xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

DONE DEAL in LONDON “พี่ใหญ่-นายใหญ่” ลงสัตยาบัน ดัน “ชินสุวรรณ” ผงาด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปฏิเสธเสียงสูงว่า “ไม่ได้โพ้บบบบ” เป็นอาการของ “ป๋าป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ถูกผู้สื่อข่าวซักถามถึงการเดินทางไปปฏิบัติราชการ ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปลายสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางกระแสข่าวว่าอาจได้พบ “น้องษิณ” ทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางไปยังกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงเวลาเดียวกัน

พร้อมกับขยายความอ้างข้างๆคูๆเสียงหลงอีกว่า “โอ้ย! จะเจอได้อย่างไร ไปคนละเวลา”

ทว่า ปัจจัยหลายอย่าง “ที่เห็น” และ “เป็นไป” มันช่างสอดคล้องเหมาะเจาะเหลือเกินที่ “ระดับนำ” ของ 2 ขั้วอำนาจ ขั้วหนึ่ง “รัฐบาลขุนทหาร คสช.” อีกขั้วหนึ่ง “ระบอบทักษิณ เจ้าตำรับทุนสามานย์” จะได้พบปะกันกลางเมืองหลวงแดนผู้ดี

ก็ความจริงกำหนดการของ “ป๋าป้อม” นั้น มีภารกิจเดินทางไปเยือนสหราชอาณาจักร ช่วงวันที่ 12-15 กันยายนที่ผ่านมา โดยมี “กำหนดอย่างเป็นทางการ” ในการเยี่ยมชมงาน Defence and Security Equipment International : DSEL 2017 หรืองานโชว์อาวุธระดับโลก พร้อมพบปะกระชับความสัมพันธ์กับรัฐมนตรีของที่นั่นด้วย

แต่ก็มีการเปิดเผยว่า “ป๋าป้อม” เลือกที่จะบินเดี่ยว “เป็นการส่วนตัว” ไปยังมหานครลอนดอน ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 11 กันยายน“โดยไม่ระบุเหตุผล”

ล่วงหน้าหนึ่งวันก่อนที่คณะของ “บิ๊กช้าง”พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม จะบินตามไปสมทบในวันถัดมา ที่น่าแปลกก็เหตุที่ “บิ๊กช้าง” ต้องออกเดินทางไปช่วงเที่ยงของวันที่ 12 กันยายน ก็เพราะติดประชุมร่วม “ครม.-คสช.” ที่บรรดาผู้นำเหล่าทัพล้วนแล้วแต่ก็เป็น“สมาชิก คสช.” ต้องเข้าประชุมโดยพร้อมเพรียงในช่วงเช้าวันเดียวกัน

แต่ตัว “ท่านประธานคณะที่ปรึกษา คสช.” อย่าง “ป๋าป้อม” กลับเลือกเดินทางไปต่างประเทศ เทการประชุมสำคัญไปเฉยๆ...แล้วจะไม่ให้สงสัยได้อย่างไร

ก่อนจะออกเดินทางไป “บิ๊กช้าง” ต้องรีบออกตัวปฏิเสธว่า ภารกิจ “รองฯป้อม อิน ลอนดอน” หนนี้ ไม่เกี่ยวกับการตามตัว “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือพบกับ “น้องษิณ” แต่ประการใด

และความจริงอีกประการ ก็ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ที่มีการเม้าท์มอยกันว่า “พี่ป้อม” มี “ภารกิจพิเศษ” ที่แดนผู้ดี เพราะรอบปีเศษที่ผ่านมา “พี่ป้อม” ก็ได้รับเชิญไปเยือนประเทศอังกฤษมาแล้วอย่างน้อย 3 หน ไม่รวมที่ “ว.5” หายไปร่วม 2 สัปดาห์ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

