xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ทำอะไรก็ดูไม่ดี พูดอะไรคนก็ไม่เชื่อ...

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"โสภณ องค์การณ์"

เริ่มทำงานไม่กี่วัน เสนาบดีหน้าใหม่นั่งเก้าอี้ยังไม่ทันอุ่นก้น รัฐบาลคุณท่านผู้ใหญ่ผู้โต (ซ่อมรอบที่ 5) ยังต้องเผชิญวิกฤตศรัทธา และความน่าเชื่อถือ นับวันทำท่าว่าจะกู้คืนได้ยาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก เป็นปรากฏการณ์ธรรมดาของชาวคณะ “ขาลง”

ใครจะออกปากแก้ตัว แก้ต่างอย่างไรก็ว่าไป แต่ความเป็นจริงก็คือ นอกจากสภาวะผีซ้ำด้ำพลอย กิ้งกือตกท่อ ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ พูดอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ นับเป็นเรื่องที่จะทำให้การอยู่รอดยาวนั้นยากกว่าที่เป็นอยู่ ยิ่งจะสืบทอดอำนาจแล้วละก้อ...

บรรดานักต่อรองเริ่มลดอัตราความเสี่ยง ด้วยการไม่ให้ราคาคณะผู้ใหญ่ผู้โตแล้ว สิ่งที่จะฉุดรั้งให้ตกต่ำเป็น “ขาลง” ต่อเนื่องก็คือปัญหาเรื่องผลประโยชน์ในหน่วยงานต่างๆ ซึ่งผู้ใหญ่ผู้โตจำเป็นต้องมุ่งรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มทุนใหญ่

เอาเพียงแค่นโยบายพลังงาน และเกษตรอินทรีย์ ลดละเลิกเคมีสารพิษในพื้นที่การเกษตร มุ่งเน้นการปลอดสารพิษ เศรษฐกิจพอเพียง ก็ไปไม่เป็นแล้ว

ที่ผ่านมาการซ่อมมา 4 รอบ ทั้ง 2 เรื่องนี้ไม่คืบหน้า ซ้ำร้ายจะย่ำแย่กว่าเดิม ผู้ใหญ่ผู้โตถูกมองว่าละเลยต่อสุขภาพ ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่ยอมสั่งการให้ลด เลิกเคมีเกษตรสารพิษร้าย เช่นพาราควอต ซึ่งหลายประเทศได้สั่งห้ามแล้ว

นอกจากไม่ยกเลิก ยังมีท่าทีว่าอยากจะต่ออายุให้นำเข้าอีก 6 ปีเพื่อให้ฆ่าชาวบ้านแบบตายผ่อนส่ง ทนทุกข์กับโรคร้ายต้องสิ้นเปลืองเงินรักษาพยาบาล เป็นภาระสำหรับครอบครัว แทนที่จะพยายามเพิ่มกำไร ลดต้นทุนใช้สารธรรมชาติไร้พิษ

แต่ในประเทศไทย สยามเมืองยิ้มของหมู่เฮา ผู้ใหญ่ผู้โตบริหารประเทศ และข้าราชการเอี่ยวผลประโยชน์กลุ่มทุนไม่เคยคำนึง หรือสำนึกหรือความรับผิดชอบต่อชีวิตชาวบ้าน เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้การใช้เคมีเกษตรถึงขั้นเป็นฆาตกรรม

คำว่า “ตายผ่อนส่ง” เริ่มให้เห็นว่าเป็นการตายไม่ต้องผ่อนส่งยาวแล้ว!

ผู้ใหญ่ผู้โตเผชิญปัญหาความน่าเชื่อถือยังไม่พอ คำครหาเรื่องความโปร่งใส ขาดหลักธรรมาภิบาล คุณธรรม และการขาดหิริโอตตัปปะอย่างชัดแจ้ง ทำให้ชาวบ้านเริ่มไม่หวังว่าอนาคตบ้านเมืองจะดีขึ้น ไม่ว่าคณะนี้จะอยู่หรือหลังเลือกตั้ง

รัฐบาลทั่วไป ถ้าประชาชนไม่ไว้วางใจ เสียงวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบดังก้องหูทุกวัน ย่อมมีทางเลือก จัดให้มีการเลือกตั้ง ให้ประชาชนตัดสินชะตากรรมเอาเองตามหลักประชาธิปไตยเอาเสียงข้างมากเป็นตัววัด ใครรวมได้เสียงมากกว่าก็ได้อำนาจ

ความน่าเชื่อถือมีหลายอย่าง เช่นความน่าเชื่อถือด้านผลงาน ความซื่อสัตย์สุจริต ไว้ใจได้ มีเจตนาดีต่อบ้านเมือง ทำงานเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ถ้าไร้ความน่าเชื่อถือ จะทำอะไร พูดอะไร มีปัญหา คนไม่เชื่อ ไม่อยากได้ยินคำพูดด้วย

เมื่อรัฐบาลนี้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ย่อมไม่รู้สึกถึงแรงกดดันว่าต้องให้ประชาชนตัดสินชะตากรรมเอาเองเพราะผลงานที่ผ่านมาต้องซ่อมถึง 5 ครั้ง แต่การเลือกตั้งในบ้านนี้เมืองนี้ไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสม เพราะองค์ประกอบมีปัญหา

