ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ต้องยอมรับว่าการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบใหม่ หรือ “ครม.ประยุทธ์ 5” ดูเหมือนจะมีการรักษา “ชั้นความลับ” ขั้นสูงสุด กับการย้ำหลายครั้งว่า “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้พิจารณาการจัดทำโผ “แต่เพียงผู้เดียว”
ขณะเดียวกันก็พยายามให้ข่าวในเชิง “ขอความร่วมมือ” กับสื่อมวลชนในการไม่ให้ความสำคัญตีข่าวเรื่องการปรับ ครม.มากจนเกินไป เป็นก้าวย่างที่รัดกุมกว่าการปรับทัพ ครม.ในครั้งที่ผ่านๆมา ด้วยรู้ดีว่า อาจจะเป็น “โอกาสสุดท้าย” ของ “รัฐบาล คสช.” ก่อนปรับโหมดเข้าสู่การเลือกตั้งในปีหน้า
แม้ล่าสุด “นายกฯตู่” จะได้เปิดเผยด้วยตัวเองว่า ได้นำรายชื่อ “ครม.ประยุทธ์ 5” ขึ้นทูลเกล้าฯตามกระบวนการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าบรรยากาศทางการเมืองภายใน “รัฐบาล คสช.” ยังค่อนข้างคลุมเครือ สังเกตได้จาก “ภาษากาย” อากัปกิริยาของเหล่ารัฐมนตรีที่อยู่ในอาการร้อนๆ หนาวๆไม่แพ้กัน ด้วยแต่ละคนไม่รู้อนาคตตัวเองว่า จะได้ร่วมโล้ “เรือแป๊ะ” ไปต่อ หรือต้องถูกทิ้งไว้กลางทางกันแน่
ใครจะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่การจัดทัพเสนาบดีฝ่ายบริหารงวดนี้ กลับเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์เหนียวแน่นหนึบ “เพื่อนพ้องน้องพี่” ของ “บิ๊กตู่” กับเหล่า “คีย์แมน คสช.” ไล่ตั้งแต่ “พี่ป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม “พี่ป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รวมไปถึง “เพื่อนฉัตร” พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่มาแรงแซงโค้งนายทหารรุ่นพี่คว้าตำแหน่ง “สายล่อฟ้า” ประจำรัฐบาล คสช.ไปประดับฝาบ้านเป็นที่เรียบร้อย
ที่ว่าเหนียวแน่นหนึบก็ด้วยคำประกาศดังสนั่นลั่นทุ่งของ “นายกฯตู่” ที่ว่า “ยังอยู่ อยู่ทั้งประวิตร อยู่ทั้งอนุพงษ์ ทำไม จะไปรังเกียจอะไรนัก..” ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ตำหนิสื่อมวลชนท่าเดาโผ ครม.ไปต่างๆ นานา ตลอดจนคำถามถึงอนาคตของ “บิ๊กฉัตร” ที่ถูกย้ำว่า “เพื่อนของท่าน” ยังอยู่ด้วยใช่หรือไม่ “บิ๊กตู่” ก็ตอบอย่างไม่ลังเลว่า “ยังอยู่ แต่อยู่ตรงไหนยังไม่รู้”
แต่ในขณะที่คอนเฟิร์มอนาคต “3 เซ’เลป คสช.” ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ ตัวตัดแต้ม” มาตลอด 3 ปีกว่าที่ผ่านมา ว่าได้ไปต่อแน่นอน ต่างจาก “รัฐมนตรีท๊อปบูต” รายอื่นๆ ที่ “นายกฯประยุทธ์” ยอมรับว่า จะมีจำนวนน้อยลง
บ่งบอกชัดเจนว่า แม้จะเป็น “รมต.สายสีเขียว” แต่หากไม่ใช่ “สายตรงลุงตู่” หรือไม่ใช่ระดับ “วงแหวนชั้นใน” มีสิทธิ์ปิ๋วได้ทุกราย
