xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“บิ๊กป๊อก”สยายอำนาจคุม ก.เกษตรฯ “ทีมสมคิด” เหนื่อยสุดๆ ฟื้นเศรษฐกิจรากหญ้า??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - โฉมหน้า “ครม.ประยุทธ์ 5” เป็นที่ชัดเจนว่า “พี่น้องบูรพาพยัคฆ์” ไม่ยอมปล่อยมือให้ “ทีมเศรษฐกิจเฮียกวง” เข้าคุมกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นกลไกและหัวใจสำคัญของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าให้เติบโตในปีหน้าตามเป้าหมายที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ วาดฝันเอาไว้

จึงให้น่าสงสัยอย่างยิ่งว่า นายกฤษฎา บุญราช นักรัฐศาสตร์จากรั้วรามคำแหง อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทยใหม่หมาดที่เพิ่งเกษียณอายุราชการเมื่อสิ้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นแบ็กอัปอยู่เบื้องหลังส่งข้ามห้วยมาเป็น รมว.เกษตรฯ นั้นมีความรู้ความสามารถอันใดในด้านเศรษฐกิจการเกษตร พอที่จะช่วยให้พี่น้องเกษตรกรทั่วทุกหัวระแหงลืมตาอ้าปากอยู่ดีกินและปลุกปั้นการเติบโตเสริมความแข็งแกร่งให้กระดูกสันหลังของชาติได้ดังที่ทีมเศรษฐกิจนายสมคิด ตั้งเป้าไว้

อย่างที่รู้กันดีว่าปัญหาของเกษตรกรในเวลานี้คือราคาผลผลิตตกต่ำถ้วนหน้าทั้งข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลต้องลงมาแก้ไขปัญหาแบบด่วนๆ โดยถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดเป็นอันดับแรกๆ เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจภาคส่วนไหนจะเติบโต แต่หากฐานรากไม่แข็งแรงโอกาสที่จะสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตทั้งองคาพยพคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้น การที่ท่านผู้นำส่งคนที่ไม่มีความรู้ในภาคการเกษตรเข้ามานั่งเป็นเสนาบดีกระทรวงนี้ จึงทำเอามึนๆ งงๆ กันถ้วนหน้า แต่ก็ถึงบางอ้อว่า คอนเนกชันนั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

นอกจากนั้น ยังเกิดข้อสงสัยกันตามมาว่า รัฐบาลทหาร คงอยากจะจัดระเบียบพ่อแม่พี่น้องเกษตรกรเหมือนกับนักเรียนเตรียมทหารหรืออย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ว่าเสนาบดีกระทรวงเกษตรฯ คนใหม่ ที่มาแทนที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ หรือ “บิ๊กฉัตร” เพื่อน "บิ๊กตู่" นั้น อาจจะเน้นหนักในงาน “ธำรงวินัย” ห้ามม็อบเกษตรกรเคลื่อนไหวแม้ว่าจะอดตายก็ตาม เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณฮึ่มฮั่มมาแล้วจากกลุ่มชาวสวนยาง และอีกไม่นานคงมีม็อบชาวนาออกมาสมทบเพราะเข้าสู่ฤดูการเก็บเกี่ยวแล้ว

ส่วนภารกิจที่จะช่วยนายสมคิด ฟื้นฟูเศรษฐกิจรากหญ้านั้น อาจเป็นเรื่องที่เอาไว้ลำดับท้ายๆ เป็นการตอกย้ำอีกครั้งว่าระหว่างที่ทีม “เฮียกวง” วางเป้าหมายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ฟื้นฟูชีวิตชนชาวรากหญ้า ก็ให้มี “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เอามือราน้ำไม่เลิก ไม่งั้นจะขยายอิทธิพลขอบเขตอำนาจส่งคนมหาดไทยมาคุมกระทรวงเกษตรฯ ด้วยเหตุอันใด