คนที่เข้าสู่ระบบมาให้เลือก และคนอยากมาทางลัด ไม่อยากลงเลือกตั้ง กลัวเปลืองตัว แต่อยากกุมอำนาจรัฐ ก็จะทำให้ประชาธิปไตยเป็นครึ่งผีครึ่งคน ด้วยเหตุนี้จึงมีปัญหาว่าควรปลดล็อก หรือไม่ควรปลดล็อกการเมือง ด้วยข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

ยิ่งมีแววและแนวโน้มว่ากฎ กติกาทั้งหมดมีเพื่อให้กลุ่มกุมอำนาจปัจจุบันได้อยู่ต่อโดยไม่ต้องลงทุน เท่ากับว่าสถานการณ์จะเลวกว่าเดิม บ้านเมืองไม่มีอะไรดีขึ้น

ถ้าเลือกตั้ง แล้วมีผู้ใหญ่ผู้โตยังกำกับโดยเงื่อนไขที่ผูกโยงไว้ภายไต้กฎหมายต่างๆ ก็จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิม เมื่อเสือหิวกลุ่มใหม่เข้ามาเรียกร้องต่างๆ แลกกับการสนับสนุน การเมืองเลือกตั้งยังเป็นการมุ่งแบ่งปันผลประโยชน์

กลุ่มคนถือปืนจากการรัฐประหาร มาอยู่กับนักเลือกตั้งแลกกับเสียงหนุน!

ถ้าสภาวะประเทศเป็นไปอย่างที่ว่านี้ ซึ่งก็ต้องเป็นอย่างนี้ถ้ามีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ประชาชนจะหวังไปพึ่งใครได้ พวกที่เสนอหน้าให้เข้ามาเลือก ก็คือพวกหน้าเดิมๆ ที่อยู่ในการเมืองก่อนนักรัฐประหารยึดอำนาจในรูปแบบต้นทุนต่ำกำไรสูงยิ่ง

ภายไต้เงื่อนไขว่ายังปลดล็อกไม่ได้เพราะยังมีปัญหาด้านความมั่นคง ชาวบ้านคนรู้ทันยิ่งอยากรู้ว่าปัญหาที่ว่านั้นเป็นอย่างไร รุนแรงแค่ไหน แค่เจออาวุธกลางท้องนานะหรือจะทำให้ความมั่นคงไม่มั่นคง? ที่ผ่านมาทำไมไม่จัดการขุดรากถอนโคน

ทิ้งหัวเชื้อร้ายไว้ทำไม เอาไว้สำหรับใช้งานปรองดองเผื่อการทอดยาวอำนาจ กลายเป็นพันธมิตรกันตามแบบการเมืองน้ำเน่าที่เป็นอาชีพเดียวซึ่ง “ตายแล้วเกิดใหม่ได้” เช่นนั้นหรือ ทุกวันนี้ชาวบ้านก็รู้ว่ายังมีเยื่อใยอยู่กับกลุ่มเหลี่ยมลี้ภัย

ด้วยเหตุนี้ จึงมีปรากฏการณ์ “เยี่ยวไม่สุด” ซ้ำซาก จนคนรู้ว่าที่แท้ก็เป็นพวกเดียวกัน มีผลประโยชน์ต้องดูแลร่วมกัน โดยเฉพาะในกิจการพลังงานและปิโตรเลียม ซึ่งสร้างรายได้ให้แต่ละปีมหาศาล เป็นทุนการเมืองเพื่อต่อยอดขยายผลประโยชน์

การอ้างอาวุธหยิบมือเดียวเป็นเหตุต้องเลื่อนการปลดล็อกการเมือง เท่ากับฟ้องตัวเองว่าผลงานด้านนี้ไม่ได้เรื่อง ที่ผ่านมาไม่ได้แก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จโดยไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไมถึงไม่ทำ ไม่มีฝีมือ หรือยังต้องรีรอต่อรองอะไร กับกลุ่มใด

ว่าไปแล้ว นอกจากค่ายสะตอแล้ว ส่วนใหญ่ที่เหลือล้วนเป็นพันธมิตรเหลี่ยม หรือเคยร่วมผลประโยชน์กับเหลี่ยมมาแล้ว ถ้าผู้ใหญ่ผู้โตต้องการฐานเสียง ก็ต้องพึ่งพาพวกนี้ แต่ต้องไปล้างหน้าแต่งตัวให้ความเน่าจางลงบ้าง ชาวบ้านจะได้ไม่อ้วก

เท่ากับว่าชาวบ้านคนรักห่วงใยบ้านเมืองทุกวันนี้ตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ฝรั่งบอกว่า “ระหว่างปีศาจร้ายกับทะเลลึก” จะเลือกเสี่ยงเอาใคร แต่คนไทยรู้ชัดว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สุดท้ายจะเข้าทำนอง “อัปรีย์ไปจัญไรมา” แบบเดิมๆ

ระวังด้วย ดวงอาทิตย์ร้อนแรงแผดแสงขับไล่แล้ว ผีดิบยังอยู่ไม่ได้ ถ้ายังอ้างว่า ”มาด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ก็ต้องไปด้วยกัน” แบบนี้ไม่ต้องวานโหรให้ดูฤกษ์ยามมั้ง!


กำลังโหลดความคิดเห็น