xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

บายละโยม ไขปริศนา “เจ้าคุณธงชัย” “ธุดงค์” ไกลโพ้นทะเล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เดือดร้อนกันทั้ง “วงการสงฆ์” หัวโกร๋นกันทั้ง “ดงขมิ้น”

ตั้งแต่หนังตัวอย่าง “รีเทิร์น ออฟ พงศ์พร” การที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) คืนตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ให้แก่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ทั้งที่ ครม.ชุดเดียวกันนี้ เพิ่งโยก “ผอ.พงศ์พร” ออกไปเป็นผู้ตรวจราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้ไม่ถึงเดือน

จน “นายกฯ ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เหตุเป็นการกลืนน้ำลายตัวเองแบบไม่ต้องตีความ เพราะยอมเสียหน้ากลับมติ ครม.ที่ตัวเองนั่งเป็นหัวโต๊ะ

ไม่เท่านั้นยังเปลี่ยนผู้กำกับดูแล พศ. จาก วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ ออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.สำนักนายกฯ มาเป็นรองนายกฯ "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร แต่เพียงผู้เดียว

คล้ายกับว่ามี “พลังงานบางอย่าง” ที่ทำให้ “รัฐบาลลุงตู่” ซึ่งก่อนหน้าเลือกเล่นบทประนีประนอม ลดเลี่ยงการปะทะกับ “มาเฟียสงฆ์” ที่ไม่ต้องการให้มีการตรวจสอบงบประมาณอุดหนุนบูรณะและปฏิสังขรณ์วัด หรือ “การทุจริตเงินทอนวัด” ที่ “ผอ.พงศ์พร” ลุย ปะ ฉะ ดะ ไม่ไว้หน้าใคร พระสงฆ์องคเจ้าไม่สน จน “บิ๊กรัฐบาล” อยู่ไม่ไหว ต้องออกมาหย่าศึก โดยการเด้ง “ผอ.พงศ์พร” ให้พ้นหูพ้นตา

หากแต่เกิด “ซัมติ้ง” อะไรไม่ทราบได้ ในจังหวะที่ “รัฐบาล คสช.” ตีธงถอย แต่กลับมี “ปฏิบัติการสายฟ้าแลบ” บุกทลาย “แก๊งเงินทอนวัด” ของ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ที่พุ่งเป้าไปที่ “คีย์แมนฆารวาส” อย่าง พนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.พศ. พร้อมทั้งขยายผลแจ้งข้อกล่าวหา “เจ้าคุณบุญเทียม” พระราชรัตนมุนี เลขานุการ สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง

ทำเอาแตกตื่นกันทั้ง “เขตสังฆาวาส” โดยเฉพาะ “บิ๊กๆ(บางคน)” ใน มหาเถรสมาคม (มส.) ที่ถึงกับนัดแนะกันไปประชุมนอกรอบ เพื่อเตรียม “รับน้อง” ก่อนหน้าประชุม มส.เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งมีข่าวว่า “ผอ.พงศ์พร” ในฐานะเลขานุการ มส.ตามตำแหน่ง จะหวนมาร่วมประชุมด้วย

วงแรก ว่ากันว่า เป็นการหารือกันของ “พระ-ฆราวาส” ในสาย วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดพิชยญาติการามวรวิหาร และ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ขณะที่วงที่ 2 เมาท์กันว่า สถานที่คือ กุฏิของ “พระพรหมสิทธิ” เจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ขณะที่ผู้ร่วมหารือ ก็ชื่อคุ้นๆ ทั้ง “เจ้าคุณประยูร” พระพรหมบัณฑิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) “เจ้าคุณประสาร” พระเมธีธรรมาจารย์ รองอธิการบดี มจร. และ “เจ้าคุณประเทือง” พระเทพเสนาบดี เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี เจ้าอาวาสวัดกวิศรารามราชวรวิหาร จ.ลพบุรี ซึ่งเจ้าคุณประเทืองนั้นอยู่ในลิสต์ของ บก.ปปป.ที่ถูกเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในคดีทุจริตเงินทอนวัดด้วย

อย่างไรก็ตาม การประชุม มส.เมื่อวันศุกร์ที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา “ผอ.พงศ์พร” ก็สับขาหลอก ไม่ได้เข้าร่วมประชุม ส่งเพียง กนก แสนประเสริฐ รอง ผอ.พศ.ไปเข้าประชุมแทน วาระประชุมวันนั้นจึงว่ากันไปตามเรื่อง แต่ที่แหลมๆ ออกมาก็คือ ที่ประชุม มส.ตั้งคณะทำงานข่าวกรองติดตามการทำงานของ บก.ปปป. หรือ “ทีมข่าวกรองพระ” หลังจาก “เถระชั้นผู้ใหญ่” หลายรูป ตกพุ่ม “เงินทอนวัด” กันถ้วนทั่ว