อย่าลืมว่าก่อนที่จะทำคลอด “ครม.ประยุทธ์ 5” ทาง “เฮียกวง” กับ “บิ๊กป๊อก” ก็นั่งซดเกาเหลากันคนละฟากโต๊ะอยู่ก่อนแล้ว โดยนายสมคิด ป่าวประกาศจะดึงงบองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่มีอยู่กว่าแสนล้านบาท มาปลุกปั้นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ใส่เงินลงไปในโครงการประชารัฐ วิสาหกิจชุมชน ฯลฯ ทาง “บิ๊กป๊อก” ก็สวนทันควันว่า อปท.ก็มีเรื่องใช้อยู่แล้ว ถ้าอยากจะดึงงบลงไปในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจก็ต้องไปขอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเสียก่อน ก่อนที่จะผ่อนท่าทีลงในตอนหลังว่าไม่ต้องผ่านครม. แล้ว โดยพล.อ.ประยุทธ์ ได้ให้นโยบายว่ามหาดไทย จะต้องพิจารณากรอบการใช้ และทำข้อตกลงร่วมกับกระทรวงการคลัง ถึงกระนั้น "บิ๊กป๊อก" ก็ยังว่าจะให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ เป็นผู้กำกับการใช้เงินงบประมาณดังกล่าวนี้

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง สุดท้ายก็ต้องให้ครม.ไฟเขียว โดยนายสมคิด ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2560 ที่ประชุม ครม.เห็นชอบแนวทางการให้อปท.นำเงินสะสม วงเงิน 170,000 ล้านบาท มาใช้ลงทุนในพื้นที่ผ่านโครงการใหม่และโครงการเดิมที่เป็นประโยชน์ จึงมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนลงทุนของ อปท.

“.... นับว่าได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงมหาดไทย เป็นอย่างดี ในช่วง 4 เดือนข้างหน้าจะเห็นโครงการลงทุนของ อปท.กระจายทั่วประเทศ แต่การใช้เงินจะออกสู่ระบบเป็นงวดๆ เฟสแรก 50,000 ล้านบาท และทยอยลงทุนผ่านโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเนื่อง จึงสั่งการให้กรมบัญชีกลาง เร่งรัดพิจารณาผ่อนปรนกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของ อปท.ช่วงที่ผ่านมาแผนลงทุน เช่น การท่องเที่ยวชุมชน โครงการพื้นฐานรองรับการท่องเที่ยว และโครงการที่เป็นประโยชน์จะเริ่มเกิดการลงทุนได้”นายสมคิด กล่าวในท่วงทำนองญาติดีกันแล้วนะกับ มท.1

ลึกๆ แล้ว การวางหมากเตะสกัดของ “บิ๊กป๊อก” ที่ไม่อยากให้ทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด เข้ามายุ่มย่ามทั้งในส่วนของมหาดไทย และกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นกระทรวงที่ได้รับงบประมาณในแต่ละโครงการเป็นอันดับต้น และมีโครงการต่างๆ กระจายลงสู่ท้องถิ่นมากที่สุด ทำให้ก็พอมองเห็นรำไรในเวลานี้ว่า แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของ “เฮียกวง” อาจจะไม่ได้ราบรื่นเท่าใดนัก แต่จะถอยก็ไม่ได้มีแต่ต้องดันไปให้ถึง ซึ่งหากมีปัญหาอุปสรรคขึ้นมาถ้านายกรัฐมนตรี ยังเลือกถือหาง “พี่ป๊อก” พิสูจน์น้ำใจพี่น้อง ไม่ต่างกันกับตอนที่ “บิ๊กฉัตร” ซดเกาเหลากับ “เฮียกวง” “บิ๊กตู่” ก็ยืนอยู่ข้าง “บิ๊กฉัตร” ก็คงบอกได้คำเดียวว่า หืดจับ “เฮียกวง” แน่

หากชำเลืองแลกระทรวงเกษตรฯ ภายใต้ “ครม.ประยุทธ์ 5” ในเวลานี้ จะมีหรือไม่มีบิ๊กทหารนั่งคุมอยู่หรือไม่ก็ไม่ต่างจากเดิมแต่อย่างใด การย้ายก้น “บิ๊กฉัตร” ออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการไปนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี อาจมีภารกิจให้ดูแลกระทรวงเกษตรฯ เหมือนเดิม ส่วนเจ้ากระทรวงคนใหม่ก็อยู่ในเส้นสายของบิ๊กทหาร ทั้งบิ๊กตู่-บิ๊กป๊อก ร่วมกันแบ็กอัพ แถมยังมี “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. เป็นเงาอยู่เบื้องหลังอีกด้วย

