที่ไม่ได้เข้าวิคตอเรียจะพอตบตาใครได้บ้าง แต่เงินมันยังเดินทางไปถึงกำพล หากสืบเส้นทางการเงินจะพบได้ชัดเจน” นายชูวิทย์ เปิดข้อมูลออกมาอย่างต่อเนื่องและยังไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุด

แต่จะอย่างไร...ท้ายที่สุด คงต้องติดตามกันต่อไปว่า พิษอ่างแตก “วิคตอเรีย ซีเครท” ซึ่งเกี่ยวโยงกับ “คดีค้ามนุษย์” และ “คดีฟอกเงิน” ของนายกำพล วิระเทพสุภรณ์ จะลงเอยอย่างไร และจะสามารถนำตัวนายกำพล มารับโทษทัณฑ์ได้หรือไม่...อีกไม่นานคงรู้กัน

(อ่านต่อ : จับตาวิกฤต “เชียงรายยูไนเต็ด” ผลกระทบอ่างแตก ล่มตาม “เพื่อนตำรวจ” หน้า 42 นิตยสารผู้จัดการสุดสัปดาห์)




กำลังโหลดความคิดเห็น