xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ชินวัตร” เลิกเล่นการเมือง มุกฝืดๆ จาก “พานทองแท้”(ถามพ่อหรือยัง?)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - “เป็นธรรมเนียมที่ทุกปี ผมจะต้องกราบคุณพ่อคุณแม่ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครับ 10 กว่าปีที่ผ่านมา อาจไม่สามารถกราบคุณพ่อได้ตรงวัน แต่ผมก็จะต้องรีบไปกราบท่านทันทีที่มีโอกาสได้เดินทาง 10 ปีผ่านมาจนถึงทุกวันนี้ ผมและทุกคนในครอบครัว ยังยืนยันคำเดิมว่า เราเพียงแต่ต้องการชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมา โดยที่ไม่มีคนหนึ่งคนใดในครอบครัว ต้องการที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกเลย......แม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นไปได้จริง จะเป็นของขวัญที่มีคุณค่ามากที่สุด สำหรับผมและครอบครัวครับ”

นั่นคือข้อความที่ “เสี่ยโอ๊ค - พานทองแท้ ชินวัตร” บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กเนื่องในวันคล้ายวันเกิด โดยสรุปความสำคัญสั้นๆ ว่า ตระกูลชินวัตรจะเลิกเล่นการเมือง

เป็นเฟซบุ๊กจริง และเป็นข้อความจริง แต่ไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็น “ความจริง” เพราะถ้าจะว่าไปแล้ว ในทางการเมือง พานทองแท้ มิได้มีราคาสักกี่มากน้อย

แถมเมื่อโพสต์ออกมาก็มีคำสวนกลับไปว่า “โอ๊ค ถามพ่อแม้วแล้วหรือยัง?”

“หากนายพานทองแท้ ระบุว่า ไม่อยากให้ครอบครัวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก จะต้องกล้าบอกกับนายทักษิณ ให้ยุติเคลื่อนไหวทางการเมือง และเคารพศาลยุติธรรม ซึ่งเชื่อว่าสังคมยังมีโอกาสที่จะให้อภัยและอาจได้ครอบครัวที่อบอุ่นกลับคืนมาก็เป็นได้” นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโพสต์ของนายพานทองแท้

ผู้คนในสังคมไทยพอจะเข้าใจได้ว่า นับแต่พี่น้อง “ชินวัตร” ลงสนามการเมืองเป็นต้นมา ก่อให้เกิดแรงกระเพื่อมหลายประการ กระทั่งนำไปสู่ความเข้าใจที่ว่าปัญหาความวุ่นวายไม่รู้จักจบจักสิ้นในบ้านเมืองไทยทุกวันนี้ จะเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไปก็ด้วยคนคนเดียว หรือ “นักโทษชายหนีคดีทักษิณ ชินวัตร” และตราบใดที่นายใหญ่คนเสื้อแดงยังไม่ยอมหยุด พร้อมจะอัดฉีดเงินเข้ามาเพื่อยึดอำนาจการปกครองประทศโดยมีเป้าหมายเพื่อนิรโทษกรรมความผิดของตัวเอง บ้านเมืองก็จะร้อนอยู่อย่างนี้วันยังค่ำ

ดังนั้น สังคมจึงฟันธงไปว่า นี่เป็นการลับ ลวง พราง เพื่อหวังผลทางการเมืองบางประการ

จากการตรวจสอบสถานการณ์ทางเมือง ต้องยอมรับว่า เส้นทางของตระกูลชินวัตรริบหรี่ลงไปทุกที นักโทษชายนายทักษิณ นางสาวยิ่งลักษณ์ สองพี่น้องต้องประสบชะตากรรมเดียวกันคือการเป็นนักโทษหนีคดีไปเป็นสัมภเวสีร่อนเร่อยู่ในต่างประเทศและมีเปอร์เซ็นต์สูงว่า จะไม่มีโอกาสกลับมาประเทศไทยได้อีก เว้นเสียแต่ว่า ยอมติดคุก ซึ่งเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้

