xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กราบถวายบังคม “พระบรมศพ” ครั้งสุดท้าย พลังแห่งความจงรักภักดีของปวงชนชาวไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปรากฏการณ์แห่งความจงรักภักดี ตลอด 337 วัน ที่พสกนิกรจากทั่วสารทิศมากกว่าสิบล้านคนหลั่งไหลเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตั้งแต่วันแรกเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2559 จวบจนวันสุดท้าย5 ต.ค. 2560 แม้แดดแผดเผาหรือสายฝนโหมกระหน่ำ ก็มิทำลายความมุ่งมั่นของปวงพสกนิกรชาวไทยได้

และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ที่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร โปรดเกล้าฯ ขยายเวลาเข้ากราบพระบรมศพถึงเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 5 ต.ค. 2560 จากกำหนดเดิมระหว่างวันที่ 29 ต.ค. 2559 - 30 ก.ย. 2560เพื่อดำเนินการจัดเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพให้เป็นไปด้วยความสมบูรณ์เรียบร้อยและสมพระเกียรติ ก่อนเข้าสู่พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ เพื่อส่งเสด็จสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ในวันที่ 26 ต.ค. 2560

สำนักพระราชวัง เปิดเผยว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้ทรงตระหนักถึงอาลัยรักความศรัทธาของปวงชนทุกหมู่เหล่า ที่มีต่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ต่างมุ่งมั่นเดินทางเข้ามากราบถวายบังคมพระบรมศพเพียงสักครั้งหนึ่งในชีวิตเพื่อความเป็นสิริมงคล ด้วยทรงซาบซึ้งในน้ำใจ ทรงห่วงใยว่าประชาชนจะมีโอกาสถวายบังคมพระบรมศพได้ไม่ทั่วถึง จึงพระราชทานขวัญและกำลังใจแก่ประชาชน ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เลื่อนกำหนดวันสุดท้ายของการกราบถวายบังคมพระบรมศพ เป็นวันที่ 5 ต.ค. 2560

ตลอดสัปดาห์สุดท้ายของการเปิดให้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ ประชาชนหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ จำนวนกว่า 90,000ต่อวัน ต่างเข้าแถวเป็นระเบียบยาวเหยียด โดยมิย่อท้อต่อความยากลำบาก แม้สภาพอากาศฝนฟ้าโหมกระหน่ำ หลายรายนำร่มมากางและสวมใส่เสื้อกันฝน อีกหลายรายยืนตากฝน แต่สายฝนที่โปรยปรายก็ไม่อาจขวางกั้นกระแสธารแห่งความศรัทธาของปวงชนชาวไทยผู้มีใจภักดิ์

สำหรับบริเวณจุดคัดกรองบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ แถวยาวตลอดถนนราชดำเนินไปถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยทอดตัวยาวตลอดจนภูเขาทอง ขณะที่จุดคัดกรองที่วงเวียนรักษาดินแดนนั้น ปลายแถวอยู่ที่บริเวณแยกสะพานมอญ เรียงรายไปตามแนวถนนท้ายวัง ก่อนตีกลับไปที่สะพานมอญอีกรอบ ประชาชนรอคอยอย่างมิรู้เหน็ดเหนื่อยด้วยกิริยาสำรวมเพื่อกราบถวายบังคมสักการะเบื้องหน้า “พ่อหลวงอันเป็นที่รักยิ่ง” ครั้งสุดท้าย

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมากราบสักการะพระบรมศพ ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2560 ตั้งแต่เวลา 00.01น. จนถึงเวลา 24.00น. มีจำนวนทั้งสิ้น 96,150 คน รวม 336 วัน มีจำนวน 12,628,642 คน และมีประชาชนร่วมถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 882,528,282.01 บาท

อย่างไรก็ตาม วันที่ 5 ต.ค. 2560 วันสุดท้ายของการเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ บริเวณจุดคัดกรองรอบท้องสนามหลวงเนื่องแน่นไปด้วยประชาชนที่มาเข้าคิวต่อแถวตั้งแต่กลางดึกของคืนวันที่ 4 ต.ค. 2560 ตลอดจนทยอยเดินทางมาสมทบกันตั้งแต่ยังไม่รุ่งสาง

