MGR Online - ผบ.ตร.ร่วมกับ บช.ปส.แถลงผลการจับกุมตามปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/2 จำนวน 59 เป้าหมาย ทลาย 4 เครือข่ายสำคัญ ยึดยาบ้ากว่า 3.6 ล้านเม็ด ไอซ์ 2 กก. ยึดทรัพย์สินรวมมูลค่าเกือบ 200 ล้าน พร้อมสั่ง “พ.ต.ท.ทางหลวง” ให้ออกไว้ก่อน ฐานเอี่ยวเครือข่าย “ทิพย์อาภา”
วันนี้ (19 ม.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะ ผอ.ศอ.ปส.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ปบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม แผนปฏิบัติการ “ชัยยะสยบไพรี 61/2” ปฏิบัติการในห้วงวันที่ 12-19 มกราคม 2561 จำนวน 59 เป้าหมายในพื้นที่ต่างๆ เช่น กรุงเทพมหานคร จำนวน 20 เป้าหมาย ตำรวจภูธรภาค 1 จำนวน 11 เป้าหมาย ตำรวจภูธรภาค 4 จำนวน 2 เป้าหมาย ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 10 เป้าหมาย ตำรวจภูธรภาค 7 จำนวน 16 เป้าหมาย
โดยมี 4 เครือข่ายที่สำคัญ ได้แก่ 1. เครือข่าย น.ส.ทิพย์อาภา รักษาแสง จากกรณีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2560 บก.ขส. บก.ปส.4 จับกุมนายสุชาติ แสงตะวัน กับพวกรวม 3 คน พร้อมกัญชา 520 กก. จากการขยายผลพบว่า น.ส.ทิพย์อาภา รักษาแสง เป็นผู้ควบคุมสั่งการและทำธุรกรรมทางการเงิน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับและหมายค้นเพื่อจับกุมและตรวจยึดต่อไป
2. เครือข่าย น.ส.ธิดารัตน์ จิตรานนท์ (เครือข่ายไอซ์) จากการขยายผลการจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมไอซ์ 2 คดีของ บก.ขส. พบว่ามี น.ส.ธิดารัตน์เป็นผู้ควบคุมสั่งการและทำธุรกรรมทางการเงิน โดยมีเงินหมุนเวียนกว่า 24 ล้านบาท จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับและหมายค้นเพื่อจับกุมและตรวจยึดต่อไป
3. เครือข่ายม้งเวียงแก่น นายมนตรี วงศ์บุญชัยเลิศ จากการสืบสวนเครือข่ายม้งเวียงแก่น ซึ่งมีนายมนตรีเป็นผู้สั่งการ บก.ปส.3 จึงได้จัดชุดเฝ้าสืบสวนติดตามการลักลอบลำเลียงยาเสพติดสู่พื้นที่ตอนในของเครือข่ายดังกล่าว
และ 4. เครือข่ายเอกอ้วน จากปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/6 (ผลพวงแห่งความโลภ) นำไปสู่ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/1 (เสือสิ้นลาย) ซึ่งยึดทรัพย์ได้ประมาณ 200 ล้านบาท ต่อมาจากการขยายผลของ บก.ปส.2 ทราบว่า นายทวีศักดิ์ ภู่รุ่งเรืองผล พี่เขยของนายเอกอ้วนจะเป็นผู้ถือครองทรัพย์สินแทน จึงนำไปสู่ปฏิบัติการในครั้งนี้ในตอน “หมดเวลาของเอกอ้วน” เพื่อขยายผลจับกุมกลุ่มเครือข่าย และตรวจยึดทรัพย์สินต่อไป
ผลการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 61/2 สามารถจับกุมรวมทั้งสิ้น 9 คดี ผู้ต้องหา 14 คน ตรวจยึดของกลางยาบ้า 3,600,000 เม็ด ไอซ์ 2 กิโลกรัม กัญชา 12 กิโลกรัม โคเคน 770 กรัม ปืน 21 กระบอก เครื่องกระสุนปืน 1,163 นัด ตรวจยึดทรัพย์สิน รถยนต์ 11 คันมูลค่า 8,200,000 บาท บ้าน 2 หลัง มูลค่า 9,600,000 บาท ที่ดินและคอนโดมิเนียม 37 แปลง มูลค่า 157,000,000 บาท เงินสด 7,965,900 บาท ทองรูปพรรณมูลค่า 2,700,000 บาท และอื่นๆ มูลค่า 2,639,800 บาท รวมมูลค่าการตรวจยึดทรัพย์สิน 188,105,700 บาท
พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยว่า ทาง บช.ปส.ได้ทำการกวาดล้างยาเสพติดซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ระดับประเทศ สำหรับของกลางที่วางอยู่ด้านหน้านั้นก็บอกได้ว่าสิ่งไหนเป็นพิษ จุดหมายปลายทางก็เป็นพิษเช่นกัน ดังนั้นจึงขอความร่วมมือทุกหน่วยงานช่วยเป็นหูเป็นตา สำหรับแผนในการปฏิบัติปิดล้อมตรวจค้นต่อไปนั้นจะมีการดำเนินการอย่างต่อเรื่องและเข้มข้น ถือเป็นการยกระดับในกวาดล้างยาเสพติดตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เพราะว่าภัยคุกคามของประเทศคือยาเสพติด
พล.ต.อ.จักรทิพย์เปิดเผยต่อว่า กรณี น.ส.ทิพย์อาภาที่มีตำรวจยศ พ.ต.ท.มาเกี่ยวข้องนั้นก็จะต้องมีการตรวจสอบย้อนหลังเนื่องจาก พ.ต.ท.นายดังกล่าวเคยมีคำสั่งให้ช่วยราชการเมื่อครั้งเคยอยู่ สน.มักกะสัน ก่อนที่จะมารับตำแหน่งที่ตำรวจทางหลวงว่ามีความผิดปกติหรือไม่ แต่เชื่อว่า บช.ปส.มีข้อมูลครบถ้วนอยู่แล้ว ทั้งนี้ตนได้มีคำสั่งให้กองบัญชาการตรวจสอบข้าราชการตำรวจทุกนายในสังกัด หากพบใครเกี่ยวข้องกับยาเสพติดก็ไม่เอาไว้ อย่างไรก็ตามในส่วน พ.ต.ท.นั้นได้มีคำสั่งให้ออกไว้ก่อน