xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“บิ๊กบี้-ศิริชัย” ไขก๊อก เร่งปรับทัพครม. เรือแป๊ะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นอกจากประเด็นเรื่องการปลดล็อกพรรคการเมืองที่เป็นไฟต์บังคับ เนื่องจากพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เขียนกรอบระยะเวลาเอาไว้ให้พรรคการเมืองต้องเตรียมดำเนินการอะไรบ้างหลังจากกฎหมายฉบับนี้ประกาศใช้ที่เป็นเรื่องที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หยิบมาถกก่อนที่จะต้องพักเบรกไปให้งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็เป็นอีกเรื่องที่มีกระแสข่าวหนาหูมาก่อนหน้าเช่นกัน แต่แผนการดังกล่าวต้องเลื่อนไปก่อน เพราะต้องรอให้งานพระราชพิธีเสร็จสิ้นเสียก่อน

เนื่องจากช่วงหลายเดือนก่อนหน้านั้นเป็นช่วงที่ทุกฝ่ายจะต้องเตรียมการเรื่องพระราชพิธี รัฐมนตรีหลายคนมีงานที่ต้องทำ ไม่ดีแน่ๆ หากจะต้องมีการเปลี่ยนทีมงานกลางคันสำหรับงานใหญ่เช่นนี้

จึงจำเป็นต้องให้คนเก่าๆ ได้ทำงานนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน พองานพระราชพิธีผ่านพ้นไป เรื่องการปรับครม. จึงกลับมาเป็นกระแสอีกครั้งว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เตรียมจะเซ็ตทีมงานกันใหม่ให้สอดคล้องกับงานในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาลท็อปบูต

อย่างที่รู้กันว่า ปีสุดท้ายเป็นปีที่รัฐบาลวางเป้าเอาไว้ว่า จะเร่งผลิตผลงานออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อตุนคะแนนเอาไว้สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง จึงจำเป็นต้องใช้มืออาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ มาปั๊มผลงานให้รัฐบาล เพื่อต่อยอดไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า

ที่คนต่างรู้กันทั่วบางแล้วว่า นายกรัฐมนตรีคนต่อไปจะยังชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ที่ว่า จะมาตามปกติคือ อยู่ในบัญชีรายชื่อพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือมาในโควตา “นายกฯคนนอก”
                
ปีสุดท้ายถือว่าสำคัญ ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนขุนพลกันใหม่ ยังใช้ระบบเดิมๆ ด้วยการสลับเก้าอี้กันเอง ไขว้ไปไขว้มา เน้นทหารเอาไว้ โอกาสที่ผลงานจะถูกตาต้องใจประชาชนเป็นไปได้ยาก เศรษฐกิจจะไม่กระเตื้อง

จุดอ่อนเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องของรัฐบาลท็อปบูตจะเป็นสิ่งที่คนจดจำ ซ้ำยังไม่ส่งผลดีถ้า “บิ๊กตู่” จะหาความชอบธรรมในการนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีอีกสมัย ไม่ใช่เพราะเป็นนายทหาร หากแต่ตอนมีอำนาจรัฐบาลประเทศ ไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้โดนใจประชาชน ถ้าจะกลับมาอีกคนคงไม่เห็นด้วยเท่าไหร่

เหตุนี้อย่างไรก็ต้องมีการปรับในเร็วๆ นี้ เพียงแต่ว่า คงไม่ใช่หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพหมาดๆ เพราะประเทศยังเหลืองานสำคัญๆ อีก 1 งาน ดูแล้ว “บิ๊กตู่” น่าจะรอให้อะไรๆ ผ่านพ้นไปทั้งหมดเสียก่อนแล้วค่อยจัดขบวนทัพใหม่กันทีเดียว แล้วอยู่ยาวจนหมดอำนาจ

ซึ่งทีมใหม่ชุดนี้จะต้องเป็นทีมที่คัดเน้นๆ มาเพื่อให้เหมาะสมกับภารกิจ แล้วน่าจะเป็นการปรับใหญ่ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
             
   ไม่น่าจะยึดรูปแบบเดิมที่ใช้วิธีการสลับเก้าอี้กันไปมา แล้วเอาท็อปบูตเป็นตัวยืนเหมือนเดิม แต่ท็อปบูตหลายคนน่าจะถึงเวลาปลดระวางหลังตอบแทนที่อยู่ช่วยเหลือกันมาแบบสมน้ำสมเนื้อแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเลือกหยิบมืออาชีพมาจริงๆ จังๆ เสียที แต่ก็ไม่ได้ว่า จะหากันง่ายๆ เพราะรัฐบาลทหารเจอปัญหามาตลอดเรื่องมือทำงานที่หายากเสียกว่าอะไร

ไม่ใช่เพราะประเทศไทยหมดคนเก่ง แต่เป็นเพราะไม่มีใครอยากจะมาร่วมสังฆกรรมด้วย ไม่ต้องการเอาชื่อเสียงมาทิ้งขว้าง

