ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เก็บตัวเงียบเชียบได้พักใหญ่ คราวนี้ “พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน” เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ได้สร้างความฮือฮาอีกแล้วครับท่าน ด้วยการจัดสร้าง “กระเป๋ามหามงคล พูล เพิ่ม ทรัพย์” ขึ้นมา โดยอ้างว่า เพื่อหารายได้ช่วยโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม หลังพบขาดเครื่องมือแพทย์
จะว่าไปก็ช่างสอดคล้องกับการปรากฏภาพ “บ้านใหญ่นครปฐม” ร่วมกับ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ที่ไปออกรอบก๊วนกอล์ฟด้วยกัน จนก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มไปทั่วทุกนาทาทิศ เพราะใครๆ ก็ร้ว่า “หลวงพี่น้ำฝน” นั้น มีความสัมพันธ์อันดีเยี่ยมกับ “ผู้มากบารมีแห่งเมืองนครปฐม” เพียงใด
ที่สำคัญคือต้องถือว่า “กระเป๋ามหามงคล พูล เพิ่ม ทรัพย์” นั้นเป็น “วัตถุมงคล” ประเภทหนึ่ง ดังนั้น จึงสุ่มเสี่ยงที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของ “มหาเถรสมาคม(มส.)” ที่ห้ามในเรื่องการอ้างอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ และงดขึ้นป้ายงานพุทธาภิเษก ส่งผลทำให้หลายวัดต้องปรับตัว ยกตัวอย่างเช่น วัดศีรษะทอง นำผ้าจีวรขนาดใหญ่ปิดคลุมองค์พระราหู บริเวณซุ้มหน้าวัดประตูทางเข้า รวมถึงองค์พระราหูที่ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาแปดเหลี่ยมของวัดศีรษะทองเพื่อทำตามมติของ มส. เป็นต้น
แน่นอน ไม่มีใครปฏิเสธการทำความดีของหลวงพี่น้ำฝนที่ตั้งใจหาเงินช่วยโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม แต่คำถามก็คือ ทำไมหลวงพี่น้ำฝนถึงกล้าสวนกระแส และนั่นนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า หรือจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ “ภาวะขาขึ้น” ของ “บ้านใหญ่” ก็มิรู้ได้?
ทั้งนี้ หลวงพี่น้ำฝนยอมรับว่า การสร้างกระเป๋ามีแนวคิดมาจากการที่วัดไผ่ล้อมเปิดให้เจิมหน้าผากเสริมมงคล โดยอักขระยันต์ ตามสูตรของหลวงพ่อพูล อัตรักโข อดีตเจ้าอาวาสผู้ล่วงลับ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา พบว่า มีพ่อค้าประชาชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศนำกระเป๋าสตางค์ หรือกระเป๋าสะพาย มาให้เจิมเพื่อเสริมมงคลในการค้าขาย และเรียกทรัพย์ เนื่องจากยันต์ของหลวงพ่อพูลนั้นเป็นพุทธคุณเมตตามหานิยม รวมทั้งเดินทางมาเช่าบูชาวัตถุมงคลเป็นจำนวนมาก
“หลังจากที่เห็นว่ามีประชาชนนิยมนำกระเป๋ามาเจิม ประกอบกับโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ได้ทำหนังสือมาขอความอนุเคราะห์ในเรื่องของการขอรับบริจาคเงินในการก่อสร้างอาคารในโรงพยาบาล ทางอาตมา ก็เห็นว่าเป็นโครงการใหญ่ จึงได้คิดวิธีจะหารายได้ช่วยเหลือ เพราะจากที่เคยพาโยมแม่ไปรับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์นครปฐม พบว่า มีคนป่วยหลายคนต้องนอนที่เปลสนามนอกห้อง