ผบ.ตร.-ผบช.ปส. แถลงผลปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/2 จับกุมเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด พร้อมของกลาง-ทรัพย์สินจำนวนมาก มูลค่ากว่า 910 ล้าน “บิ๊กแป๊ะ” ลั่น หากพบ ตร.เอี่ยวฟันไม่เลี้ยง “บิ๊กหมาย” ระบุ “อีฟ-ทิพย์อาภา” เป็นส่วนหนึ่งเครือข่าย “ไซซะนะ” ใช้วิธีศัลยกกรรมใบหน้า ดัดแปลงพาหนะขนยานรก
วานนี้ (18ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม ตามแผนปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/2 ปฏิบัติการในห้วงวันที่ 12 -19 ม.ค. 61 จำนวน 59 เป้าหมาย ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ เชื่อมโยง 4 เครือข่ายค้ายาเสพติดสำคัญ สามารถจับกุมรวมทั้งสิ้น 9 คดี ผู้ต้องหา 14 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 3.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 กิโลกรัม (ก.ก.) กัญชา 12 ก.ก. โคเคน 770 กรัม ปืน 21 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 1,163 นัด ตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 11 คัน มูลค่า 8.2 ล้านบาท บ้าน 2 หลัง มูลค่า 9.6 ล้านบาท ที่ดิน และคอนโด 37 แปลง มูลค่า 157 ล้านบาท เงินสด 7.96 ล้านบาท ทองรูปพรรณมูลค่า 2.7 ล้านบาท และอื่น รวมมูลค่ากว่า 910,935,700 บาท
พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า ทางบช.ปส.ได้ทำการกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ สำหรับของกลางที่ก็บอกได้ว่าสิ่งไหนเป็นพิษ จุดหมายปลายทางก็เป็นพิษเช่นกัน ดังนั้น จึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานช่วยเป็นหูเป็นตา สำหรับแผนในการปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นต่อไปนั้น จะมีการดำเนินการอย่างต่อเรื่องและเข้มข้น ถือเป็นการยกระดับในกวาดล้างยาเสพติดตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ส่วนกรณีเครือข่ายของ น.ส.ทิพย์อาภา หรืออีฟ รักษาแสง พร้อมของกลางเป็นกัญชาและยาไอซ์ โดยใช้เส้นทางลำเลียงจาก จ.หนองคาย ผ่าน จ.บึงกาฬ มาที่ จ.ระยอง มาลงท่าเรือน้ำลึก แล้วออกไป จ.สงขลา ที่มี พ.ต.ท.ธนกฤต นิตสพันธ์ สว.สอบสวน ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. สามี มาเกี่ยวข้องนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบย้อนหลัง เนื่องจาก พ.ต.ท.ธนกฤต เคยมีคำสั่งให้ช่วยราชการ เมื่อครั้งเคยอยู่ สน.มักกะสัน ก่อนที่จะมารับตำแหน่งที่ตำรวจทางหลวง ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ แต่เชื่อว่า บช.ปส. มีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนได้มีคำสั่งให้กองบัญชาการตรวจสอบข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด หากพบใครเกี่ยวข้องกับนาเสพติดก็ไม่เอาไว้ อย่างไรก็ตามในส่วน พ.ต.ท.ธนกฤต ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. กล่าวถึงการขยายผลการจับกุม น.ส.ทิพย์อาภาว่า น.ส.ทิพย์อาภา เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายไซซะนะ โดย น.ส.ทิพย์อาภา ใช้วิธีศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าตัวเอง และเปลี่ยนรูปลักษณ์ ปรับเปลี่ยนยานพาหนะเพื่อใช้ขนยาเสพติด โดยการฝังยาเสพติดไว้ใต้พื้นรถ และใช้ป้ายทะเบียนหลายหมายเลข ซึ่งเป็นการสวมหมายเลขทะเบียนอย่างผิดกฎหมาย ส่วนสามีคือ พ.ต.ท.ธนกฤต จากการสืบสวนทราบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน ทั้งส่วนของการลำเลียง และการดูแลทรัพย์สิน
“นอกจาก น.ส.ทิพย์อาภาแล้ว ยังสามารถจับกุมเครือข่ายที่เชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายไซซะนะ ของนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ หรือ เอกอ้วน ที่ถูกจับกุมเมื่อปีที่แล้ว โดยเอกอ้วน มีส่วนสำคัญที่ทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง คาดว่าครั้งนี้ จะสามารถกวาดล้างเครือข่ายของเอกอ้วนได้อย่างสิ้นซาก” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าว.