แต่ละครั้งก็มักมีข่าวว่ามี “แขกพิเศษ” หน้าละม้ายคล้าย “อดีตนายกฯทักษิณ” แวะมาจิบน้ำชาในโรงแรมที่พักด้วยตลอด

ประกอบกับภายหลังจากที่ “ยิ่งลักษณ์” หลบหนีการฟังคำพิพากษาคดีจำนำข้าวไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยหลุดรอดออกไปทางชายแดนฝั่ง “บูรพาทิศ”

ท่ามกลางความเชื่อที่ว่ามี “บิ๊กทหารระดับสูง” เปิดไฟเขียวให้สามารถผ่าน “ด่านทหาร” ไปได้อย่างสะดวกโยธินนั้น จุดหมายปลายทางชั่วคราวก็คือ การไปซุกอ้อมอก “พี่ษิณ” ที่นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

และมีจุดหมายสุดท้ายที่เมืองผู้ดี ประเทศอังกฤษ สำทับกับข่าวที่ว่า “ยิ่งลักษณ์” ได้ติดต่อขอลี้ภัยทางการเมืองกับทางการอังกฤษไว้แล้ว

การเดินทางไปเยือนประเทศอังกฤษในช่วงเวลานี้ของ “บิ๊กป้อม” จึงมี “นัยสำคัญ” มากกว่าทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา

ส่วนตัว “บิ๊กป้อม” นั้นไม่เคยชี้แจงว่า เหตุใดจึงจำเป็นต้องลาประชุมร่วม ครม.-คสช. และเดินทางไปก่อนคณะใหญ่ จะมีก็แต่ ไพศาล พืชมงคล กุนซือประจำกายรองฯป้อม ที่ออกมาแย้งแทนเจ้านายว่า “ท่านประวิตร” เป็นพวกขาชิม ชื่นชอบการลิ้มรสอาหาร จึงอาจล่วงหน้าไปเพื่อหาเวลาโซ้ยของอร่อย ณ ดินแดนผู้ดี

เป็นข้ออ้างที่เบาหวิว ฟังอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้น

และหากจำกันได้เมื่อครั้งเกิดเรื่องฉาว ทริปฮาวาย ที่ผลาญงบประมาณเช่าเหมาลำเครื่องบินถึงกว่า 21 ล้านบาท “ป๋าป้อม” หัวหน้าทริปนั้น ก็แก้ข้อครหาเรื่องเมนูไข่ปลาคาเวียร์ที่จัดไว้ให้บนเครื่องบินลำนั้นในทำนองว่า ส่วนตัวทานข้าว โซ้ยก๋วยเตี๋ยว เหมือนคนทั่วๆไป จึงเชื่อได้ยากว่าจะถึงขนาดทิ้งงานบินล่วงหน้าไปหาของอร่อยกินที่ลอนดอน

หรือหากเป็นจริงอย่างที่ “กุนซือไฟศาล” ว่าไว้ ก็จะยิ่งเข้าเค้า ด้วยความที่ “ทักษิณ” ถือเป็นเซียนลอนดอนตัวยง ถนัดในเรื่องลิ้มลองของอร่อย อย่าง “เป็ดโฟร์ซีซั่นส์” เจ้าดังกลางมหานครลอนดอน ที่มาโด่งดังเป็นพลุแตกในเมืองไทย ก็ผลงานพีอาร์ของ “ทักษิณ” สมัยที่เป็นผู้นำประเทศ เคยสั่งนำเข้ามาแจกให้โซ้ยกันทั้งพรรคมาแล้ว

หากจะหาไกด์พาตระเวนกินแหลกี่ลอนดอน ก็ “ทักษิณ” นี่แหละเหมาะสมที่ซู้ดด

จะเจอไม่เจอกันนั้น เป็นเรื่องที่คงรู้กันเพียงไม่กี่คน ฝ่าย “บิ๊กป้อม” หากไม่มีหลักฐานคาหนังคาเขา ก็คงยืนกระต่ายขาเดียวไปเรื่อย