เอาเข้าจริงตั้งแต่ “ผอ.พงศ์พร” โดน ครม.ประยุทธ์ปลด จนตั้งเข้ามารับตำแหน่งเดิมใหม่ และจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณะสักครั้งเดียว เรียกได้ว่า แค่เงาก็หลอนกันไปทั้ง “ดงขมิ้น” แล้ว

ที่พีกไปกว่านั้นก็คำสั่งจาก “เจ้าคณะปกครอง” ที่ออกหนังสือสั่งตรงถึงเจ้าคณะภาค และเจ้าคณะจังหวัดในสังกัด โดยมีเนื้อหาเน้นการควบคุมดูแลพระภิกษุ-สามเณรในปกครอง ให้อยู่ในพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด หรือที่เรียกว่า “กฎเหล็กสงฆ์” อันประกอบไปด้วย “7 ข้อห้าม 4 คำสั่ง 3 บทลงโทษ”

ว่ากันว่า “กฎเหล็กสงฆ์” ครั้งนี้ ไม่ได้เป็นมติที่ออกจาก “ที่ประชุม มส.” แต่เป็นคำสั่งตรงที่ออกจาก “เจ้าคณะปกครอง” ทั้งหนเหนือ-ใต้-กลาง-ตะวันออก ในเวลาไล่เลี่ยกัน

ทั้งฝ่ายธรรมยุต โดย “สมเด็จจุนท์” สมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร กทม. เจ้าคณะใหญ่ธรรมยุต และฝ่ายมหานิกาย อาทิ “สมเด็จสมศักดิ์” สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดพิชยญาติการามวรวิหาร กทม. เจ้าคณะใหญ่หนกลาง, “เจ้าคุณวิเชียร” พระวิสุทธิวงศาจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ กทม. เจ้าคณะใหญ่หนเหนือ, “สมเด็จสนิท” สมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม กทม. เจ้าคณะใหญ่หนตะวันออก และ “เจ้าคุณสงัด” พระพรหมจริยาจารย์ เจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์ จ.ตรัง เจ้าคณะใหญ่หนใต้
  พระพรหมดิลก เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร ได้ออกหนังสือคำสั่งที่ จค 141/2560 ถึงเจ้าคณะเขตทุกเขตในกรุงเทพมหานคร ให้สอดส่องดูแลการโฆษณาการจัดสร้างพระบูชา วัตถุมงคล และเทวรูป ทางสื่อต่างๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีการเผยแพร่พุทธธรรมอย่างถูกต้องชัดเจน พร้อมทั้งห้ามไม่ให้ทุกวัดในเขตปกครอง จำหน่ายพระบูชา วัตถุมงคล และเทวรูปต่างๆ ภายในและบริเวณพระอุโบสถหรืออุโบสถ
ทุกสายออกหนังสือด้วยถ้อยคำที่แทบจะลอกกันมาเป๊ะๆ โดยมิได้นัดหมาย จนร่ำลือไปว่า มี “ใคร” มาดลใจให้ “เถระผู้ใหญ่” พร้อมใจกันประกาศ “สังคายนาสงฆ์ไทย” ทั้งที่ปล่อยให้ “วงการผ้าเหลือง” ฟอนเฟะกันมานานนม

ทั้งนี้ “กฎเหล็ก” ที่ออกมานั้นค่อนข้างตรงใจสังคม หลายเรื่องเรียกร้องกันมานาน แต่ไม่ได้รับการตอบรับจาก “สงฆ์ผู้ใหญ่” โดยมีทั้งประเด็นหยิบย่อย อาทิ การห้ามใช้โซเชียลมีเดีย-สมาร์ทโฟนผิดกาลเทศะ ห้ามเดินทางไปในสถานที่อโคจร หรือพฤติกรรมไม่สอดคล้องเพศกำเนิด กระทั่งเรื่องหนักๆอย่าง ห้ามสร้างความมัวหมองแก่พระพุทธศาสนา ห้ามวิพากษ์วิจารณ์กระทบการเมือง/ความมั่นคง/สถาบัน