วานนี้ (18ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม ตามแผนปฏิบัติการชัยยะ สยบไพรี 61/2 ปฏิบัติการในห้วงวันที่ 12 -19 ม.ค. 61 จำนวน 59 เป้าหมาย ในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ เชื่อมโยง 4 เครือข่ายค้ายาเสพติดสำคัญ สามารถจับกุมรวมทั้งสิ้น 9 คดี ผู้ต้องหา 14 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 3.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 กิโลกรัม (ก.ก.) กัญชา 12 ก.ก. โคเคน 770 กรัม ปืน 21 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 1,163 นัด ตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 11 คัน มูลค่า 8.2 ล้านบาท บ้าน 2 หลัง มูลค่า 9.6 ล้านบาท ที่ดิน และคอนโด 37 แปลง มูลค่า 157 ล้านบาท เงินสด 7.96 ล้านบาท ทองรูปพรรณมูลค่า 2.7 ล้านบาท และอื่น รวมมูลค่ากว่า 910,935,700 บาท
พล.ต.อ.จักรทิพย์ เปิดเผยว่า ทางบช.ปส.ได้ทำการกวาดล้างยาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ สำหรับของกลางที่ก็บอกได้ว่าสิ่งไหนเป็นพิษ จุดหมายปลายทางก็เป็นพิษเช่นกัน ดังนั้น จึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานช่วยเป็นหูเป็นตา สำหรับแผนในการปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นต่อไปนั้น จะมีการดำเนินการอย่างต่อเรื่องและเข้มข้น ถือเป็นการยกระดับในกวาดล้างยาเสพติดตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ส่วนกรณีเครือข่ายของ น.ส.ทิพย์อาภา หรืออีฟ รักษาแสง พร้อมของกลางเป็นกัญชาและยาไอซ์ โดยใช้เส้นทางลำเลียงจาก จ.หนองคาย ผ่าน จ.บึงกาฬ มาที่ จ.ระยอง มาลงท่าเรือน้ำลึก แล้วออกไป จ.สงขลา ที่มี พ.ต.ท.ธนกฤต นิตสพันธ์ สว.สอบสวน ส.ทล.1 กก.1 บก.ทล. สามี มาเกี่ยวข้องนั้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบย้อนหลัง เนื่องจาก พ.ต.ท.ธนกฤต เคยมีคำสั่งให้ช่วยราชการ เมื่อครั้งเคยอยู่ สน.มักกะสัน ก่อนที่จะมารับตำแหน่งที่ตำรวจทางหลวง ว่ามีความผิดปกติหรือไม่ แต่เชื่อว่า บช.ปส. มีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนได้มีคำสั่งให้กองบัญชาการตรวจสอบข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด หากพบใครเกี่ยวข้องกับนาเสพติดก็ไม่เอาไว้ อย่างไรก็ตามในส่วน พ.ต.ท.ธนกฤต ได้มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน
ด้าน พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. กล่าวถึงการขยายผลการจับกุม น.ส.ทิพย์อาภาว่า น.ส.ทิพย์อาภา เป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายไซซะนะ โดย น.ส.ทิพย์อาภา ใช้วิธีศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าตัวเอง และเปลี่ยนรูปลักษณ์ ปรับเปลี่ยนยานพาหนะเพื่อใช้ขนยาเสพติด โดยการฝังยาเสพติดไว้ใต้พื้นรถ และใช้ป้ายทะเบียนหลายหมายเลข ซึ่งเป็นการสวมหมายเลขทะเบียนอย่างผิดกฎหมาย ส่วนสามีคือ พ.ต.ท.ธนกฤต จากการสืบสวนทราบว่า มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน ทั้งส่วนของการลำเลียง และการดูแลทรัพย์สิน
“นอกจาก น.ส.ทิพย์อาภาแล้ว ยังสามารถจับกุมเครือข่ายที่เชื่อมโยงไปถึงเครือข่ายไซซะนะ ของนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ หรือ เอกอ้วน ที่ถูกจับกุมเมื่อปีที่แล้ว โดยเอกอ้วน มีส่วนสำคัญที่ทำให้ยาเสพติดแพร่ระบาดในกรุงเทพฯ และพื้นที่ใกล้เคียง คาดว่าครั้งนี้ จะสามารถกวาดล้างเครือข่ายของเอกอ้วนได้อย่างสิ้นซาก” พล.ต.ท.สมหมาย กล่าว.