การการันตีขาเก้าอี้ “3 เซ’เลป คสช.” ครั้งนี้ เท่ากับเป็นการดับฝุ่นควันของ “คนโลกสวย” ที่พยายามจุดพลุว่า ปรับ ครม.งวดนี้เดิมพันด้วยการกู้ศรัทธา-กระชากเรตติ้ง น่าจะเป็นโอกาสในการเขี่ยเหล่า “ตัวถ่วง” หลุดวงโคจร ที่อาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของ “รัฐบาลลายพราง” กระเตื้องขึ้นมาบ้าง
แต่ก็เหลือเชื่อที่ยามเรตติ้งต่ำตม หน้าซิ่วหน้าขวาน ที่ไม่รู้จะนำรัฐนาวาไปได้อีกกี่น้ำเช่นนี้ “ลุงตู่” กลับกล้าที่จะท้าทายเสียงรีเควสของ “สังคมโลกสวย” อย่างไม่ยี่หระว่าหนทางข้างหน้าจะเผชิญกับอะไร ด้วยมองแล้วว่าหากหวั่นไหวต่อเสียงเรียกร้อง แล้วปรับ “เพื่อน - พี่” ออกจาก ครม. ก็เท่ากับยอมรับสารภาพว่า ที่ผ่านมาทั้ง 3 รายบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาด ซึ่งก็จะย้อนศรมาถึง “นายกฯ ตู่” ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย
ไม่ว่าจะเป็นรายของ “เพื่อนฉัตร” ที่อาจจะรักษาเก้าอี้ “พญานาค 1” ไว้ไม่ได้ แต่ก็ตระเตรียมเก้าอี้ที่ไม่ขี้เหร่ไว้รอรับแล้ว เช่นเดียวกับรายของ “พี่ป๊อก” ที่แม้จะมีประเด็นฉาวโฉ่ยิ่งกว่ากลิ่นน้ำในคลองหลอดมาตลอด แต่ก็ยังยึดเก้าอี้ “มท.1” ได้อย่างเหนียวแน่น แต่อาจจะให้มีข้อแม้ให้ “โลว์โปรไฟล์ - ลดโฉ่งฉ่าง” ลงไปบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการอนุมัติโครงการเอื้อประโยชน์นายทุน อย่างกรณี “ป่ากระทิงแดง” หรือการจัดซื้อที่มีกลิ่นไม่ชอบมาพากลอย่าง เครื่องตรวจจับความเร็วของ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เป็นต้น
มาถึงรายของ “พี่ป้อม” ที่ไม่ว่าปรับ ครม.กี่ครั้ง ก็มีชื่อติดให้ต้องถูกจับตาว่า เก้าอี้จะหลุดตลอด ไม่เท่านั้นเจ้าตัวเองก็ยัง “ออกอาการ” ทุกครั้งเช่นกัน โดยน่าสังเกตว่า “ป๋าป้อม” มักจะหายตัวลึกลับ หรือเก็บตัวเงียบในช่วงปรับ ครม.เป็นประจำ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อมีข่าวว่า จะถูกปรับพ้น ครม.ด้วยสาเหตุเรื่องสุขภาพ “พี่ป้อม” ถึงหลุด “ไอ้ห่า...” มาเต็มสองรูหูนักข่าวที่ทำเนียบ ก่อนจะเฟดตัวไปอยู่หลังฉากหลายวัน ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ไปรักษาอาการป่วยที่ต่างประเทศ พร้อมๆ กับข่าวเม้าที่ว่า “พี่ป้อม” เกิดอาการงอนตุ๊บป่องเมื่อรู้ว่าจะหลุดเก้าอี้ รมว.กลาโหม เหลือแค่ รองนายกฯ โดยที่ “น้องตู่” จะนั่งควบตำแหน่งแทน ก่อนที่คนใกล้ชิดจะออกมาระบุว่า ไปทำธุระส่วนตัว ไม่ได้เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางการเมืองแต่อย่างใด
พลันที่ “บิ๊กป้อม” กลับเข้าประจำการ ด้วยมีงานใหญ่ ประธานพิธีตรวจพลสวนสนามทางเรือนานาชาติ ในงานมหกรรมทางเรือนานาชาติ เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีการก่อตั้งอาเซียน ณ บริเวณอ่าวพัทยา ที่กระทรวงกลาโหมไทยเป็นเจ้าภาพ เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน เป็นโอกาสเหมาะที่ได้ควงคู่ “บิ๊กตู่” ออกงานสยบข่าวลือ