ฝ่าย “นายใหญ่แม้ว” ก็รู้ดีว่า “คู่ดีล” จะต้องออกรูปนี้ ปัดป้องว่า ไม่ได้นัดพบกัน แต่เหลี่ยมคูการเมืองระดับอดีตนายกฯแล้ว คงไม่ปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือ และ “จงใจ” ประกาศว่า ตัวเองก็อยู่ในกรุงลอนดอน ช่วงเวลาเดียวกับที่ “ท่านประวิตร” อยู่นั่นแหละ

กับการที่ “ลูกเอม” พินทองทา ชินวัตร โพสต์ IG ภาพครอบครัวปักหมุดอยู่ที่กลางมหานครลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยมี “พ่อแม้ว” ร่วมเฟรมอยู่ด้วย

“แบล็กเมล์” กันเห็นๆ เพื่อให้คน “เข้าใจได้ว่า” มีการพบปะเจรจากันอย่างที่จับตามอง

เป็นสัญญาณประกาศ “DONE DEAL” ของ “ดีลชินสุวรรณ” อย่างเป็นทางการ โดยการลงสัตยาบันร่วมกันของ “พี่ใหญ่ - นายใหญ่” นั่นเอง

ฝ่ายหนึ่งปฏิเสธลิ้นพันกัน อีกฝ่ายอยากประกาศให้โลกรู้จนตัวสั่น

แม้จะเป็นการดัดหลังกันแต่ทั้งสองฝ่าย คงมองเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เนื่องจากภายใต้ “ดีลชินสุวรรณ” นั้นมีประเด็นอื่นให้ครุ่นคิดมากกว่า

หลังแยกย้าย ต่างฝ่ายต่างก็เล่นไปตามบทบาทของตัวเอง “ฝ่ายทักษิณ” ก็เหมือนรู้ตัวว่า ถลำลึกไปกับ “ดีลชินสุวรรณ” จนเสียอาการ อาจทำให้ “ลิ่วล้อ” จับได้ว่าซูเอี๋ยกับ “เผด็จการทหาร” ไปเรียบร้อยแล้ว จึงอาศัยโอกาสครบรอบ 11 ปีรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่ตัวเองเคยถูกกระชากอำนาจออกจากอ้อมอกกลางอากาศ ทวีตผ่านแอ็กเคานต์ที่นานๆ ใช้ที ว่า “ผมหวังว่าความทรงจำเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 11 ปีก่อน จะไม่จางหายไปจากหัวใจของคนไทย” ..และก็ไม่ลืมอ้อน “แฟนคลับ” เหมือนเช่นเคย “ผมเป็นห่วง และจะยังเป็นห่วงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องชาวไทยตลอดไป”

ทำทีว่ารังเกียจ “เผด็จการทหาร” เข้าไส้ ทั้งที่แท้จริงแล้ว ไม่ต่างอะไรกับ "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" มิได้รังเกียจรังงอน “ตัวการรัฐประหาร” แต่อย่างใด ทั้งคราวที่เปิดบ้านที่นครดูไบ ต้อนรับขับสู้ “พี่บัง ณ คมช.” และคณะที่มี “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ขี่เครื่องบินไปส่ง เพื่อ “ดีลสุดซอย” ตกลงร่วมดัน “กฎหมายนิรโทษฯ” จน “รัฐบาลน้องสาว” ต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน มาวันนี้ก็มี “ดีลชินสุวรรณ” อยู่กับ “พี่ป้อม” คนสำคัญของ คสช.เจ้าของผลงานรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 อีก