ดูกันง่ายๆ แค่ตอนตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ยังเป็นพวกหน้าตาเดิมๆ ที่เคยนั่งอยู่ในสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ไม่ใช่เพราะมีคนเก่งอยู่แค่นั้น หรือไว้วางใจกันแค่ไม่กี่คน หากแต่เป็นเพราะการ์ดเทียบเชิญที่ร่อนไปเชื้อเชิญถูกปฏิเสธจากผู้มีชื่อเสียงในประเทศ โดยเหตุผลแบบรักษามารยาทคือ ขอช่วยอยู่ข้างหลังดีกว่า ไม่ขอออกมาอยู่เบื้องหน้า ทั้งที่ความจริงคนเหล่านั้นต่างไม่อยากเปลืองตัว

ยิ่งเป็นปีสุดท้ายแล้วหลายคนยิ่งไม่กล้าเสี่ยงที่จะร่วมนั่งเรือแป๊ะ เพราะถ้าผลงานออกไม่ได้ดีอย่างที่คาดหวัง มันไม่ต่างอะไรกับการเอาชื่อเสียงที่สร้างสมมาเป็นเวลายาวนานมาทิ้งไว้แค่ช่วงเวลาปีเศษๆ ถือเป็นโจทย์ยากทุกครั้งเวลาปรับครม. ของรัฐบาลชุดนี้ แล้วมันก็เป็นเหตุให้หลายๆ ครั้งรัฐบาลต้องเลือกใช้วิธีเปลี่ยนเก้าอี้กันเองให้ดูเหมือนคนใหม่ ทั้งที่ความจริงคือ อยากได้คนดีมีฝีมือมากกว่านี้แต่ไม่มีใครอยากเสี่ยง

หนนี้ที่ปรับเปลี่ยนใหญ่ๆ คงเป็นทีมงานเศรษฐกิจของ “เฮียกวง” สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เหมือนเดิม ที่อาจเอามือดีในเครือข่ายที่ตรงตามสเปกของรัฐบาลเข้ามาช่วยงาน เพื่อเดินหน้าลุยโปรเจกต์ต่างๆ ให้ผลิดอกออกผล รวมถึงทำนโยบายหรือมาตรการสั้นๆ ที่ถูกจริตประชาชน ดังจะเห็นว่า นโยบายในลักษณะที่คล้ายกับประชานิยมเริ่มจะมีมากขึ้นในระยะหลังของรัฐบาล ส่วนขุนทหารหลายคนถึงคราวต้องพักงาน เก็บไว้แต่ตัวหลักอย่างพี่และเพื่อนของ “บิ๊กตู่” เท่านั้น
              
  นอกจากนี้ยังแว่วว่า บางตำแหน่ง “บิ๊กตู่” อาจจะไม่สามารถเลือกคนได้เอง แต่จะมีการส่งคนมานั่งในเก้าอี้บางตัว ซึ่งต้องคอยจับตาดูกันให้ดี

ส่วนกรณี “บิ๊กบี้” พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล ตัดสินใจลาออกจากเก้าอี้รมว.แรงงาน หลังไม่สามารถจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวได้ตามเป้า จนมีข่าวว่า “บิ๊กตู่” ไม่ค่อยโอเค แถมมีการเด้งอธิบดีจัดหางานเป็นการตอกย้ำเรื่องดังกล่าว ตรงนี้ไม่น่าจะสร้างความกลุ้มอกกลุ้มใจให้ “บิ๊กตู่” สักเท่าไหร่ เพราะว่ากันตามจริง “บิ๊กบี้” ไม่ใช่สายตรงตึกไทยคู่ฟ้า แต่เป็นสายตรง “บ้านวงษ์สุวรรณ” ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม

ดูแล้วน่าจะเป็นการน้อยอกน้อยใจกันธรรมดา ไม่สร้างความบาดหมางอะไรในรัฐบาล ถ้าเกลี้ยกล่อมกันไม่ลงตัว ก็ยอมให้ไขก๊อก แล้วให้รองนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลดูงานในกระทรวงแรงงาน และปัญหาแรงงานต่างด้าวไปพลางๆ สักพัก พร้อมเซ็ตทีมใหม่ลงตัวก็น่าจะถือโอกาสปรับครม. ครั้งใหญ่กันไปเลย

เพียงแต่การลาออกของ “บิ๊กบี้” และทีมงานในกระทรวงจับกัง จะมีส่วนเร่งให้ “บิ๊กตู่” ต้องรีบจัดทัพใหม่เร็วกว่ากำหนด อาจเป็นก่อนปีใหม่เลยก็ได้ เพราะงานมันหยุดนานไม่ได้ ยิ่งเรื่องแรงงานเป็นเรื่องที่รัฐบาลตั้งเป้าจะเร่งแก้ไขให้เสร็จโดยเร็ว พัวพันกับเรื่องการค้ามนุษย์ การทำประมงผิดกฎหมาย อย่างไรต้องเดินหน้าลุยให้ได้ เพื่อปลดล็อกสถานภาพที่ไทยอยู่ในระดับและอันดับต่ำๆ ที่มีผลต่อการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอยู่เหมือนกัน
             
   ถึงเวลาที่จะได้เห็นหน้าค่าตาทีมงานที่เข้ามาทำงาน มากกว่าทีมงานที่ตั้งเพื่อต่างตอบแทนสักที


กำลังโหลดความคิดเห็น