ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เชื่อว่า หลายคนคงยังจำได้ดีกับคดีข่มขืนที่โด่งดังที่สุดในประเทศไทย นั่นก็คือ คดีที่เกิดขึ้นที่ “พรหมพิราม” ซึ่งเป็นการรุมข่มขืนกระทำชำเราหญิงสาวต่างถิ่นก่อนก่อเหตุฆาตกรรมอำพรางให้รถไฟทับร่างไร้วิญญาณ
คราวนี้ ได้เกิดเหตุในทำนองเดียวกันขึ้นอีกครั้ง เมื่อปรากฏป็นข่าวครึกโครมว่า กลุ่มชายฉกรรจ์ 40 คนร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุ 14 ปี โดยเหตุเกิดที่ “บ้านเกาะแรด” จ.พังงา
จุดเริ่มต้นของคดีฉาวเกิดขึ้นเมื่อตัวแทนมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ สาขาภูเก็ต เข้าให้ความช่วยเหลือครอบครัวเหยื่อ โดยนำตัว นางเอ (นามสมมติ) ผู้เป็นแม่และเด็กหญิงอายุ 14 ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรโคกกลอย จ.พังงา เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายเนื่องจากลูกสาวถูกชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านกว่า 40 คน ผลัดเปลี่ยนกันมาข่มขืนตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.-ต.ค.2559
ชะตากรรมของเด็กสาวถูกปิดผนึกไว้ กระทั่งแม่สังเกตเห็นว่าลูกสาวของตนมีบางอย่างผิดแปลก ซักไซ้ไล่เรียงจึงได้ความว่าถูกเดนมนุษย์นับสิบข่มเหงรังแก โดยที่เด็กหญิงผู้เสียหายไม่ปริปากเปิดเผยความจริงเพราะถูกข่มขู่ หากเรื่องดังกล่าวแพร่งพรายออกไปจะมาทำร้ายคนครอบครัวของเธอ
คำให้การของเด็กหญิงวัย 14 ปี เผยถึงความโหดเหี้ยมของกลุ่มชายโฉดร่วมล่อลวงเด็กหญิงไปรุมโทรม อาศัยจังหวะพ่อแม่ของเหยื่อไม่อยู่บ้าน ออกไปกรีดยางในช่วงเวลากลางคืน จากนั้นมอมยาแล้วเหล่าชายชั่วจะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนข่มขืนครั้งละ 6-7 คน โดยมีผู้ก่อเหตุอายุ10กว่าปี ไปจนถึงอายุ 60ปี
โดยทางทีมสหวิชาชีพได้นำตัวแม่เด็กและผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าสู่กระบวนการสอบสวนคัดแยกเหยื่อเพิ่มเติมที่สำนักงานอัยการจังหวัดพังงา เบื้องต้นสรุปการสอบคัดแยกข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำล่วงละเมิดทางเพศจากบุคคลที่กล่าวมากถึงจำนวนกว่า 40 คนจริง โดยทางเจ้าหน้าที่กำลังพิจารณาต่อไปว่าจะเข้าข่ายการค้ามนุษย์ร่วมด้วยหรือไม่
จ้าหน้าที่ตรวจสอบพื้นที่บ้านเกาะแรด หมู่ 6 ต.หล่อยูง อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พบหลักฐานอุปกรณ์เสพยาตกเกลื่อน
อย่างไรก็ตาม หลังข้อเท็จจริงเผยสู่สาธารณะ ชาวบ้านบ้านเกาะแรดจำนวนหนึ่งแสดงความไม่พอใจต่อการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน และออกมาปฏิเสธว่าเหตุดังกล่าวมิได้เกิดขึ้นตามที่ผู้เสียหายกล่าวอ้าง บ้างเกรงว่าการนำเสนอข่าวจะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ชุมชนบ้านเกาะแรด บ้างเกิดอาการเครียดเกรงโดนหางเลข นอกจากนั้นยังมีการเปิดเผยข้อมูลในทางตรงกันข้ามด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นการแบล็กเมล์หรือเรียกร้องความสนใจของสังคมหรืออาจจะเป็นการกุเรื่องขึ้นมา รวมทั้งมีประเด็นเรื่อง “พ่อเลี้ยง” ของเด็กหญิงเป็นผู้กระทำชำเราเสียเองอีกด้วย
แต่ทั้งหลายทั้งปวง ทั้งหมดยังคงอยู่ะระหว่างการสืบสวนสอบสวนเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงแห่งคดี