เพราะห้องไม่เพียงพอ และเห็นเครื่องมือหลายอย่างยังขาดแคลน จึงเกิดความเวทนาใจ และอยากจะช่วยเหลือเพิ่มเติมขึ้น ซึ่งทางวัดไผ่ล้อมไม่เคยมีการขอรับบริจาคเงินใดๆ จึงได้นำแนวคิดจัดทำกระเป๋ามหามงคลขึ้น เพื่อหารายได้สนับสนุนการก่อสร้างโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม โดยเป็นการจัดทำกระเป๋าอย่างดี มีการตีตรายันต์ตำรับหลวงพ่อพูลติดไว้ที่กระเป๋าเพื่อให้ศิษยานุศิษย์ ได้ซื้อไปใช้ ด้วยความตั้งใจในการทำงานค้าขาย ส่วนรายได้ทางวัดก็จัดให้ไปทางโรงพยาบาลศูนย์นครปฐม ซึ่งขณะนี้มีกระแสคนเข้ามาขอซื้อจำนวนมาก โดยชาวจีนได้มาสั่งไปแล้วนับร้อยใบ และยังมีการจัดทำผ้าพันคอสาลิกามหาเสน่ห์ ด้วย ซึ่งจะเป็นการนำผ้าจากยุโรป มาพิมพ์ลายยันต์ของวัดไผ่ล้อม สวยงามใช้งานได้ดี และมีทั้งพุทธคุณ เสริมมงคล และสุดท้ายคือนำรายได้ช่วยเหลือสังคมอย่างเต็มที่”
ส่วนเรื่องของความเหมาะสมนั้น หลวงพี่น้ำฝนบอกว่า ถ้าคนที่เป็นศิษยานุศิษย์จะเข้าใจ คือ วัดไม่ได้หากำไร แต่หารายได้ช่วยโรงพยาบาล ซึ่งคนซื้อก็ได้กระเป๋าคุณภาพดี มีมงคล และยังได้ร่วมทำบุญด้วยการให้ เพราะอาตมาทำแบบนี้มานานแล้ว แต่ที่ต้องทำแบบนี้ เพราะวัดต้องทำตามกระแสโลกที่เปลี่ยนไป ถ้ามัวมาออกพระเหรียญพระพิมพ์ต่างๆ จะหาเงินช่วยโรงพยาบาลได้อย่างไร คือ เราต้องคิดก้าวหน้าให้ทันยุค
“อาตมาขอให้เข้าใจว่า นี่คือ การทำบุญร่วมกัน ซึ่งอาตมาจะมีการทำโชว์รูมจำหน่ายสินค้าที่วัดไผ่ล้อมแบบชัดเจน...และมันไม่ใช่พุทธพาณิชย์ แต่เป็นการร่วมกันทำบุญโดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง”
กล่าวสำหรับกระเป๋ามหามงคล “พูล เพิ่ม ทรัพย์” นั้น ประกอบด้วย กระเป๋าเป้ใส่เงิน แบบขนาดใหญ่ จำหน่ายในราคาใบละ 3,000 บาท กระเป๋าใส่เงินแบบไซส์ปกติ (ธนบัตรไทย) ใบละ 1,000 บาท กระเป๋าใส่เงินแบบไซส์ธนบัตรต่างประเทศ ใบละ 1,000 บาท กระเป๋าใส่เงินแบบสามพับยาว ราคาใบละ 1,500 บาท กระเป๋าใส่เงินแบบสามพับสั้นไม่มีซิป ใบละ 1,000 บาท กระเป๋าใส่เงินแบบซิปรอบยาว ราคาใบละ 1,500 บาท กระเป๋าใส่เงินแบบสามพับสั้นมีซิปด้านหลัง ใบละ 1,000 บาท กระเป๋าเป้ใส่เงิน แบบขนาดเล็ก ใบละ 2,500 บาท กระเป๋าสะพายเก็บเงิน แบบแมสเซนเจอร์ ใบละ 2,500 บาท กระเป๋าถือเก็บเงินแบบคอนเซปต์ 7 วัน 7 สี ใบละ 2,500 บาท มีให้เลือก 7 สี
กระนั้นก็ดี ต้องบอกว่า ก่อนหน้าที่จะมาฮือฮาล่าสุดกับ กระเป๋ามหามงคล “พูล เพิ่ม ทรัพย์” หลวงพี่น้ำฝนได้เคยมีเรื่องอื้อฉาวเกิดขึ้นมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น กรณีรถยนต์สุดหรูเลี่ยงภาษี “จาร์กัวร์ แพนเธอร์” หรือกรณีที่หลวงพี่คนดังอ้างว่าได้รับการแต่งตั้งจาก “พระราชรัตนมุนี” เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม ให้เป็นหัวหน้าคณะพระวินยาธิการหรือตำรวจพระแห่งจังหวัดนครปฐมเข้าไปที่วัดอ้อน้อย(ธรรมอิสระ) อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม ซึ่งมีหลวงปู่พุทธะอิสระหรือพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม จำพรรษาอยู่ที่นั่นเพื่อให้พระ 46 รูปในวัดอ้อน้อยตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด ซึ่งทางวัดอ้อน้อยไม่ยินยอม จนปรากฏตามสื่อต่างๆ ในทุกแขนง
