ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - อาการเสพติดของสายดูดและดื่มแบบเจอรีดเท่าไหร่ก็ยังไม่เข็ด ทำให้รัฐบาลใช้เป็นเหตุผลในการเรียกเก็บภาษีบาปเพื่อรักษาสุขภาพของประชาชนมาตลอด คราวนี้ก็เช่นกันทั้งสายดูดและดื่มคงได้ควักเพิ่มกันกระเป๋าฉีกแน่หากยังทำใจแข็งเลิกไม่ได้
ถึงเวลานี้ คงรู้กันแล้วว่า อัตราภาษีเหล้า บุหรี่ และไพ่ จะทำให้ราคาขายปลีกสุดท้ายพุ่งกระฉูดขึ้นจากเดิมไปเท่าไหร่ เพราะเมื่อวันที่ 12 ก.ย. 2560 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงว่าด้วยกำหนดอัตราภาษีสินค้าประเภทสุรา ยาสูบ และไพ่ ออกตามพ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต 2560 ฉบับใหม่ ที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 16 กันยายน 2560
นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต ระบุว่า เมื่อร่างกฎหมายผ่านครม.แล้ว จากนั้นจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา กรมฯถึงจะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราภาษีและสาระสำคัญของ พ.ร.บ.ทั้งหมดให้สังคมรับทราบกันอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ที่ยังไม่แถลงรายละเอียดหลังครม.อนุมัติขึ้นภาษีบาปดังกล่าวโดยอ้างว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกักตุนสินค้า แต่เชื่อเถอะว่าวิสัยพ่อค้า ย่อมนกรู้ตุนล่วงหน้ากันไว้ก่อนแล้ว ไม่มาทำเอาหลังครม.อนุมัติและเตรียมประกาศบังคับใช้หลังจากนั้นอีกสองสามวันอย่างแน่นอน
แม้ว่าท่านผู้นำ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะส่งเสียงปรามห้ามกักตุนเด็ดขาดก็คงไม่ได้มีมรรคมีผลอะไร “ก็ขอเตือนไว้ก่อนว่าหากใครที่คิดจะกักตุนสินค้าก็มีปัญหากับกฎหมายแน่นอน เพราะเขาห้ามกักตุนสินค้า และที่ผ่านมาหากมีการปฏิบัติอย่างจริงจังก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเราต้องช่วยกันสร้างความรับรู้ให้กับสังคม เสียสละกันบ้าง อย่าเอาแต่กำไรกันอย่างเดียว แล้วประเทศชาติเดินหน้าไม่ได้ ประชาชนเดือดร้อน แล้วกลับมาที่รัฐบาล”
อย่างที่ว่า ตัวเลขอัตราภาษีชัดๆ และรายละเอียดต่างๆ อย่างเป็นทางการจะออกมาหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา หลังมติครม.ออกมา อธิบดีกรมสรรพสามิต จึงขับกล่อมให้สิงห์อมควันและนักดื่ม รวมทั้งพ่อค้านักธุรกิจทั้งหลายเชื่อว่าการปรับปรุงโครงสร้างสรรพสามิตครั้งใหม่นี้ไม่ได้เพิ่มภาระมากขึ้นและเชื่อว่าราคาจะไม่ปรับเปลี่ยนมากนัก ส่วนจะมีใครยอมเชื่อหรือไม่ ก็รู้คำตอบกันดี และเป็นธรรมดาของการทำธุรกิจ พ่อค้าผู้ประกอบการนั้นไม่มีทางรับภาระจากภาษีที่ปรับเพิ่ม พร้อมผลักมาให้นักดูด-ดื่ม มือสุดท้ายอยู่แล้ว
สำหรับการจัดเก็บภาษีบาปใหม่ตามกรอบที่อธิบดีกรมสรรพสามิต และนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง อธิบายต่อสังคม หลังจากมติครม. ออกมา ก็คือ การดำเนินการครั้งนี้เป็นการขยายฐานภาษีให้กว้างขึ้น เป็นธรรมมากขึ้น
ในการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เมื่อก่อนคิดภาษีจากฐานราคาหน้าโรงงาน สำหรับเครื่องดื่มในประเทศ ส่วนต่างประเทศคือ ฐานภาษีสำหรับการนำเข้าสินค้า (ซีไอเอฟ) แต่วันนี้ยึดราคาขายปลีกแนะนำก่อนคิดภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อให้การคำนวณภาษีอยู่บนฐานเดียวกัน ซึ่งน่าจะเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการทุกราย โดยมีการสำรวจในเรื่องราคาต้นทุนไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ไม่สามารถสำแดงราคาต่ำเพื่อเลี่ยงการคำนวณภาษีได้
สำหรับยาสูบหรือบุหรี่ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ได้ปรับปรุงโครงสร้างภาษีใหม่ โดยใช้ราคาขายปลีกแนะนำ มาเป็นฐานในการคำนวณภาษีด้วย จากเดิมจะเลือกคิดตามปริมาณหรือมูลค่าอย่างใดอย่างหนึ่งที่มีอัตราสูงกว่า เปลี่ยนเป็นกำหนดให้คำนวณอัตราภาษีตามปริมาณและมูลค่า
โดย “ปริมาณ” หมายถึง จำนวนกรัม จำนวนมวน มีเพดานสูงสุด คือ ภาษีต่อมวนไม่เกิน 5 บาท ส่วน “มูลค่า” หมายถึง ราคาขายปลีกที่แนะนำ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับการแจ้งต้นทุนราคา โดยเพดานภาษีอยู่ที่ 90% ของราคาขายปลีกแนะนำ ที่บริษัทจะแจ้งต่อกรมสรรพสามิต ดังนั้น การเก็บภาษียาสูบจึงกำหนดให้นำทั้งปริมาณและมูลค่ามาบวกกันเป็นภาษี ในเชิงปริมาณ บุหรี่ราคาแพงกับบุหรี่ราคาถูก ขาการคิดในเชิงปริมาณเท่ากัน แต่ขามูลค่าการขายยี่ห้อไหนขายแพงก็ต้องเสียภาษีแพง
การควบคุมการบริโภคยาสูบนั้น องค์การอนามัยโลก (WHO) มีข้อแนะนำว่า ภาษีเป็นมาตรการควบคุมการบริโภคยาสูบที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งประเทศไทยมีการปรับอัตราภาษีอย่างต่อเนื่อง ถ้ามองย้อนกลับไปจาก พ.ศ.2536-2559 หนึ่งในภาษีบาปในส่วนของบุหรี่ได้มีการปรับขึ้นมาแล้วถึง 11 ครั้ง ในแต่ละครั้งเชื่อกันว่าสามารถลดนักสูบหน้าใหม่ได้อย่างน่าพอใจ
การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่เป็นการรวมกฎหมายภาษีสุรา ยาสูบ และไพ่ทั้ง 7 ฉบับเข้าด้วยกัน หลังใช้มานานหลายสิบปี เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวะปัจจุบัน และเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บในช่วง 20 ปีข้างหน้า ทำให้คาดการณ์กันว่า ราคาบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ จะขยับขึ้นตามโครงสร้างภาษีใหม่ ดังนี้
1.สินค้ายาสูบ ได้เปลี่ยนการจัดเก็บมาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ คิดตามมูลค่าและปริมาณ เพดานภาษีสูงสุดเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกิน 5 บาทต่อมวน จากเดิม 3 บาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งคาดการณ์ว่าอัตราภาษีใหม่จัดเก็บเพิ่มขึ้นมวนละ 1.50 บาท หรือเพิ่มขึ้นซองละ 30 บาท (20 มวน)
