xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปรากฏการณ์ “คลังแสง” บางน้ำเปรี้ยว เรื่องจริงหรือแค่เกมไม่ปลดล็อกพรรคการเมือง!!??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อาวุธสงครามที่จับได้บริเวณบางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทรา
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นับวันก็ยิ่งมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้นในบ้านนี้เมืองนี้มากมายจนอยากที่จะบอกว่าอะไรคือความจริง อะไรคือความเท็จ

กรณีการตรวจพบ “คลังแสง” ครั้งล่าสุดที่บางน้ำเปรี้ยว ฉะเชิงเทราเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2560 ก็เช่นเดียวกัน

อยู่ๆ วันดีคืนดี เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สุดแสนจะขยันจนน้ำตาประชาชนแทบไหลพรากๆ ด้วยการตรวจพบอาวุธสงคราม ระเบิดขว้างสังหารและกระสุนปืนขนาดต่างๆ จำนวนมากภายในริมคลองน้ำข้างนา พื้นที่หมู่ 15 ตำบลดอนฉิมพลี อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา

จากนั้นอีก 5 วันก็ตามมาด้วยการที่ “บิ๊กปู พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล” รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สรุปผลการสืบสวนสอบสวนแบบฉับพลับทันทีว่ามีความเกี่ยวข้องกับ “โกตี๋” นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ แกนนำคนเสื้อแดงชื่อดังจากเมืองปทุมธานีที่บัดนี้สาบสูญและไม่รู้ว่าไปอยู่แห่งหนตำบลไหน

ขณะเดียวกันก็ระบุด้วยว่า อาวุธเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในการก่อความไม่สงบในช่วงเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2557 เพราะตรวจสอบซีเรียลนับเบอร์แล้วอยู่ในชุดเดียวกัน

สอดคล้องกับ “บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า ยังมีกลุ่มคนเริ่มเคลื่อนไหวและถ้าเหตุการณ์ยังเป็นแบบนี้อยู่ก็คงปลดล็อกทางการเมืองยาก

แปร่งๆ ปร่าๆ แต่ผู้คนจะพออนุโลมว่าพอจะเชื่อถือได้ และมิได้มีข้อสงสัยอะไรว่าการค้นพบครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับ “การปลดล็อกพรรคการเมือง” ที่กำลังเป็นประเด็นร้อน หรือเป็น “คลังแสงเทียม” หรือไม่ แม้จะคล้อยตามไปแล้วก็ตามที

คงไม่มีใครบ้าที่จะทำเช่นนั้น

แต่เรื่องที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อ “นายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร” เดินทางเข้ามาติดต่อขอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยรักษาความสงบ ศูนย์ป้องกันภัยทางอากาศ ทบ.1(ศปอภ.ทบ.1) ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่วังน้อย-ปทุมธานี โดยยอมรับว่าเป็นเจ้าของอาวุธดังกล่าวแบบหน้าชื่นตาบาน

มีแต่เขาจะหนี แต่นี่เดินทางเข้ามามอบตัวหน้าตาเฉย

แน่นอน ความสงสัยย่อมเกิดขึ้นในฉับพลันทันที

จากนั้นเมื่อมีการตรวจสอบประวัติของนายวัฒนา ทรัพย์วิเชียร์ ก็ยิ่งตะลึงพรึงเพริดกันเข้าไปใหญ่ เพราะนายวัฒนาคนเดียวกันนี้มีเส้นทางไม่ธรรมดา กล่าวคือเมื่อครั้งที่ พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชาทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นายวัฒนาคนนี้ก็เป็นหนึ่งในแบล็กลิสต์ตามคำสั่งของ คสช.ที่เรียกให้เข้ามารายงานตัว

ถัดมาอีกไม่ถึง 2 เดือนนายวัฒนาก็ถูกจับกุมตามหมายจับของศาลจังหวัดทหารบกสระบุรีในข้อหาครอบครองอาวุธสงครามเป็นครั้งแรก และเจ้าตัวก็ยอมรับสารภาพก่อนที่จะถูกตัดสินให้จำคุกเป็นเวลา 20 เดือน

ในครั้งนั้น นายวัฒนาบอกว่า รับอาวุธสงครามจากนายสมเจตน์ คงวัฒนะ หรือสน ผู้ต้องหาเครือข่ายอาวุธสงครามวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ผู้แจกจ่ายอาวุธ เช่น เอ็ม 79 ระเบิดอาร์จีดี 5 ให้บุคคลต่างๆ ไปเพื่อสร้างความวุ่นวายแก่ประชาชนในช่วงที่การชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ก่อนส่งต่อให้นายชัยวัฒน์ ผลโพธิ์ หรือเปี๊ยก กาละแม เพื่อไปใช้ก่อเหตุในจุดต่างๆ และส่วนหนึ่งนำไปฝังดินไว้แถว อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา

