xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

21 ธันวา60 เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ปฐมบทรถไฟความเร็วสูง “ไทย-จีน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - การรอคอยอันยาวนานถึงวันสิ้นสุด ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ “รถไฟไทย” ได้เริ่มขึ้นแล้ว เมื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีตอกเสาเข็มเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2560 แสดงสัญลักษณ์การก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา ช่วงสถานี กลางดง - ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตรจากระยะทางทั้งหมด 252 กิโลเมตร วงเงินลงทุนทั้งสิ้น 1.79 แสนล้านบาท หลังการสร้างรถไฟไทยสายแรกผ่านมาร้อยกว่าปีตั้งแต่สมัย ร.๕

เป็นความมุ่งมั่นของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ตั้งใจอย่างแรงกล้าว่าจะปักหมุดรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ให้ได้ แม้ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากมายมหาศาล เจอโรคเลื่อนแล้วเลื่อนอีกก็ตามที และไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะมีหรือไม่มีผลงานด้านอื่นๆ มากมายเพียงไหน แต่รถไฟความเร็วสูงสายแรกที่เกิดขึ้นจนได้ในรัฐบาลนี้จะเป็นบทบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ประเทศไทย ประวัติศาสตร์รถไฟไทย และประวัติชีวิตของผู้นำรัฐบาลไทยที่ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมดังตั้งใจ

ก่อนที่จะถึงวันเบิกฤกษ์สำคัญ ในช่วงบ่ายเวลา 15.00 น. ของวันที่ 20 ธ.ค. 2560 ณ มอหลักหินรัชกาลที่ ๕ ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ทำพิธีบวงสรวงพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ เพื่อน้อมรำลึกการเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรการก่อสร้างรถไฟสายกรุงเทพ-นครราชสีมา เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2441 โดยมี นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี ปลัดกระทรวงคมนาคม นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าฯการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และ นายธานินทร์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ร่วมพิธีบวงสรวง

จากนั้นในวันรุ่งขึ้น 21 ธ.ค. 2560 เวลา 15.00 น. พลเอกประยุทธ์ และนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติจีน ได้ร่วมพิธีเริ่มการก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร - นครราชสีมา) ภายใต้แนวคิด “น้ำหนึ่งใจเดียว ทุกเรื่องราบรื่น 同心协力, 事事顺利”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงนี้ จะเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาคและโครงข่ายคมนาคม One Belt One Road ของรัฐบาลจีน อันจะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคมขนส่งและลอจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน

ทั้งนี้ เพื่อให้การดำเนินโครงการประสานสอดคล้องกับกลไกระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาอื่นๆ รัฐบาลได้จัดทำแผนแม่บทการพัฒนาและแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ รวมทั้งปฏิรูปกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องตลอดจนจัดตั้งสถาบันวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีระบบราง เพื่อบริหารจัดการงานวิจัยถ่ายทอดและพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพัฒนาบุคลากรสำหรับรองรับการพัฒนาระบบขนส่งทางรางต่อไป

สำหรับแนวเส้นทางโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา มีทั้งสิ้น 6 สถานี ได้แก่ สถานีกลางบางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี ปากช่อง และสถานีนครราชสีมา ระยะทางรวม 252.3 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับ 181.9 กิโลเมตร ทางระดับพื้น 64.0 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ 6.4 กิโลเมตร

ในการก่อสร้างโครงการ จะใช้ระบบเทคโนโลยีของจีน โดยแบ่งงานเป็น 2 ส่วน คือ ฝ่ายไทย รับภาระการลงทุนโครงการทั้งหมด และดำเนินการก่อสร้างงานโยธา ฝ่ายจีนรับผิดชอบการออกแบบรายละเอียดงานโยธา และควบคุมการก่อสร้างงานโยธา ออกแบบ และก่อสร้างระบบรถไฟ ระบบอาณัติสัญญาณ และระบบควบคุมการเดินรถ โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2564 จากนั้นจะติดตั้งระบบและทดสอบ คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ ในปี 2566

ส่วนรูปแบบรถไฟที่ใช้ในโครงการจะเลือกใช้รุ่น FUXINGHAO ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วสูงรุ่นล่าสุดของจีน สามารถใช้ความเร็วสูงสุดในการเดินรถได้ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้ระยะเวลาในการเดินทางจากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา 1.30 ชั่วโมง

โครงการรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร - หนองคาย จะเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟลาว-จีน (เวียงจันทน์-บ่อเต็น) และโครงข่ายรถไฟของจีน (โมฮัน-คุนหมิง) ได้อย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ One Belt One Road ที่จะสร้าง “เส้นทางสายไหมยุคใหม่” เชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งทางรางของไทยสู่การค้ากับ 64 ประเทศ ซึ่งมีประชากรรวมกันประมาณ 4,400 ล้านคน มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก และมีสัดส่วน GDP ประมาณร้อยละ 40 ของโลก ถือเป็นการเสริมสร้างโอกาสด้านการลงทุน การสร้างงาน สร้างรายได้ของประเทศไทย

การเริ่มตอกเสาเข็มเมื่อวันที่ 21 ธ.ค. 2560 นี้ นับเป็นเวลาครบ 3 ปีพอดี ที่รัฐบาลไทยและจีน ร่วมผลักดันโครงการมาอย่างต่อเนื่อง นับจากมีการลงนามความตกลงร่วมกันตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2557

สำหรับงานก่อสร้างช่วงแรก 3.5 กม. เป็นงานถมคันดิน วงเงิน 425 ล้านบาท ร.ฟ.ท. จะกู้เงินในประเทศ จ้างกรมทางหลวง ดำเนินการ ใช้เวลา 6 เดือน แล้วเสร็จกลางปี 2561ส่วนที่เหลืออีก 249 กม. ได้แก่ ช่วงที่ 2 ปากช่อง-คลองขนานจิตร 11 กม. ช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา 119.5 กม. และช่วงที่ 4 กรุงเทพฯ-แก่งคอย 119.5 กม. จีนจะทยอยส่งแบบรายละเอียดภายในเดือน ธ.ค. 2560 เป็นต้นไป จากนั้น ร.ฟ.ท.จะทยอยประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-bidding วงเงินรวม 122,593.92 ล้านบาท แบ่ง 14 สัญญา ๆ ละ 8,000-10,000 ล้านบาท เปิดให้ผู้รับเหมาไทยทั้งงานถนน อุโมงค์และรถไฟฟ้าเข้าร่วมประมูลได้ทุกสัญญา คาดว่าจะได้ผู้รับเหมาครบปลายปี 2561

ส่วนการเวนคืนที่ดินและรื้อย้ายตลอดแนวเส้นทาง จะใช้งบประมาณ 13,069 ล้านบาท แยกเป็นค่าเวนคืน 212 ล้านบาท

ขบวนรถไฟความเร็วสูงสายกทม.-นครราชสีมา มีศูนย์ซ่อมบำรุงอยู่ที่ ต.เชียงรากน้อย อ.บางปะอิน จ. พระนครศรีอยุธยา ประกอบด้วย 6 ขบวน วิ่งด้วยความเร็ว 250 กม./ชั่วโมง บรรจุคนได้ 600 คนต่อขบวน ใช้เวลาจาก กทม.ถึงนครราชสีมา ประมาณ 1 ชั่วโมง 17 นาที

โดยปีแรกที่จะดำเนินการในปี2564 ประเมินว่าจะมีผู้ใช้บริการ 5,300 คน/วัน คิดเป็น 1 ใน 4 ของจำนวนผู้ที่เดินทางไปกลับ กทม.-นครราชสีมา ในปัจจุบันที่มีอยู่ 20,000 คน โดยมี 11 ขบวน/วัน วิ่งทุกๆ 90 นาที และในปี 2594 จะมีผู้ใช้บริการ อย่างน้อย 26,800 คน/วัน และจะมีรถไฟ 26 ขบวน วิ่งทุก 35 นาที ค่าโดยสาร คิดที่อัตรา 80 บาท บวก 1.8 บาท/กิโลเมตร เช่น กทม.-สระบุรี ราคา 278 บาท กรุงเทพ-ปากช่อง 393 บาท กรุงเทพ-นครราชสีมา 535 บาท