นางอาภรณ์ พหุพันธ์ อายุ 55 ปี ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนวัดบ่อบุญ อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี ที่เดินทางมาพร้อมเพื่อนครูรวม 7 คน กล่าวว่า เมื่อทราบว่าสำนักพระราชวังได้ขยายเวลาเข้ากราบพระบรมศพอีก 5 วันและวันนี้เป็นวันสุดท้ายจึงรีบชักชวนเพื่อนๆ ที่โรงเรียนปิดเทอมพอดีออกเดินทางจากที่พักเวลา 18.00 น.ของวันที่ 4 ตุลาคมท่ามกลางฝนตกหนักมาถึงท้องสนามหลวงเวลา 21.00 น. ก่อนจะไปเข้าคิวรอโดยท้ายแถวอยู่ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และได้เข้ากราบพระบรมศพเมื่อเวลา 08.00 น. ของวันรุ่งขึ้น แม้จะรอนานถึง 11 ชม. แต่อาการปวดเมื่อยและเปียกปอนจากฝนตกลงมาเป็นระยะได้หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้นั่งน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและหมอบกราบอยู่เบื้องหน้าพระบรมโกศ

“เป็นครั้งแรกที่ได้มากราบพระองค์ท่าน จะให้รอนานแค่ไหนก็ทนได้ ดีใจที่ได้เห็นผู้คนหัวใจเดียวกันมากันมากมาย ได้ทักทาย ได้ช่วยเหลือกันเล็กๆ น้อยๆ รู้สึกอิ่มใจ วันนี้เตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งร่ม เสื้อกันฝน รองเท้ายาง เพื่อให้ไม่เป็นอุปสรรคในการรอ ถือว่าท้าทายความอดทนมาก แต่คงเทียบไม่ได้กับสิ่งที่พระองค์ท่านทำเพื่อประชาชนมาตลอดพระชนม์ชีพ เราอยู่เพชรบุรีถือว่าใกล้พระองค์พอสมควร เพราะมีโครงการพระราชดำริหลายแห่ง อย่างโครงการชั่งหัวมัน ก็มีโอกาสพานักเรียนไปทัศนศึกษาอยู่บ่อยๆ ในฐานะครูก็พยายามถ่ายทอดพระราชกรณียกิจให้คนรุ่นหลังฟังให้มากที่สุด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาจะรับรู้ได้ เพราะเกิดไม่ทันช่วงที่พระองค์เสด็จฯ ไปทรงงานทั่วประเทศ นอกจากนี้ที่โรงเรียนยังปลูกฝังให้เด็กๆ รู้รักสามัคคี รวมถึงการใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ โดยยกตัวอย่างพระราชจริยวัตรของในหลวง ร.๙ อย่างการใช้ยาสีฟันให้หมดหลอด การรีไซเคิลขยะใช้แล้ว การใช้ดินสออย่างคุ้มค่า จะเห็นตลอดเวลาพระองค์เสด็จฯ ไปที่ใด พระหัตถ์ข้างหนึ่งถือดินสอ อีกข้างถือแผนที่ เป็นภาพประทับใจไม่รู้ลืม ที่สำคัญภาพพระเสโทที่ไหลลงปลายพระนาสิกของพระองค์บ่งบอกถึงความเหน็ดเหนื่อยแต่ไม่ทรงบ่น เวลาทำอะไรเหนื่อยๆ นึกถึงภาพนี้แล้วทำให้หายเหนื่อยได้ รักและเทิดทูนพระองค์ที่สุดในโลก” นางอาภรณ์กล่าวด้วยความซาบซึ้ง

นางกุหลาบ พลายศรี อายุ 81 ปี ชาวนา อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี กล่าวด้วยใบหน้าปลื้มปีติว่า ตัวเองสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง เพราะเจ็บปวดออดๆ แอดๆ ตามประสาผู้สูงอายุ ทั้งปวดขาและปวดบั้นเอว ทำให้ยืนหรือเดินนานๆ ไม่ได้ แต่คิดว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราคนไทยจะได้กราบในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงคิดว่ายังไงต้องมาให้ได้สักครั้ง จึงเดินทางมากับลูกชายโดยออกจากบ้านตั้งแต่ตี 4 และนั่งรถโดยสารประจำทางมาด้วยกัน พร้อมกับพกยาดมยาหม่องมาเผื่อและได้เข้ากราบเวลา 11.30 น.

