xs
xsm
sm
md
lg

เมาแล้วขับพุ่ง88%-5วันยอดคนตาย317

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน 360 - ศปถ.เข้มข้นดูแลเส้นทางสายหลัก - ทางเลี่ยง - ทางลัด รองรับเดินทางกลับ เพิ่มความถี่เรียกตรวจ เข้มขับเร็ว-ง่วงหลับใน แนะประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจร สรุปยอดอุบัติเหตุ5วัน 3,056ครั้ง มีผู้ตาย317 ราย บาดเจ็บ3,188ราย เผย 'ศรีสะเกษ'แชมป์!!เสียชีวิตมากสุด ด้าน กรมคุมประพฤติ เผยคดี“เมาแล้วขับ” พุ่ง88% นายกฯสั่งเข้มดูแลความปลอดภัยปชช.เดินทางกลับ กทม. พร้อมขอบคุณความทุ่มเทเสียสละของเจ้าหน้าที่และความร่วมมือของประชาชน

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 เปิดเผยว่า ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค.61 ซึ่งเป็นวันที่ห้าของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร" เกิดอุบัติเหตุ 677 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 71 ราย ผู้บาดเจ็บ 696 คน โดยปัญหาเมาสุราแล้วขับยังเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 47.27% ขับรถเร็วเกินกำหนด 26% ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ 82.45% รถปิคอัพ 5.18% ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง 66.62% บนถนนใน อบต./หมู่บ้าน37.37% ถนนกรมทางหลวง35.30% ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 00.01 - 04.00 น. 27.92%

ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,011 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,092 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 782,166 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 138,279 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 39,875 ราย ไม่มีใบขับขี่ 38,178 ราย โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (38 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ร้อยเอ็ดและกรุงเทพมหานคร (5 ราย) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี (39 คน)

สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสม 5 วัน ระหว่าง28 ธ.ค.60 - 1 ม.ค.61 เกิดอุบัติเหตุรวม 3,056 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 317 ราย ผู้บาดเจ็บรวม 3,188 คน จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 9 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ตรัง ตาก นครนายก นราธิวาส น่าน ยะลา ระนอง และหนองบัวลำภู จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี เกิดอุบัติเหตุ114 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ ศรีสะเกษ 13 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี จำนวน118 คน

รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันนี้เป็นวันหยุดสุดท้ายของเทศกาลปีใหม่ ประชาชนส่วนใหญ่อยู่ระหว่างเดินทางกลับ ทำให้เส้นทางสายหลักจากภูมิภาคต่างๆ ที่มุ่งเข้าสู่กรุงเทพมหานคร และเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างจังหวัดมีปริมาณรถหนาแน่น ประกอบกับการเฉลิมฉลองช่วงเทศกาลรื่นเริง อาจทำให้ผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุจากการง่วงหลับใน ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจึงเน้นย้ำให้จังหวัดเข้มข้นจุดตรวจ
โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมสู่ถนนสายหลัก เส้นทางสายรองที่ประชาชนใช้เป็นทางลัดและทางเลี่ยงเมือง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นถนนทางตรง วิ่งสวนเลน และไม่มีเกาะกลาง จึงสามารถใช้ความเร็วได้สูง พร้อมเพิ่มการเรียกตรวจรถโดยสารสาธารณะทั้งประจำทางและไม่ประจำทาง รถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสารท้ายกระบะ ควบคู่กับการเร่งระบายรถ โดยเปิดช่องทางพิเศษและจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกบริเวณจุดตัดเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น พร้อมคุมเข้มความปลอดภัยของรถโดยสารสาธารณะและการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของพนักงานขับรถ ตลอดจนเตรียมความพร้อมระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินให้เข้าถึงและส่งต่อผู้ประสบอุบัติเหตุได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งจัดเตรียมระบบสื่อสารแจ้งเหตุ ทีมแพทย์ พยาบาล อาสาสมัครกู้ชีพกู้ภัย อุปกรณ์เครื่องมือให้พร้อมช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ กรณีเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง

*** สถิติ5วันคดี'เมาแล้วขับ'พุ่ง88%

นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม(ยธ.) กล่าวว่าได้รับรายงานจากนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เกี่ยวกับสถิติศาลสั่งคุมประพฤติคดี พ.ร.บ.จราจรทางบกและขับรถประมาท ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค.60-1 ม.ค.61 พบว่า ทั่วประเทศมีผู้ที่ศาลสั่งคุมประพฤติทั้งหมดจำนวน 3,517 คดี

ทั้งนี้ จำแนกเป็นคดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 3,105 ราย หรือคิดเป็น 88.28% , คดีขับรถประมาท จำนวน 44 ราย หรือคิดเป็น1.25% , คดีขับซิ่ง จำนวน 1 ราย หรือคิดเป็น 0.02% , คดีขับเสพและอื่นๆ จำนวน 367 ราย หรือคิดเป็น10.43%

***นายกฯสั่งเข้มความปลอดภัย ปชช.เดินทางกลับ

พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เข้มงวดกวดขันวินัยจราจร และอำนวยความสะดวกให้ประชาชนเดินทางกลับ กทม. อย่างปลอดภัย โดยเบื้องต้นได้รับรายงานว่า จำนวนอุบัติเหตุ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ ลดลงกว่าปีก่อน ทั้ง ๆ ที่ประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของมาตรการที่ภาครัฐกำหนดและความร่วมมือของประชาชนเอง

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้ผู้มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยของสถานีขนส่งสาธารณะต่าง ๆ ทั้งสถานีขนส่งรถโดยสารประจำทาง สถานีรถไฟ สถานีรถตู้ เข้มงวดสอดส่องเรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เพราะอาจเป็นช่วงที่มิจฉาชีพจะใช้โอกาสที่มีประชาชนจำนวนมากก่อเหตุขึ้นได้

“นายกฯ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ เพื่อให้ประชาชนเดินทางถึงที่หมายอย่างปลอดภัย และขอบคุณประชาชนทุกคนที่ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎจราจรและข้อแนะนำต่าง ๆ รวมทั้งความมีน้ำใจเอื้อเฟื้อที่มอบให้แก่เพื่อนร่วมทางด้วย” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น