แต่ไม่ว่าจะเป็น “บิ๊กฉัตร” หรือนายกฤษฎา สิ่งพ่อแม่พี่น้องเกษตรกรใคร่รู้ก็คือ จะมาช่วยให้พวกเขาลืมตาอ้าปากได้อย่างไร เวลาที่ผ่านมาสามปีกว่าที่เอาทหารมาดูแลงานเกษตร ไม่ปรากฏผลงานอันใดเป็นชิ้นเป็นอัน เมื่อถึงคราวเปลี่ยนเอานักรัฐศาสตร์มาคุมเกษตร ผลก็คงไม่ต่างกัน จะมาบอกว่าเคยเลี้ยงหมูมาก่อนเข้าใจหัวอกเกษตรกรดีเรื่องมันไม่ได้ง่ายปานนั้น

“ยืนยันว่าผมเข้าใจหัวอกหัวใจเกษตรกรไทยอย่างดี เพราะพ่อแม่เป็นเกษตรกร ทำอาชีพเลี้ยงสุกร อยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา ในส่วนของผมก็ช่วยเลี้ยงด้วย จึงได้เห็นปัญหาของด้านเกษตรมาตลอด .... ขอให้มั่นใจว่า ผมมีนโยบายด้านเกษตรแบบเด็ดๆ แน่นอน" นายกฤษฎา ทายท้าให้รอดูแผนเด็ดที่ไม่รู้ว่าของจริงจะเด็ดดังคำคุยหรือไม่ เพราะโปรไฟล์ที่ผ่านมา เท่าที่เห็นๆ กัน ก็มีแต่งานมวลชนซึ่งเป็นคนละเรื่องกับงานกระทรวงเกษตรฯ ที่ดูแลเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ

ชื่อของนายกฤษฎา บุญราช ในวัย 61 ปี เคยเป็นที่ฮือฮากันมาแล้วเมื่อปี 2558 เพราะเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยคนแรก ที่มาจากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือฉายา “สิงห์ทอง” เพราะก่อนหน้านี้ตำแหน่งดังกล่าวมักจะเป็นของ “สิงห์แดง” มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือไม่ก็ “สิงห์ดำ” จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ในแวดวงสิงห์ด้วยกัน เป็นที่รู้ๆ ว่านายกฤษฎา คลุกคลีอยู่กับบิ๊กๆ คสช. ทั้งบิ๊กตู่ และบิ๊กป๊อก โดยนายกฤษฎา รู้จักกับพลเอกประยุทธ์ ตั้งแต่สมัยยังเป็นเสนาธิการทหารบก เคยร่วมกันทำงานแก้ปัญหาภาคใต้ด้วยกันมาก่อน ซึ่งขณะนั้น นายกฤษฎา เป็นรองผู้ว่าฯ จังหวัดยะลา และเป็นผู้ว่าฯ ยะลา ตามลำดับ เมื่อ คสช.ยึดอำนาจ ก็ผลักดันให้นายกฤษฎา ขึ้นเป็นอธิบดีกรมการปกครอง ตามด้วยตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย หลังจากเกษียณอายุราชการ พลเอกประยุทธ์ ยังตั้งให้เป็นประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ก่อนมานั่งแทน “บิ๊กฉัตร” ที่กระทรวงเกษตรฯ

นายกฤษฎา ไม่เพียงสนิทสนมกับบิ๊ก คสช. เท่านั้น ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ขณะนั้น นายกฤษฎา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจ.สงขลา ก็ออกมาร่วมนำมวลชนชาวสงขลามุ่งหน้าสู่ศาลากลางจังหวัดด้วยตัวเอง เพื่อเจรจาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งดูแลความสงบเรียบร้อยให้ออกจากพื้นที่ จะได้ขนมวลชนเข้าไปชุมนุมในศาลากลาง

วีรกรรมของนายกฤษฎา คราวนั้น ทำให้เขาได้รับป้ายยี่ห้อแขวนคออีกหนึ่งว่าเป็นสายของ "ลุงกำนัน" นายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั่งร้าน คสช. ที่เชียร์ๆ กันสุดลิ่มทิ่มประตูในเวลานี้