แต่ไม่เพียงสยบข่าวลือเท่านั้น ทั้งคู่ยังใช้โอกาสนี้ให้ข่าวในคีย์เดียวกัน ยืนยันว่าไม่ได้มีปัญหาระหว่างกัน ย้ำสัมพันธ์แน่นปึ้กมากว่า 40 ปี โดย “พี่ป้อม” ถึงกับถอนหายใจเฮือก ก่อนพูดว่า “เฮ้อ.. ลือกันไปเรื่อย เลอะเทอะ โดยเฉพาะพวกคอลัมนิสต์ข้างในชอบเขียนให้เป็นประเด็นว่า มีความขัดแย้งกันระหว่างพี่น้อง ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย ผมกับ พล.อ.ประยุทธ์อยู่กันมานาน เขียนแบบนี้คนก็ชอบอ่านล้วน แต่เป็นพวกมโนที่อยู่ข้างใน เขียนให้เรา ทะเลาะกับนายกฯ เราไม่มีความขัดแย้ง ระหว่างกันเลย อยู่กันเรามาตั้ง 40 ปี”
ดับฝัน “สายมโน” ที่พยายามลุ้นว่า “พี่น้อง 2 ป.” จะแตกหัก-แยกทางกัน
ตามมาด้วย “น้องตู่” ที่ออกตัวมาตลอดว่า ไม่อยากให้ความสำคัญเกี่ยวกับการปรับ ครม.มากนัก แต่กลับยึดฟลอร์ปราศรัยกับประชาชน-นักศึกษา ในหัวข้อ“โครงการอาชีวศึกษาทวิภาคี” ที่สัตหีบ พูดถึงแต่เรื่องความดีของ “พี่ป้อม” ที่ตามไปหมายนี้ด้วย ทั้งที่ปกติแล้วหมายงานที่นอกเหนือจากความมั่นคงจะเลี่ยงไม่ไปปรากฎตัว ราวกลับรู้ว่าจะมีสคริปต์พูดถึงตัวเอง
โดย “นายกฯตู่” ร่ายยาวประมาณว่า เห็นอกเห็นใจ “ลูกพี่” ที่โดนโจมตีจนอ่วม พร้อมการันตีประมาณว่า “พี่คนนี้ดีที่สุด ถ้าไม่ดี เลิกคบนานแล้ว”
ไม่เท่านั้นยังอุปโลกน์ตัวเป็น “ทนายแก้ต่าง” ให้เสร็จสรรพว่า กระแสข่าวที่ว่า มีการทุจริตในสายงานความมั่นคงของ “บิ๊กป้อม” แค่กระบวนการ “ดิสเครดิต” เท่านั้น เพราะโครงการมีเป็นหมื่นเป็นพัน หากมีร้องเรียนเรื่องทุจริต ต้องไปดูว่าใครโกง แต่ “พี่ชาย” คนนี้ไม่เคยโกง
ช่วงหนึ่ง “น้องตู่” สบตากับ “พี่ป้อม” แล้วพูดว่า “ขออนุญาตนะพี่ผมจบมา ท่านสอนผมให้เป็นคนดีจนถึงวันนี้ ถ้าท่านไม่ดีเลิกคบนานแล้ว ผมไม่ได้แก้ตัวแทนท่าน แต่ทุกคนต้องฟังว่าเกิดอะไรขึ้น วันนี้โครงการมีเป็นหมื่นเป็นพันท้องถิ่นเป็นคนทำก็ต้องไปดูมีการโกงตรงไหนอย่างตอนนี้ที่บอกว่า เอาไปให้ข้าราชการแล้วขอเบิ้ลสอง เพราะต้องให้ทหารด้วย ลูกพี่ผมโดนตลอด เพราะคุมทหาร มันจริงหรือเปล่า หรือตำรวจไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรืออะไรก็แล้วแต่ไปหามาให้ผมรับรองไม่ละเว้นใครทั้งสิ้น แต่ต้องมีหลักฐานเพราะต้องให้ความเป็นธรรมเขาด้วย”
ถอดนัยจากฉากอันซาบซึ้งกินใจของ “พี่ป้อม - น้องตู่” ก็ต้องย้อนกลับไปถึงงานวันเกิด “ป๋าป้อม” ล่าสุด ที่ “บิ๊กตู่” ประกาศลั่นงานว่า “ท่านอยู่กับผมทั้งชาติแหละ”
สรุปได้ว่ามี “ตู่” ก็ต้องมี “ป้อม” กลายเป็น “บ่วงบรรจถรณ์” ที่ผูกเงื่อนกันไปทั้งชาติ
น่าสนใจว่า เหตุผลกลใด “บิ๊กตู่” ถึงกล้าทู่ซี้จะกระเตง “บิ๊กป้อม” ไปด้วย ทั้งที่ถึงวันนี้ตัว “ลุงตู่” เองก็เสื่อมมนต์ขลัง อยู่ในช่วงขาลง ขณะที่ “บิ๊กป้อม” เองก็ชื่อเสียงขายไม่ออก มีแต่เรื่องไม่ชอบมาพากลพัวพัน จากที่เคยเป็น “บิ๊กบราเทอร์ส คสช.” กลับถูกปะหน้าผากว่า “ตัวถ่วง คสช.”