แต่ที่ทำเอาสะท้านไปทั้งวงการ คงเป็นข้อ 5. และข้อ 6. ที่ระบุว่า

“5.การจัดทำป้ายโฆษณาติดประกาศในที่ต่างๆ เกี่ยวกับพิธีการปลุกเสกวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังโดยบรรดาเกจิอาจารย์ หรือป้ายโฆษณาอวดอ้างชวนเชื่อสรรพคุณเกจิอาจารย์ อันเป็นการมอมเมาประชาชน มิใช่วิถีพุทธ มิใช่วิถีสมณะ ส่อเจตนาไปในทางอเนสนา สุ่มเสี่ยงต่อการต้องอาบัติอันติมวัตถุ ให้ระงับการจัดทำนั้นเสีย หากได้ทำมาแล้วให้ปลดรื้อออกเสีย

6.อุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา เป็นสถานที่ทำสังฆกรรม ทำวัตรไหว้พระสวดมนต์ เจริญจิตตภาวนา หรือทำการบุญการกุศลต่างๆ ต้องไม่จัดทำเป็นที่จำหน่ายวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังภายในอุโบสถ”

หวดเต็มข้อ ล่อเต็มแข้งไปที่ “สงฆ์สายพุทธพาณิชย์” เท่านั้นล่ะ “อาสนะร้อน” กันเป็นแถว ทั้ง เจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล เจ้าอาวาส ไม่ว่าแห่งหนตำบลไหน ต้องโร่ออกมาเก็บแผงเช่าพระ-วัตถุมงคลออกจากโบสถ์เรียบวุธ

แต่ในขณะที่พระน้อยใหญ่กำลังปรับภูมิทัศน์รอบวัด ภายในโบสถ์ ให้เป็นสถานที่ทำสังฆกรรมโดยแท้ตามคำสั่ง แต่ที่ วัดไตรมิตรวิทยาราม อันเป็นที่พำนักจำพรรษาของ “พระเกจิชื่อดัง” ก็มีเสียงโหวกเหวกว่า “ซวยเลี้ยวววววววววววว ทั่นเจ้าคุณ”

เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เบอร์หนึ่งแห่งยุค “เจ้าคุณธงชัย” พระพรหมมังคลาจารย์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เจ้าของเหรียญ-ยันต์สุดเข้มขลัง หลายต่อหลายรุ่น ที่เกิดอาการสมาธิสั้น จำวัด-จำพรรษากันไม่ลง ใช้วิชา “ล่องหน” ออกจากวัดไปทันที

โดยข่าวแจ้งว่า ลูกศิษย์ลูกหาไม่สามารถติดต่อได้ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.เป็นต้นมา

เป็นการออกจาก “อาวาส” ก่อนหน้าที่จะถึงพิธีปวารณาออกพรรษาในอีกเพียงไม่กี่วัน ยอม “อาบัติ-แหกพรรษา” ทิ้งอานิสงส์ผลบุญที่เข้าพรรษามาร่วม 3 เดือน หมดโอกาสร่วมรับบาตรเทโว-กรานกฐิน ที่หนึ่งปีมีหนเดียวไปอย่างน่าเสียดาย

อีกวันถัดมา “เจ้าคุณธงชัย” ก็ไม่ปรากฏตัวในวันสถาปนากรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ครบรอบปีที่ 15 ที่รับกิจนิมนต์ไว้ มีเพียง พระธรรมคุณาภรณ์ เจ้าคณะภาค 8 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ นำพระลูกวัดไปตามหมายนิมนต์ ทำพิธีสงฆ์ ประพรมน้ำมนต์ ให้แก่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ เท่านั้น
  เจ้าคุณธงชัยกับผ้ายันต์เลสเตอร์อันโด่งดัง

บริเวณกุฏิของเจ้าคุณธงชัยที่ก่อนหน้านี้มีลูกศิษย์ลูกหาเดินทางมาเป็นจำนวนมาก ณ ปัจจุบันเงียบสงบหลังเจ้าคุณตัดสินใจปลีกวิเวก
โดยมีการแจ้งว่า “เจ้าคุณมีชื่อ” ติดภารกิจไม่สามารถเดินทางมาทำพิธีได้ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีการนำรถบรรทุก 6 ล้อมาขนพระพุทธรูป และวัตถุมงคล ออกจากกุฏิของ “เจ้าคุณธงชัย” ไปเก็บที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

อีกกระแสหนึ่งระบุว่า “เจ้าคุณธงชัย” ได้ออกธุดงค์ด้วยเครื่องบินไปพำนักยังต่างประเทศแล้ว