2.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กลุ่มเบียร์ เช่น เบียร์ 3.5 ดีกรี ขนาด 0.62 ลิตร ขยับจากขวดละ 41.60 บาท เป็น 78.50 บาทโดยประมาณ เบียร์ 5 ดีกรี ขนาด 0.62 ลิตร ขยับจากขวดละ 42.10 บาท เป็น 108 บาท เบียร์ 5.8 ดีกรี ขนาด 0.62 ลิตร ขยับจากขวดละ 40.70 บาทเป็น 123 บาท เบียร์ 6 ดีกรี ขนาด 0.50 ลิตร ขยับจากขวดละ 40.20 บาท เป็น 132 บาท และเบียร์ 7 ดีกรี ขยับจากขวดละ 46.50 บาท เป็น 178 บาท
ส่วนสุราทุกประเภท ได้แก่ สุราขาวชุมชน ขนาด 0.625 ลิตร ดีกรีเริ่มต้นที่ 28 ดีกรี อัตราเพดานปัจจุบันอยู่ที่ขวดละ 98 บาท ปรับเพิ่มเป็นขวดละ 199 บาท ขนาด 35 ดีกรี ปรับเพิ่มจาก 121 บาท เป็น 244 บาท ส่วนสุราขาว 40 ดีกรี แจ้งราคาขายส่ง 75 บาท จากขวดละ 137.50 บาท เป็น 277 บาท
และสุรากลั่นอื่นๆ ขนาด 0.70 ลิตร เริ่มจาก 35 ดีกรี แจ้งราคาขายส่ง 125 บาท เพดานขยับเพิ่มจากขวดละ 160 บาท เป็น 312 บาท 35 ดีกรี แจ้งราคาขายส่ง 128 บาท ขยับจากขวดละ 162 บาท เป็น 320 บาท ส่วน 40 ดีกรี 3 ชนิด ขยับจากขวดละ 216-366 บาท เป็น 357-447 บาท
ขณะที่ ไวน์มีขนาดเดียวคือ 0.75 ลิตร ระดับดีกรีตั้งแต่ 12.5-14.5 ดีกรี อัตราเพดานตํ่าสุดในปัจจุบันขวดละ 225 บาท จะขยับขึ้นเป็นขวดละ 519 บาทและสูงสุดอยู่ที่ขวดละ 1,482 บาท
กล่าวโดยสรุปการปรับโครงสร้างภาษีบาปคราวนี้ ทั้งบุหรี่ทั้งเหล้าปรับราคาขึ้นกันถ้วนหน้าแน่นอน ส่วนจะปรับมากน้อยเท่าไหร่ ยังมีภาษีอื่นๆ ที่ต้องบวกเพิ่มเข้ามาอีก เช่น บุหรี่ ต้องเสียภาษีให้กับกระทรวงมหาดไทยสำหรับภาษีราชการท้องถิ่นอีก และนี่คงเป็นโอกาสให้บุหรี่ไฟฟ้าเติบโตพุ่งกระฉูดขึ้นก็อาจเป็นได้
การรีดภาษีบาปรอบล่าสุดนี้ จะมีผลให้นักดื่มและสิงห์อมควันหน้าเก่าหน้าใหม่ยอมถอย ลด ละ เลิก และทำให้ประชาชนมีสุขภาพดีขึ้น อย่างที่ยกขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการรีดภาษีเพิ่มขึ้นหรือไม่ก็ต้องรอวัดผลกันให้ชัดๆ อีกครั้ง
แต่ที่แน่ๆ คือ มีกระแสข่าวจากแวดวงน้ำเมา เม้าท์มอยกันกระจายว่าการปรับโครงสร้างภาษีบาปของรัฐบาลบิ๊กตู่ ในคราวนี้ นอกจากจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันว่า กีดกันรายเล็กเอื้อประโยชน์ให้กับรายใหญ่แล้ว ในบรรดา “รายใหญ่” ด้วยกัน ยังมีกระแสข่าวว่า รายที่ใหญ่กว่ามีเครือข่ายมากกว่ายังจะได้ประโยชน์มากกว่ารายใหญ่อีกรายที่เป็นคู่แข่งขันตลอดกาลอีกด้วย
กระแสข่าวนี้ก็ทำให้ท่านผู้นำออกอาการหงุดหงิดเล็กน้อย พร้อมกับทำเสียงขึงขังยืนยันว่า ไม่มีผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล็อบบี้ให้กำหนดอัตราภาษีเบียร์สูงกว่าเหล้าตามที่มีข่าวลือออกไป เพราะเรื่องแบบนี้ไม่สามารถล็อบบี้ทำกันได้ “ล็อบบี้กับใคร เรื่องแบบนี้ล็อบบี้ได้เหรอ ตนถามสิที่บอกว่าล็อบบี้กับใคร ทุจริตกับใคร”
เช่นเดียวกับ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ตอบโดยยืนยันว่าไม่ได้มีอะไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และยืนยันว่าไม่ได้เป็นการกีดกันผู้ผลิตรายเล็กและส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหญ่ให้ผูกตลาดอย่างที่วิจารณ์กัน
ส่วนเมื่อยืนยันแล้วจะจบเรื่องหรือไม่ อีกไม่นานคงรู้กัน