เที่ยวนี้ นายวัฒนาไม่ได้ถูกจับ แต่เดินทางเข้ามามอบตัวและรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของอาวุธสงครามเหล่านั้น ประหนึ่งไม่ยี่หระต่อการถูกจับกุมคุมขังเสียนี่กระไร

ถ้าไม่ใช่คำว่า ตลกสิ้นดี ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร และนำมาซึ่งคำถามว่า ภายหลังการเรียกตัวไปปรับทัศนคติ นายวัฒนาเลิกใส่เสื้อแดงแล้วหันมาใส่เสื้อสีเขียวเสียแล้วกระมัง

อย่าว่าแต่คนเสื้อแดงที่สงสัยเลย แม้แต่คนเสื้อเขียวเองก็ตั้งข้อสงสัยถึงความผิดสังเกตที่เกิดขึ้นเช่นกัน

ทั้งนี้ อาวุธสงครามที่ตรวจพบประกอบไปด้วย ระเบิดขว้างสังหาร GRD 5 จำนวน 30 ลูก // ไปป์บอมบ์ ชนิดท่อพีวีซีขนาด 2 นิ้ว จำนวน 7 ลูก // แท่งดินระเบิด TNT ขนาด 1/2 ปอนด์ จำนวน 1 แท่ง // ลูกระเบิดยิงขนาด 40 มม.(M 79) จำนวน 2 ลูก // ซองกระสุนปืน AK47 (อาก้า) ขนาดบรรจุ 30 นัด จำนวน 12 ซอง // กระสุนปืน ขนาด 7.62 มม.(อาก้า) จำนวน 1,799 นัด // กระสุนปืนยาวขนาด 6.35 มม.จำนวน 9 นัด // กระสุนปืนพกขนาด 6.35 มม.จำนวน 9 นัด // กระสุนฝึกยิงขนาด 5.56 มม.(เอ็ม 16) จำนวน 108 นัด

ทั้งนี้ นอกจากนายวัฒนาแล้ว ล่าสุดวันที่ 7 ธ.ค.2560 กองปราบปรามได้ขออำนาจศาล อนุมัติออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 4 คน ประกอบด้วย 1..นายชัยวัฒน์ ผลโพธิ์ หรือเปี๊ยก กาละแม 3.นายสมเจตน์ หรือสน คงวัฒนะ 4.นายมนัส หรือ พล.ท.มนัส เปาริก และ 5.นายจักรภพ เพ็ญแข ในฐานความผิดร่วมกันมีอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน หรือวัตถุระเบิดที่ใช้เฉพาะในการสงความที่นายทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ไว้ในครอบครอง และความผิดฐานอั้งยี่ซ่องโจร

เป็น 4 ตัวละครที่เผอิญเป็นอย่างยิ่งที่เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกับที่เคยถูกออกหมายจับในคดีคลังแสงที่ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธาอย่างไม่น่าเชื่อ

ถามว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ทำไปทำมาจะเกี่ยวข้องกับการปลดล็อกพรรคการเมืองหรือไม่

หรือคสช.ต้องการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองด้วยการหาเหตุเลื่อนการเลือกตั้งออกไป

ตอบว่า ต้องไปถาม บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เจ้าของแหวนเพชร 1 กะรัตและนาฬิการิชาร์ด มิลล์เรือนงาม ในฐานะผู้รับผิดชอบงานทางด้านความมั่นคงกระมัง

ส่วนการที่ “บิ๊กป๊อก-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พี่รองบูรพาพยัคฆ์ออกมาลดกระแสร้อนด้วยการป่าวประกาศว่าจะเสนอให้นายกรัฐมนตรีปลดล็อกทางการเมืองเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้นักการเมืองนั้น น่าจะไม่มีอะไรในก่อไผ่ เพราะงานนี้ พล.อ.ประวิตรตอบเอาไว้ชัดเจนว่า “ก็ยังไม่เห็นมีความพร้อมอะไรเลย” พร้อมยืนยันเรื่องคลังแสงที่บางน้ำเปรี้ยวด้วยว่า “ใครจัดฉาก เจ้าหน้าที่จะจัดฉากไปทำไม ยืนยันว่าไม่มีจัดฉาก เจ้าหน้าที่ทำทุกอย่างตรงไปตรงมา มีแต่ผู้สื่อข่าวที่บอกว่าจัดฉาก”

และเมื่อถามยืนยันได้หรือไม่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 61 พล.อ.ประวิตรตอบว่า “ผมก็ไม่รู้ ก็ทำตามโรดแมป”

จบมั้ย...


กำลังโหลดความคิดเห็น