สำทับกับคำยืนยันของ กอบสิน เอี่ยมสะอาด เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิคมวัดไตรมิตรฯ น้องชายของ “เจ้าคุณธงชัย” ที่ทำหน้าที่ดูแลห้องวัตถุมงคล ที่ระบุว่า ขณะนี้ “เจ้าคุณธงชัย” เดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัด ไม่ได้หลบหนีไปชายแดน และไม่ได้ขนวัตถุมงคลไปไหนทั้งสิ้น เพราะไม่ได้กระทำความผิดอะไร

“ท่านเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่ต่างจังหวัด เพื่อปลีกวิเวก ไม่ได้หนีไปชายแดน ไม่ได้กระทำผิด และไม่ได้ขนวัตถุมงคลหลบหนีไปไหน ที่ต้องปฏิเสธรับกิจนิมนต์ ก็เพื่อไปปฏิบัติธรรม พร้อมมีความตั้งใจวางมือการเป็นเกจิ เจ้าพิธีศักดิ์สิทธิ์ เพราะเบื่อหน่าย เนื่องจากมีลูกศิษย์มาเฝ้าเยอะและให้ทำพิธี ที่ผ่านมาต้องเลิกใช้โทรศัพท์ส่วนตัว ส่วนวัตถุมงคลที่เป็นข่าวว่าถูกขนย้ายนั้นเป็นของวัด ไม่ใช่ของเจ้าคุณธงชัย ซึ่งทางวัดได้ย้ายจากวิหารเก่า ไปเก็บที่ศูนย์ศึกษาวัดไตรมิตรที่ อ.ปากช่อง โคราช” นายกอบสิน ระบุไว้เช่นนั้น

การที่ “เจ้าคุณธงชัย” ต้องการ “ปลีกวิเวก” เพื่อหันหลังให้กับตำแหน่ง “เกจิของขลัง” นั่นคงไม่ผิด แต่ปฏิเสธยากว่าไม่เกี่ยวกับ “กฎเหล็กสงฆ์” ที่เพิ่งออกมา อีกทั้งคำสั่งฉบับหนึ่งยังออกจาก “สมเด็จสนิท” เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรฯ ที่ “เจ้าคุณคนดัง” อาศัยอยู่ด้วย ก็เบี่ยงตัวหลบกระแสออกไป ก็เพื่อความสบายใจของ “ลูกพี่” เช่นเดียวกับตัวเองที่รักษาตัวรอดไปก่อนดีกว่า

โดนแว่วว่า หลังจากออกจากวัดต้นสังกัดไป “เจ้าคุณธงชัย” ก็มุ่งหน้าได้ธุดงค์ไปยังแทบชายแดนขอบขันฑสีมาประเทศไทย เพื่อหาทางเดินทางไป “ปลีกวิเวก” ต่อยังสหราชอาณาจักร ประเทศอังกฤษ แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่มีการคอนเฟิร์มว่าไปถึงจุดหมายปลายทางหรือยัง

สาเหตุที่ต้องไปปลีกวิเวกค่อนข้างไกล เพราะไม่เพียงแต่ “กฎเหล็กสงฆ์” ที่เพิ่งออกมาเท่านั้น ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวหนาหูว่า มี “ใบสั่ง” ให้ “เจ้าคุณธงชัย” ยุติบทบาทการเป็นเกจิมาไม่ต่ำกว่า 2-3 ครั้ง เนื่องจากมีการแอบอ้างอิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์ จนครอบงำไปทั่วทุกวงการ ทั้ง “นักการเมือง - กลุ่มทุน” ตลอดจน “ทหาร-ตำรวจ-ข้าราชการ” ต่างปวารณาตัวเป็น “ลูกศิษย์” ของเจ้าคุณกันอย่างหัวปักหัวปำ

หลังจากที่ดังเป็นพลุแตกจาก “ผ้ายันต์เลสเตอร์” หรือ “ผ้ายันต์แพ้ไม่เป็น” ที่เชื่อกันว่ามีอานิสงค์ส่งให้ “ทีมเลสเตอร์ ซิตี้” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อน สร้างประวัติศาสตร์ในฐานะทีมนอกสายตา และยังเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของสโมสรด้วย