แน่นอนว่าระหว่างสองคนต้องมีเรื่อง “ตอบแทนบุญคุณ” กันอย่างแน่นอน ด้วย “พี่ป้อม” อุ้มชูกันมาตั้งแต่รับราชการทหารใหม่ๆ ประมาณว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” ผลักดันไปถึงส่วนยอดของกองทัพในตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ก่อนมาร่วมหัวจมท้ายเป็น “คณะรัฐประหาร” เมื่อปี 2557 คนหนึ่งออกหน้าเป็น “หัวหน้าคณะ” อีกคนก็แบ็คอัพอยู่เบื้องหลัง
อาจพูดได้ว่า ไม่มี “พี่ป้อม” ก็คงไม่มี “ลุงตู่” ในวันนี้
ทว่านับถึงวันนี้เกือบ 4 ปีที่ คสช.เรืองอำนาจ เรื่อง “ตอบแทนบุญคุณ” ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่เหตุผลที่ต้องเสี่ยงอุ้มไปด้วย ก็เพราะ “ป๋าป้อม” ยังสำคัญต่อ “โรดแมป คสช.” หรือพูดให้ถูก “โรดแมปลุงตู่” ใช่หรือไม่
เพราะครั้นจะ “ลุงตู่” ยังหลงคราบ “ฮีโร่” ตะบึงแบบ “วันแมนโชว์” ไม่มีแบ็คอัพ คอยระวังหลัง ก็คงรอดได้ไม่กี่น้ำ
ก็ด้วยจะอยู่ส่วนยอดของอำนาจได้ “ความดี-ความสามารถ” ก็เรื่องหนึ่ง แต่สำคัญกว่าก็ “การเมือง” ที่ต้องประคองให้ดี
พูดได้ไม่ผิดว่าเหลี่ยมคูการเมืองของ “นายกฯตู่” ยังไม่ถึงขั้น เครือข่ายคอนเนกชันยิ่งแห้งแล้งไปกันใหญ่ ที่ผ่านมาอาจจะพึ่งคอนเนกชัน “วปอ.รุ่น 50 - ปรอ.รุ่น 20” ชักชวนมาช่วยงานหลายคน แต่ก็ไม่กว้างขวางพอที่จะค้ำเก้าอี้ “ท่านผู้นำ” ได้ตลอดศก
ที่อยู่มาได้จนป่านนี้ก็ด้วยบารมี-คอนเนคชั่น “ลุงป้อม” ที่แผ่ไพศาลมากกว่า เช็คแค่ใน “เรือแป๊ะ” ทั้ง ครม.-สปช.-สปท.-สนช.-กรธ.-บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ดูได้ “สายตรงตู่” มีเท่าไร “สายตรงป้อม” เบิ้ลไปอีกหลายเท่าตัว
ที่ว่าไปก็เป็นคำตอบในตัวว่า รู้ทั้งรู้ว่าลูกพี่เป็น “ตัวตัดแต้ม” แต่ต้องดื้อดึงจะอุ้มกันไปให้ได้ ด้วยมองเกมยาว เตรียมเข้าโหมดเลือกตั้ง ปลายทางคือ “ต่อท่ออำนาจ คสช.” ให้ได้อย่างน้อย 1 สมัย สี่ซ้าห้าปี ถ้าไม่เอา “ลุงป้อม” ไปด้วยก็เตรียมม้วนเสื่อได้เลย
ทำให้นึกถึงอีเว้นท์ก่อนประชุม ครม.สัปดาห์ก่อน ที่นักร้องดัง “ตั๊กแตน ชลดา” ได้มาร้องเพลงฮิต “ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้” ให้กับ “นายกฯลุงตู่” ซึ่งได้ร้องเพลงต่อว่า “ไม่ใช่แฟนทำแทนทุกเรื่องไม่ได้” พร้อมกล่าวหยอกล้อว่า “ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้ไงใช่ไหมจ๊ะ ทุกคนต้องช่วยกันทำงานช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศ ถ้าไม่ใช่ คสช.ก็ทำแทนไม่ได้.."
ถ้าจะให้ถูกวันนั้น “น้องตู่” คงอยากจะร้องแปลงว่า “ไม่ใช่พี่ป้อมทำแทนไม่ได้” มากกว่า
เมื่อมี “ตู่” ต้องมี “ป้อม” ผูกกระเตงกันไป ไม่ต่างกับ “บ่วงบรรจถรณ์” ละครที่กำลังโลดแล่นอยู่บนจอแก้วเวลานี้ เป็นละครฟอร์มยักษ์ที่เรตติ้งแย่ไม่ต่างจากรัฐบาล คสช. อย่างไรก็ตามละครเรื่องนั้นตอนจบ “คู่พระนาง” แฮปปี้เอนดิ้งกันดี แต่คู่พระนาง “ตู่ - ป้อม” ยังไม่แน่