"วันนี้อากาศร้อน แต่พอได้เข้าภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ได้กราบเบื้องหน้าพระบรมโกศแล้วรู้สึกเย็นสบาย แม้วันที่พระองค์เสด็จสวรรคตจะใจหายอย่างบอกไม่ถูก ส่วนตัวไม่ได้ตั้งจิตอธิษฐานอะไรเพราะคิดว่าพระองค์ต้องเสด็จสู่สรวงสวรรค์อยู่แล้ว ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นในหลวงรัชกาลที่ 9 ตัวจริงสักครั้ง ได้แต่ดูพระองค์ท่านผ่านจอโทรทัศน์เห็นพระองค์ทรงงานมากมายเพื่อความอยู่ดีกินดีของคนไทย เห็นได้ว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่รักและทำเพื่อคนไทยจริงๆ" นางกุหลาบกล่าวด้วยความตื้นตัน


อีกหนึ่งครอบครัวเดินทางมาจาก จ.พิษณุโลก ตั้งใจมากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ ครั้งแรก นางไพรินทร์ มียวน อายุ 47 ปี พร้อมด้วยลูกสาว น.ส.กัญญานัฐ มียวน อายุ 15 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเซนต์นิโกลาส เปิดเผยความรู้สึกขณะเข้าแถวรออยู่หางแถวบริเวณอนุเสาวรีย์ประชาธิปไตย

“เพิ่งมีโอกาสได้มาครั้งแรก จะมาตั้งแต่ปีที่แล้วแต่ไม่สบาย วันนี้มากัน 3 คน มีลูกสาวแล้วก็ปู่เขาต่อแถวอยู่ข้างหน้า ดีใจ ปลื้มใจมาก ได้มากราบพระองค์ท่านวันนี้เป็นวันสุดท้าย” ไพรินทร์ กล่าวก่อนที่ลูกสาว กัญญานัฐ จะเผยความรู้สึกขึ้นด้วยถ้อยคำสั้นๆ ที่เต็มไปด้วยความจริงใจ “ดีใจค่ะ ที่ได้มากราบในหลวง”

นางอัญชลี พุ่มแย้ม อายุ 58 ปี อาชีพประกอบธุรกิจส่วนตัว กรุงเทพฯ เปิดเผยว่าตนเดินทางมาจากย่านบางนา ตั้งใจมาส่งเสด็จพ่อหลวงสู่สวรรคาลัยเป็นครั้งสุดท้าย และหากนับรวมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 36 ที่ตนมีโอกาสได้เข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ

“เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2560 มาถึงสนามหลวง 22.00 น. เข้ากราบ 9.00 น. กลับไปพักคืนนึงและกลับมาใหม่วันที่ 5 ต.ค. 2560จะมาส่งพ่อวันนี้วันสุดท้าย รู้ปลาบปลื้ม รู้สึกคิดถึงพระองค์ท่าน รู้ว่างานที่พระองค์ท่านทำมันเหนื่อย เรามาแค่นี้มันไม่เหนื่อยหรอก แม้วันนี้เราจะตากฝนมา ออกจากบ้านมาเปียกฝนก็เตรียมชุดมาเปลี่ยน ที่เรามาเราคิดว่าอยากจะกราบพระองค์ท่าน ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อที่ต้องมายืนรอ พระองค์ท่านเหนื่อยกว่าเรามาเยอะ แล้วเราเห็นสิ่งที่พระองค์ท่านทำประโยชน์ เราคิดว่าพระองค์ท่านก็เหนื่อย ทำไมเรามายืนแค่นี้ทำไมจะไม่ได้”

การเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ พ่อหลวง ร.9 นำมาซึ่งความปลื้มปีติ ดังที่ นางณิชาภัทร สกุลเมือง อายุ 48 ปี อาชีพธุรกิจส่วนตัว กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เดินทางมาต่อแถวบริเวณจุดคัดกรองโรงแรมรัตนโกสินทร์ มาจากบ้านพักย่านบางกะปิ มาถึงตั้งแต่ 05.00 น. ขณะนั้นฝนตกแต่ได้เป็นอุปสรรคต่อความตั้งใจในครั้งนี้ เธอเล่าว่าเคยมากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ แล้ว 13 ครั้ง เคยรอนานที่สุด 9 ชั่วโมง และครั้งนี้ไม่ว่าจะรอนานแค่ไหนก็เต็มใจรอ

“เพราะว่าเป็นวันสุดท้ายต้องมาให้ได้ รู้สึกดีใจ และภูมิใจ ตั้งใจเต็มที่ที่จะมากราบพระองค์ท่าน” ณิชาภัทร กล่าว

นายวิชญัวสิฐ เศรษฐีแสง อายุ 27 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยเอกชน กรุงเทพฯ เปิดเผยถึงการมาเข้าแถวรอกราบถวายบังคมพ่อหลวงในวันที่ 5 ต.ค. 2560ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเปิดให้ประชาชนเข้ากราบสักการะเบื้องหน้าพระบรมโกศ เปี่ยมล้นไปด้วยความปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้

“รู้สึกว่าท่านทำงานหนักมากทำเพื่อเรามาตลอดการครองราชย์ รู้สึกว่าต้องเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะต้องมากราบสักการะท่านครับ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วเป็นโอกาสเดียวที่ในชีวิตหนึ่งจะมาได้ก็อยากจะมาครับ เตรียมตัวครับเตรียมใจมาแล้ว ดูสภาพอากาศรู้ว่าวันนี้ฝนมันจะตก เหมือนใจเราอยากจะมา รู้ว่าวันนี้วันสุดท้ายเหมือนคนจะเยอะ ผมมาเพื่อพระองค์ท่านโดยเฉพาะครับ” วิชญัวสิฐ กล่าว

ขณะที่ น.ส.วิมลพรรณ กิจพัฒนา, น.ส.กาญจนา ประเสริฐศรี และ น.ส.ญาณิศา บุญเลี้ยงมา นักศึกษาชั้นปีที่ 3 จากคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เปิดเผยว่าพวกเธอตั้งใจมากราบในหลวงรัชกาล 9 ด้วยน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณพระองค์ท่าน

“ครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ เพื่อมาส่งพระองค์ท่านครั้งสุดท้าย วันนี้ (5 ต.ค. 2560) คือวันนี้ว่างของพวกหนู หนูไม่มีเรียน ก็เตรียมตัวตื่นกันตั้งแต่ตี 4 มาถึงที่นี่ 7.30 น. หนูภูมิใจค่ะ ดีใจที่ได้มากราบพระองค์ท่าน รู้สึกตื้นตัน และถ้าได้เข้าไปกราบด้านในคงรู้สึกตื้นตันกว่านี้ อย่างหนูก็เป็นตัวแทนมาแทนคุณแม่ด้วย” หนึ่งในนักศึกษาเป็นตัวแทนกล่าว

ทั้งนี้ สำนักพระราชวังจะเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพฯ จนถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 5 ต.ค. 2560 และไม่ว่าประชาชนจะต่อแถวสิ้นสุดตรงจุดใดก็จะให้ประชาชนได้เข้ากราบครบจำนวนทุกคน จากนั้นจะเตรียมพื้นที่สำหรับพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ในวันที่ 26 ต.ค. 2560

ปรากฏการณ์ที่พสกนิกรทั้งประเทศหลอมรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียวในครั้งนี้ คือบันทึกประวัติศาสร์ครั้งสำคัญของชาติ ขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของชาวโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น