ด้วยโปรไฟล์ทางการศึกษาในสายรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ ทั้งชีวิตการทำงานในสายมหาดไทย ไต่เต้าตั้งแต่นายอำเภอ ผู้ตรวจราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด อธิบดี จนเกษียณที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย หาได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับงานด้านการเกษตร หรือหากจะมีคลุกคลีอยู่บ้างในฐานะพ่อเมืองแต่ก็ถือว่าน้อยจนไม่เพียงพอที่จะยกขึ้นมาเป็นประสบการณ์ในการเข้ามาบริหารกระทรวงแห่งนี้ และแม้จะยกกำพืดของครอบครัวว่ามีอาชีพเลี้ยงสุกร ก็เป็นแต่เกษตรกรรายเล็กเท่านั้น

จึงไม่แปลกที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ คนใหม่ป้ายแดง จะถูกมองว่าเป็น “เครื่องมือหรือกลไกสำคัญ” ที่รัฐบาลจะอาศัยใช้ทักษะเจรจากับม็อบเกษตรกรไม่ให้เรื่องลุกลามมาถึงมือนายกรัฐมนตรีโดยสอดประสานกับมหาดไทยเสียมากกว่า

แต่ถ้าจะเริ่มวัดผลงานกันในด้านนี้ นายกฤษฎา ก็ถือว่าสอบตกตั้งแต่ยังไม่ได้เข้ากระทรวง เพราะทริปประชุมครม.สัญจร จ.สงขลา ที่ผ่านมา อุตส่าห์มีการจัดฉากให้ชาวประมงปัตตานี สามารถทะลุทะลวงฝ่าด่านกั้นเข้าไปร้องเรียนต่อพล.อ.ประยุทธ์ กลับมีรายการที่ท่านผู้นำหลุดภาพตวาดใส่แทบกระเจิงจนต้องมาขอโทษขอโพยกันทีหลัง ทั้งๆ ที่ฉากเช่นนี้ หากมีฝีมือในการเตี๊ยมกันล่วงหน้า รับรองว่าดราม่าเรียกคะแนนเสียงตรึม ไม่นับม็อบชาวสวนยาง ที่เตรียมไปยื่นหนังสือถึงนายกฯ ซึ่งถูกกันออกมาไม่ให้เข้าใกล้เป็นที่ระคายเคือง

อย่าไปหวังไกลว่าจะให้นายกฤษฎา เรียกคะแนนเสียงจากเกษตรกรให้กับรัฐบาลทหาร ในสนามเลือกตั้งคราวหน้า เพราะว่าแค่งานแรกก็ยังไม่ผ่าน ไม่งั้นคงได้เห็นช็อตเด็ดเรียกศรัทธาจากชาวสวนยาง ชาวประมง กันแล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงภาพการจัดการกับ “ม็อบเทพา” ที่ขายหน้าไปทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม หากไม่นับกระทรวงเกษตรฯ ที่ทีมเศรษฐกิจนายสมคิด ไม่ได้เข้ามาดูแลโดยตรง ก็ต้องถือว่ากระทรวงเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งคลัง พาณิชย์ อุตสาหกรรม คมนาคม พลังงาน ก็ล้วนแต่อยู่ในดรีมทีมเศรษฐกิจสมคิดทั้งนั้น แม้ว่าจะมีการสลับสับเปลี่ยนเก้าอี้หรือเอาคนใหม่เข้ามานั่งแทนก็ตาม

แต่ก็อย่างว่า เศรษฐกิจมหภาคในภาคส่วนอื่นๆ โดยภาพรวมฟื้นแล้ว ดังที่นายสมคิด ได้ประกาศตัวเลขอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาว่าเพิ่มขึ้นถึง 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และปีหน้ายังจะโตต่อเนื่องทะลุเกิน 4% แน่นอน แต่การบ้านสำคัญคือ การฟื้นเศรษฐกิจรากหญ้า ถ้าหากเจอรายการเตะสกัดขา หรือว่ายังมีรายการผิดฝาผิดตัวในตำแหน่งเสนาบดีคุมกระทรวงเกษตรฯ เช่นนี้ บอกได้คำเดียวเลยว่ายากจะบรรลุเป้าหมาย

ไม่ต้องไปฝากความหวังไว้กับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ไม้ประดับอย่าง “อ.ยักษ์” นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร” ผู้มีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องการสานต่อคำสอนของพ่อเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เพราะเอาเข้าจริงกลไกภายในกระทรวงเกษตรฯ ก็ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้ขับเคลื่อนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเป็นธงนำอยู่แล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น