ขณะที่ “บิ๊กป้อม” และองคาพยพ ก็ต้องก้มหน้าก้มตาปฏิเสธต่อไป แต่พูดซ้ำมากๆ เข้า ก็มี “เบาะแส” หลุดออกมาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งการยืนยันว่า ช่วงที่ตัวเองอยู่ในประเทศอังกฤษ คือระหว่างวันที่ 11 - 14 กันยายน ส่วนฝ่าย “ทักษิณ” ไปอังกฤษเมื่อวันที่ 15 กันยายน เท่ากับยอมรับว่ารู้ความเคลื่อนไหวระหว่างกัน ทั้งที่รูปบน IG ของ “คุณแม่เอม” อาจเป็นรูปเก่าเล่าใหม่ ที่เจ้าของแอ็กเคานต์อยากจะโพสต์รีรันขึ้นมาอีกก็ได้

อีกประการสำคัญที่เป็น “เบาะแส” ที่สะท้อนว่า รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง รู้ความเคลื่อนไหวของ “ฝ่ายทักษิณ” ทั้งคนพี่ และคนน้อง “ยิ่งลักษณ์” ถึงขนาดกล้าฟันธงว่า ในวันที่ 27 กันยายน ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดอ่านคำตัดสินคดีโครงการจำนำข้าวอีกครั้งนั้น “อดีตนายกฯปู” จะไม่มาฟังคำพิพากษาอย่างแน่นอน

ขัดแย้งกับเมื่อถูกสอบถามความคืบหน้าในการติดตามตัว “ยิ่งลักษณ์” ที่รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงยังงมโข่งอยู่แค่ว่า มีเพียงภาพจากกล้องวงจรปิดสิ้นสุดที่ จ.สระแก้ว แต่ยังไม่ชัดเจนว่า “อดีตนายกฯปู” ไปโผล่ที่ประเทศใด

ปั๊ดติโธ่!! คนจะข้ามแดน โผล่ไปถึงสุดเขตประเทศไทย จ.สระแก้ว ฝั่งบูรพาทิศ จะออกไปทางประเทศไหนได้ นอกเสียจาก “ประเทศกัมพูชา” หรือถ้าจะล่วงหนไปประเทศอื่นได้ ก็คงต้องติดปีกบินข้ามแดนประเทศกัมพูชาไป

“สอบถามไปยังประเทศที่คาดว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะไป แต่ยังไม่ตอบกลับมา โดยเบื้องต้นมีเพียง 3 ประเทศ คือ พม่า กัมพูชา และสิงคโปร์ ที่ตอบกลับมาว่า ไม่พบการเดินทางของ น.ส.ยิ่งลักษณ์" คือข้อมูลอัพเดทล่าสุดจากปากของ “รองฯ ป้อม” ซึ่งแสดงว่า “หนูปู” คงมีอภินิหาร “ติดปีก” บินไปไหนต่อไหนอย่างไร้ร่องรอย หรืออาจจะมี “เครื่องบิน - ฮ.ลึกลับ” ไปดักรับตัวกันในพื้นที่ความดูแลของ “ทหารบูรพาพยัคฆ์” แบบบินขึ้นบินลงโดยที่ “เจ้าถิ่นเสือตะวันออก” ไม่รู้ตัวก็เป็นได้

ที่น่าแปลกก็คือ “ป๋าป้อม” อุตส่าห์” บินครึ่งโลกไปถึงประเทศอังกฤษ ที่เชื่อกันว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่แท้จริงของ “อดีตนายกฯปู” แต่กลับไม่มีการไถ่ถามทางการอังกฤษว่า พบเจอ “ว่าที่ผู้ต้องขังหลบหนีคดี” หรือไม่

เสมือนหนึ่งว่า “พี่ใหญ่ คสช.” ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับการติดตามตัว “จำเลยคดีสำคัญ” เฉกเช่นเดียวกับการดำเนินการ “คดีรับของโจร-ฟอกเงิน” ของ “หนุ่มโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร อันเกี่ยวเนื่องจากคดีทุจริตอนุมัติเงินกู้ของ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร ที่ควรจะเห็นหน้าเห็นหลังมีความชัดเจนนานมากแล้ว หลังเหล่าอดีตผู้บริหารระดับสูงที่เกี่ยวข้องถูกตัดสินจำคุกกันไปร่วมปีแล้ว