ส่วนผลประโยชน์ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นตามผลการศึกษาตกอยู่ที่ 8.56 เปอร์เซ็นต์ ถ้าคิดผลประโยชน์ครอบคลุมไปถึงการพัฒนาเมืองและพื้นที่รอบๆ จะทำให้ผลประโยชน์ 11 เปอร์เซ็นต์ เป็นการคำนวณเฉพาะ กทม. - โคราช เท่านั้น ไม่ได้คำนวณไปถึง กทม.-หนองคาย ไปจีน ซึ่งรัฐบาลมองว่าเป็นการคุ้มค่าต่อการลงทุนเพื่อสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจส่วนรวม

กว่าจะถึงวันนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ที่มี ร.ฟ.ท. สังกัดกระทรวงคมนาคม เป็นเจ้าของ เจอโรคเลื่อนแล้วเลื่อนอีกด้วยเผชิญอุปสรรคปัญหานานัปการ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงกับต้องออกคำสั่งตาม ม.44 ปลดล็อกเพื่อเร่งรัดให้การดำเนินโครงการเร็วขึ้น โดยยกเว้นให้การรถไฟฯ ไม่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายบางข้อเกี่ยวกับการว่าจ้างวิศวกร สถาปนิกจีน เป็นผู้ออกแบบ และควบคุมการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง

จนมาถึงปัญหาล่าสุดที่ทำให้โครงการล่าช้า ก็คือรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ซึ่งกระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นผู้รับผิดชอบ ได้เสนอขอความเห็นชอบจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวม 7 ครั้ง จึงสามารถฝ่าด่านได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ไปเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2560 ที่ผ่านมา

อาจกล่าวได้ว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เป็นโครงการที่มีแต่การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่มีการลงนามเอ็มโอซีไทย-จีน เมื่อเดือนธ.ค. 2557 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เคยถูกกำหนดให้เป็นรถไฟความเร็วปานกลาง เพราะรถไฟความเร็วสูงยังไม่จำเป็นสำหรับไทย แต่ต่อมาก็กลายเป็น “ไฮสปีดเทรน” หรือรถไฟความเร็วสูงในที่สุด

ส่วนเรื่องเส้นทาง เริ่มต้นจากรถไฟสายกรุงเทพฯ-หนองคาย และแก่งคอย-มาบตาพุด วงเงิน 5.3 แสนล้านบาท ในปี 2557 ก่อนพลิกเป็นกรุงเทพฯ-นครราชสีมา (ทางคู่) นครราชสีมา-หนองคาย (ทางเดี่ยว) โดยชะลอการสร้างเส้นทางแก่งคอย-มาบตาพุด เอาไว้ก่อน แต่ในที่สุดก็เหลือเพียงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252 กิโลเมตร ทางเดี่ยว ที่ถูกซอยออกเป็น 4 ช่วง ที่จะทยอยก่อสร้างตามลำดับ

ขณะที่การลงทุน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงจากเดิมที่เป็นการลงทุนร่วมระหว่างไทยกับจีน ในสัดส่วนต่างๆ กัน สุดท้ายกลายเป็น ไทยลงทุนทั้งหมด จีนกลายเป็นผู้ออกแบบ ควบคุมการก่อสรร้าง และผู้ขายระบบเทคโนโลยีขบวนรถให้กับไทย

ด้านการก่อสร้างและเงินลงทุนก่อสร้างก็ไม่แน่นอนมาตั้งแต่ต้น สุดท้ายมีมติ ครม. เมื่อเดือน ก.ค. 2560 โดยรัฐบาลจะรับภาระค่าดำเนินการทั้งหมด ด้วยการให้สำนักงบประมาณ จัดสรรงบประมาณรายปี และ/หรือ กระทรวงการคลัง จัดหาแหล่งเงินกู้และค้ำประกันเงินกู้ภายในประเทศตามความเหมาะสม โดยให้ รฟท.เป็นผู้กู้ ตาม พ.ร.บ.การรถไฟแห่งประเทศไทย 2494

เมื่อตอกหมุดหมายแล้ว รอแต่วันเปิดหวูดเกาะขบวนยุทธศาสตร์ One Belt One Road ของพี่ใหญ่จีน ตามกำหนดการเปิดบริการจริงในปี 2566 เว้นเสียแต่จะเจอโรคเก่ากำเริบคือความไม่แน่นอนทำให้ต้องเลื่อนออกไปเรื่อยๆ อีก

กำลังโหลดความคิดเห็น