คนชินวัตรที่เหลือก็มีเพียง 2 ผัวเมีย “วงศ์สวัสดิ์” เจ๊แดง - เยาวภา และ สมชาย หรือ “ชายจืด” ผู้เป็นสามีเท่านั้น แต่ก็ร่อแร่และไม่มีใครยอมรับใช้อีกต่อไปหลังคดีทุจริตระบายข้าวของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ และพวก จบลงด้วยการติดคุกติดตะราง

เวลานี้ ผัวเมียวงศ์สวัสดิ์ เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แบบเงียบๆ เรียบๆ ร้อยๆ เพราะทั้งพี่ชายและน้องสาวอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งคู่ต่างมีชีวิตระเหเร่ร่อนในต่างประเทศนั้น เป็นตัวอย่างที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง

จะเหลือก็เพียง “เสี่ยโอ๊ค” ที่ถ้าจะว่าไปแล้วก็สาหัสไม่แพ้กัน เพราะยังมีคดีทุจริตปล่อยกู้กรุงไทย เป็นชนักติดหลัง และคดีใกล้งวดเข้ามาทุกที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมายให้ควบเก้าอี้กระทรวงยุติธรรมอีกหนึ่งตำแหน่ง ได้ประกาศต่อหน้าธารกำนัลเนื่องในโอกาสเป็นประธานการประชุมมอบนโยบายแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจกระทรวงยุติธรรม ถึงงานที่ต้องเร่งดำเนินการ

และหนึ่งในงานเร่งด่วนที่ว่านั้นก็คือ การติดตามคดีสำคัญที่อยู่ในความรับผิดชอบของกระทรวงยุติธรรม เช่น คดีวัดพระธรรมกาย คดีสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นฯ คดีการทุจริตเงินกู้ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น

คดีทุจริตเงินกู้แบงก์กรุงไทย นี่แหละที่เป็นบ่วงมัดคอรอกระตุก ทำให้นายพานทองแท้ ขยับโชว์พาวอย่างที่แล้วๆ มาไม่ได้ แบบว่าหายซ่าส์กันไปเลย ผิดกับยุคที่ “อาปู” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นใหญ่ในแผ่นดินแบบคนละเรื่อง

ยิ่งเวลานี้ มีใบสั่งเร่งรัดคดีก็เท่ากับว่าขาข้างหนึ่งของนายพานทองแท้ แหย่เข้าไปในคุกแล้ว ทั้งนี้ โปรดอย่าลืมว่าจำเลยส่วนหนึ่งในคดีทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย ต่างก็เจอคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นอนคุกยาวกันหลายปีกันไปแล้ว เหลือรอดก็แต่ก๊วนของนายพานทองแท้ ที่ออกอาการหนาวๆ ร้อนๆ ในเวลานี้ นั่นแหละ และดูสัญญาณที่ส่งออกมาจากขั้วอำนาจก็ดูทรงจะรอดยาก

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ท่าทีวิงวอนขอความเห็นใจขอความสุขสงบให้ครอบครัวชินวัตรจากนายพานทองแท้ ไม่อาจให้ราคาค่างวดใดๆ ถ้าหากอ่านความระหว่างบรรทัดจากนายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ซึ่งเพิ่งไปพบปะกับนายทักษิณ ชินวัตร เมื่อปลายเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งย้ำชัดเจนว่านายทักษิณ ไม่ได้อยากจะวางมือทางการเมืองแม้แต่น้อย โพสต์ของนายพานทองแท้ ที่บอกว่า คนในครอบครัวชินวัตร ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแม้แต่นิดเดียว จึงอาจไม่แค่ลับ ลวง พราง เท่านั้น แต่ถึงขั้นเป็นการโกหกตอแหลต่อสังคมกันเลยทีเดียว

โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Watana Muangsook ของนายวัฒนา เมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2560 หลังจากเดินทางไปพบนายทักษิณ ระบุว่า “ผมเดินทางมาพบท่านนายกทักษิณที่สิงคโปร์ ได้ความรู้จากท่านมากมายทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง ที่สำคัญคือวิธีต่อสู้กับเผด็จการ ท่านนายกยังแข็งแรง สุขภาพดี ดูตามภาพจะเห็นว่าท่านหนุ่มกว่าผมอีก วิธีคิดของท่านยิ่งหนุ่มกว่า เปรียบได้กับมนุษย์ดิจิทัล ส่วนพวกเผด็จการเป็นได้เพียงแอนะล็อก หรือกระดานชนวน ส่วนจะเป็นมนุษย์หรือไม่ก็แล้วแต่จะคิด เพราะคนที่กล้าทำลายระบบ ทำลายหลักนิติธรรม เพียงเพื่อให้ตัวเองได้มีและอยู่ในอำนาจโดยไม่ได้ดูสารรูปทางปัญญาของตัว สำหรับผมไม่เรียกว่ามนุษย์ ท่านนายกฝากความรัก ความเคารพและความปรารถนาดีมายังพี่น้องประชาชนที่รักประชาธิปไตยทุกท่าน ขอให้มีความหวัง เพราะเผด็จการไม่มีทางชนะประชาชน”

ขอย้ำ “.... ขอให้มีความหวัง เพราะเผด็จการไม่มีทางชนะประชาชน” ตีความนัยได้เลยว่า นอมินีของชินวัตร เตรียมพร้อมชูธง “ประชาธิปไตย” อีกครั้งเมื่อเวลานั้นมาถึง
กลุ่มก๊วนการเมืองพรรคเพื่อไทยของนายทักษิณเอง ก็บอกทำนองนั้น อย่างที่ นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการที่นายพานทองแท้ โพสต์เฟซบุ๊กอยากให้ตระกูลชินวัตรเลิกยุ่งเกี่ยวกับการเมืองว่า ถ้าจะให้ถึงขั้นตระกูลชินวัตรเลิกวางมือทางการเมืองโดยเด็ดขาดคงยาก เพราะไม่ได้มีนายทักษิณคนเดียว แต่ยังมีพี่น้องอื่นๆ ที่คนในเป็นตระกูลชินวัตรอีก อาทิ นายสมชาย - นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ยังสนใจการเมืองอยู่

นี่ยังไม่นับว่าอาจจะมีรายการผสมพันธุ์กันแบบพิสดารพันลึกระหว่างพรรคการเมืองใหญ่ เพื่อไทย กับ ประชาธิปัตย์ เพื่อสกัดพรรคทหาร หรือตีกันนายกรัฐมนตรีคนนอก อย่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บรรดากลุ่มก๊วนเพื่อนพ้องพี่น้อง “ลุงตู่” ซึ่งต่างวางแผนสืบทอดอำนาจอยู่กันยาวๆ

“ถ้าพรรคใดพรรคหนึ่งได้ 200 เสียงก็อยู่ยาก รัฐบาลต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งในสภา ไม่อย่างนั้นออกกฎหมายไม่ได้ หรือถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลก็ล้มแล้ว ดังนั้น 2 พรรคใหญ่ต้องจับมือเกือบจะเป็นคณิตศาสตร์แบบนั้น แต่ก็เกิดขึ้นได้และไม่ควรปิดโอกาสในการร่วมมือกันของ 2 พรรคใหญ่ ถ้าจะไม่ให้คนนอก หรือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีก” คำพูดบางตอนจากปากของนายจาตุรนต์ ฉายแสง จากพรรคเพื่อไทย ในวงเสวนาของสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้

และคำพูดของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ จากฟากประชาธิปัตย์ “ถ้าโชคดีพรรคเพื่อไทยรวมเสียงกับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็ต้องดูอนาคต ส่วนโอกาสที่สองพรรคจะจับมือกันได้หรือไม่นั้นเชื่อว่าการเมืองต้องมีความหวัง แม้จะริบหรี่ ถ้าเราเซตซีโร่ระบบ คสช.และทหาร ถึงเวลานั้นทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้"

ฉะนี้แล้ว ก่อนจะโพนทะนาอะไร นายโอ๊ค ควรกลับไปถามพ่อก่อนจิ ดีกว่ามั้ยลูก ??


กำลังโหลดความคิดเห็น