ในครั้งนั้น อากัปกิริยาที่หลวงพี่น้ำฝนแสดงต่อพระอธิการศิริชัย สิริโสภโณ เจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ขณะเข้าไปที่วัดอ้อน้อยเต็มไปด้วยความแอ็กอาร์ต แถมหลวงปู่พุทธะอิสระยังแฉกลับด้วยว่า ทีมงานของหลวงพี่น้ำฝนซึ่งเป็นวัยรุ่นที่ เดินทางมาด้วยนั้น มี 1 คนที่มีประวัติพัวพันกับยาเสพติดอีกต่างหาก
แน่นอน การที่หลวงพี่น้ำฝนรับบทเช่นนี้ ก็เพราะเส้นทางความเป็นมาของหลวงพี่คนดังนั้นไม่ธรรมดาโดยศัพท์ในยุทธจักรดงขมิ้นรู้จักกันดีกับคำว่า “ดวง” เนื่องจากถือเป็นคัมภีร์แห่งความก้าวหน้าเลยก็ว่าได้
ก่อนหน้าที่หลวงพี่น้ำฝนจะบรรพชาอุปสมบท เป็นพระและมาฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์เกจิอาจารย์ชื่อดังอย่าง “หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม” กระทั่งกลายเป็นเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อมนั้น หลวงพี่เคยอยู่กับนักการเมืองแห่งจังหวัดนครปฐมมาก่อน ซึ่งแม้หลวงพี่น้ำฝนจะก้าวสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้วก็ตาม แต่สายสัมพันธ์ที่มีอยู่ระหว่างกันก็มิได้จางหายไป
ขณะที่ในทางพระ ตำแหน่งพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ของหลวงพี่น้ำฝนนั้น ก็เป็นที่ทราบกันดีอีกเช่นกันว่า เป็นตำแหน่ง ฐานานุกรมของ “พระพรหมสุธี(เสนาะ ปญฺญาวชิโร)” หรือเจ้าคุณเสนาะ อดีตเลขานุการสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว อุปเสโณ) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ผู้ล่วงลับไปแล้ว
เมื่อครั้งที่เกิดปัญหาว่าด้วยตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม หรือวัดหลวงพ่อโสธร จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยคราวนั้นพระสงฆ์วัดโสธรและพุทธศาสนิกชนแตกกันเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งหนุน ฝ่ายหนึ่งต่อต้านการแต่งตั้งเจ้าอาวาสว่าสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีด้วยฝีมือใคร ครานั้น หลวงพี่น้ำฝนได้สำแดงฝีมือสยบปัญหาให้เป็นที่ประจักษ์ให้เห็นมาแล้วเช่นกัน
และด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลวงพี่น้ำฝนไม่เป็นสองรองใครในแวดวงดงขมิ้นทั้งในระดับจังหวัด ระดับประเทศ ระดับอาณาจักรและระดับศาสนจักร
แถมใน “ย่าม” ของหลวงพี่น้ำฝนก็มี “ของดี” ที่ไม่ธรรมดาติดตัวเอาไว้อีกต่างหาก
ดังนั้น จึงคงไม่เกินเลยไปนักถ้าจะกล่าวว่า การกลับมาของหลวงพี่น้ำฝนในเวลานี้นั้น พกความมั่นใจมาสุดๆ เพราะมี “แบ็กดี” ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลังโดยไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