จากนั้นชื่อของ “เจ้าคุณธงชัย” ก็ถูกเอาไปเชื่อมโยงในแทบทุกเหตุการณ์หรืองานสำคัญ ไม่ว่าพิธีการใดก็มักจะนิมนต์ท่านเจ้าคุณไปร่วม เช่นเดียวกับเหรียญ-ยันต์-วัตถุมงคล ที่สร้างในช่วงหลังต่างพากันนำชื่อ “เจ้าคุณธงชัย” ไปแปะไว้เพื่อเป็นสิริมงคลและความโด่งดัง มิหนำซ้ำวัตถุเหล่านั้นยังกลาย “ของชำร่วยยอดฮิต” ในยุคดิจิทัล 4.0 โดยเฉพาะบรรดาข้าราชการที่ศรัทธากันแบบไม่ลืมหูลืมตา

อย่างล่าสุด รัฐบาลเองก็ยังเอาไปโหนกระแส ทั้ง “เหรียญเชิดชูเกียรติ” ของกระทรวงการคลัง ที่นำมามอบให้ผู้สูงอายุที่ต้องการสละสิทธิรับเบี้ยคนชรา หรือ “ผ้ายันต์” ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เพิ่งมอบเป็นที่ระลึกให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุมคณะหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงเมื่อปลายเดือนก่อน ก็โฆษณาว่าปลุกเสกโดย “เจ้าคุณธงชัย”

การลาวงการทั้งที่อยู่ในช่วงขาขึ้นของ “เจ้าคุณธงชัย” น่าจะมีอะไรที่เหนือกว่าความเบื่อหน่ายส่วนตัว หากแต่เจ้าตัวคงรับรู้ได้ถึง “สัญญาณบางอย่าง” หรืออาจมี “คำขอร้องที่ไม่อาจปฏิเสธได้” จึงทำให้ต้องหายตัวไปในช่วงจะออกพรรษาอยู่รอมร่อ อีกทั้งปฏิเสธกิจนิมนต์อย่างกะทันหันเช่นนี้

สัญญาณการ “ปฏิวัติวงการสงฆ์” อันนำมาซึ่งสัญญาณล้างบาง “พุทธพาณิชย์” ซึ่งทำให้ “เจ้าคุณธงชัย” ที่มีลูกศิษย์ครึ่งค่อนประเทศต้องหลบลี้หนีหน้าไปเช่นนี้ หากเป็นเรื่อง ”ตัวบุคคล” ก็เรื่องหนึ่ง แต่หากเป็นเรื่อง “ระบบ” ก็อีกเรื่องหนึ่ง

เพราะวงการปลุกเสก “เครื่องรางของขลัง” ไม่ใช่ว่ามี “พระเกจิดัง” เพียงอย่างเดียวแล้วจะได้รับความนิยม เรื่องกลยุทธ์การตลาดที่มี “ฆราวาสตัวดี” เป็นธุระให้ก็สำคัญ

รูปการณ์นี้บรรดา “ฆราวาสเซียนสร้างพระ” ที่เดินสายหากินทาง “อิทธิฤทธิ์-ปาฏิหาริย์” ปลุกเสกของขลังเป็นว่าเล่นก็ “อยู่ยาก” ก็ด้วยพฤติกรรมที่ผ่านมา “พระ-โยม” เกื้อหนุนกันมาตลอด การติดแผ่นป้ายโฆษณา-กลยุทธ์การตลาดต่างๆ เพื่อตีปิ๊บ "วัตถุมงคล" รุ่นต่างๆ โดยเฉพาะพวกที่ชอบตั้งตัวเป็นหมอ เป็นธิดา เป็นเทพ ที่มีพฤติกรรมออกไปในแนวลวงโลก เหล่านี้น่าเป็นห่วง

อย่าง “ศิษย์เอก” ที่ช่วยปั้นแบรนด์ “เจ้าคุณธงชัย” ให้ติดตลาดมาได้ อย่าง "โหรฟันธง" ลักษณ์ เรขานิเทศ ที่มักจะแนะนำให้ลูกศิษย์ หรือแฟนคลับ ไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ที่วัดไตรมิตรฯ รวมทั้งเช่าบูชาเครื่องรางของขลัง พะยี่ห้อ “เจ้าคุณธงชัย” เพื่อให้แคล้วคลาดปลอดภัย พ่วงโปรโมชั่นเข้าเกณฑ์ “รวยหนัก-ลาภใหญ่”

ระวังไว้เถอะ.. ฟันธงดวงชะตา 12ราศีอยู่ดีๆ อาจจะถูกฟันทิ้งไม่รู้ตัว ขนาด “พระอาจารย์” ยังโกยอ้าว แบบไม่ทันหันกลับมาชวนศิษย์รักว่า “โกยเถอะโยม” เสียด้วยสิ...


กำลังโหลดความคิดเห็น