แต่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะเจ้าภาพหลักกลับปล่อยให้ “คดีรับของโจร” หมดอายุความไปอย่างหน้าตาเฉย เหลือเพียง “คดีฟอกเงิน” ที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้ ที่มีกระแสข่าวว่ากำลังจะเรียกตัว “คุณชายโอ๊ค” มารับทราบข้อกล่าวหา สร้างเสียงเฮสนั่นไปทั่วเมือง แต่ก็เป็น “บิ๊กดีเอสไอ” เสียอีกที่ออกมาปฏิเสธว่ายังไม่ถึงขั้นนั้น

มองอย่างไม่อคติ กรมดีเอสไอ อยู่ภายใต้การกำกับของ กระทรวงยุติธรรม ที่แม้ในการแบ่งงานจะขึ้นตรงกับ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมาย แต่คดีใดที่เกี่ยวพันกับความมั่นคงทั้งทางการเมือง หรือในด้านอื่น ย่อมหลีกไม่พ้นที่จะต้องมีการรายงานถึง “รองฯ ป้อม”

เข้าใจดีว่า “คดีโอ๊ค กรุงไทย” โผล่มาเป็นประเด็นในช่วงนี้ ก็เพียงฉุดเรตติ้งรัฐบาล เนื่องด้วยกระแสความนิยมในรัฐบาล คสช. ตลอดจนตัว “นายกฯ ตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้นตกต่ำลงอย่างหนัก แต่ด้วยความที่เป็น “เงื่อนไขหนึ่ง” ใน “ดีลชินสุวรรณ” ที่กันตัว “ลูกโอ๊ค” ไว้เป็นแค่ “ตัวประกัน” จึงไม่สามารถเดินหน้าคดีให้เห็นมรรคเห็นผลได้

เกิดไปล่อเอา “ลูกรักพ่อแม้ว” ตั้งแต่ต้น ดีลที่ “พี่ใหญ่ - นายใหญ่” อุตส่าห์ดอดไปพบกัน วางฝันไปถึงหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า ที่จะอุ้มชูหนุนส่งซึ่งกันและกัน ก็เสียไปทั้งขบวนตั้งแต่ยังไม่เริ่ม

แต่ “สัญญาใจ” ระหว่าง “บิ๊ก คสช.-นายใหญ่ระบอบแม้ว” ก็หนีไม่พ้นที่จะถูก "สังคมไทยที่ฉลาดพอ" จับได้ไล่ทันว่า มีการ “ซูเอี๋ย-เกี้ยเซียะ” กันเกิดขึ้น

สัญญาณที่ส่งออกมาจากกรุงลอนดอน ฟาดไปเต็มที่ “ดีเอสไอ” จนทำให้คำประกาศว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีความคืบหน้า “คดีโอ๊ค กรุงไทย” กลับเงียบกริ๊บ ราวกับไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อน

กลายเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของ “ดีลชินสุวรรณ” ที่ต่อแต่นี้ไปคงผงาดฟาดไปทั่วทุกหัวระแหงของประเทศไทย ด้วยการกุมอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งในการคุมกำลังทหารของ “บิ๊ก คสช.” ที่จับวางคนจของตัวเองไว้ทุกตำแหน่งยุทธศาสตร์ และในฐานการเมืองผ่าน “เครือข่ายทักษิณ” ที่พร้อมจะเป็นปีกหนึ่งใน โรดแมปยุทธศาสตร์ 20 ปีที่ “ขุนทหาร” วางไว้

สรุปความไม่ยากว่า “ดีลชินสุวรรณ” ก็แค่เรื่องผลประโยชน์ของ “ชนชั้นอำนาจ” โดยเฉพาะเท่านั้น.


กำลังโหลดความคิดเห็น