กระนั้นก็ดี ยังมีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจด้วยว่า มีการคุกคามข่มขู่เด็กหญิงวัย 14 ปี อย่างต่อเนื่อง แม้แม่และเด็กจะถูกนำตัวไปดูแลความปลอดภัยในเซฟเฮาส์แห่งหนึ่งใน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา แต่มีผู้ไม่ประสงค์ดีวนเวียนไปยังบริเวณบ้านขว้างปาสิ่งของขึ้นหลังคา ทั้งเสียงปริศนาปลายสายที่โทร.เข้ามาข่มขู่ด่าทอ ฯลฯ
ชานนท์ อับดุลล่าห์ ตัวแทนมูลนิธิมุสลิมเพื่อสันติ สาขาภูเก็ต หนึ่งในผู้ติดตามคดีให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียหาย
กล่าวสำหรับความคืบหน้าล่าสุดนั้น เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า คดีอยู่ระหว่างสอบสวนดำเนินคดี เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาแล้ว 3 ราย สั่งฟ้องไปยังอัยการ 3 ข้อหา คือ ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี, พาเด็กอายุไม่เกิน 15 ไปเพื่อการอนาจาร และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ไปเพื่อการอนาจาร พร้อมกับตั้งคณะพนักงานสอบสวนเฉพาะกิจเพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับเพิ่มเติม โดยจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวถ้าจะว่าไปแล้วก็มีลักษณะละม้ายคล้ายคลึงกับคดีสุดอื้อฉาว “คดีพรหมพิราม” ที่เคยเกิดขึ้นราว40 ปีก่อน เมื่อฝูงเดนมนุษย์ฉุดหญิงสาวอายุราว 20 ปีคนหนึ่งไปข่มขืนจนถึงแก่ความตาย ก่อนอำพรางคคีอย่างโหดเหี้ยม ก่อนที่ชาวบ้านพรหมพิรามกว่า 20 ชีวิตเข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ร่วมกันฉุดหญิงสาวคนหนึ่งไปข่มขืนจนถึงแก่ความตาย แล้วนำร่างไปวางให้รถไฟทับเพื่ออำพรางคดี ทว่า ตำรวจไม่กล้าจับกุมผู้ต้องหาเพราะล้วนแล้วแต่เป็นลูกหลานผู้มีอิทธิพลอย่างตำรวจและผู้ใหญ่บ้าน
จากคำบอกเล่าของพยานในเหตุการณ์ระบุว่า หญิงสาวเคราะห์ร้ายดังกล่าวถูกการ์ดรถไฟคนหนึ่งไล่ลงจากรถไฟขบวนรถเร็วที่ 37 เชียงใหม่ - กรุงเทพฯ ในช่วงเวลา 23.00 น. วันที่ 27 ก.ค. 2520 ด้วยเหตุไม่ได้ซื้อตั๋ว ซึ่งเธอแอบขึ้นรถจากสถานีบ้านดารา อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ จึงจำต้องลงจากรถไฟบริเวณสถานีพรหมพิราม
ต่อมา ชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านมาพบจึงออกอุบายลวงหญิงสาวต่างถิ่นไปร่วมงานเลี้ยงในหมู่บ้าน แต่สุดท้ายลวงไปข่มขืน มิหนำซ้ำ ยังเรียกชายกลัดมันในหมู่บ้านมาร่วมรุมโทรม ทว่า หนึ่งในเดนมนุษย์ได้บีบคอเธอจนสิ้นลม จากนั้นจึงร่วมกันอำพรางศพนำร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวเคราะห์ร้ายไปวางบนรางรถไฟให้รถไฟทับขาดเป็นท่อนๆ และจากการสืบสวนตามจับผู้ต้องหาได้ 8คน ก่อนขยายผลจับกุมชายฉกรรจ์ในหมู่บ้านแห่งนี้ทั้งหมด 30 คน
จากคดีฉาวพรหมพิรามถูกนำมาเรียบเรียงใหม่เป็นนวนิยายเรื่อง “พรหมพิลาป” จากปลายปากกาของ นที สีทันดร (สันติ เศวตวิมล) และได้สร้างเป็นภาพยนตร์โดยสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งก่อนฉายถูกชาวบ้านในพื้นที่ต่อต้านอย่างหนักเพราะชื่อภาพยนตร์เดิมที่ชื่อ “คนบาปพรหมพิราม” กระทั่งเปลี่ยนเป็น “คืนบาปพรหมพิราม”
ดูเหมือนว่า เหตุการณ์สะเทือนขวัญเมื่อ 40 ปีก่อน ชาวบ้านพรหมพิราม ร่วมกันเปิดโปงความจริงที่ซ่อนเร้นสู่การจับกุมเดนมนุษย์ ซึ่งก็คงต้องจับตาดูกันอย่างใกล้ชิดว่า เหตุสุดสลดที่เกิดขึ้นกับเด็กหญิง วัย 14 ปี ในพื้นที่ จ.พังงา ชาวบ้านเกาะแรด ที่ตบเท้าออกมายืนกรานความบริสุทธิ์ของตน ซึ่งขัดแย้งจากคำให้การจากปากของเด็กหญิงผู้ตกเป็นเหยื่อ บทสรุปแห่งคดีจะเป็นเช่นไร
อีกไม่นานความจริงเพียงหนึ่งเดียวจะปรากฎสู่สังคม เพราะคนชั่วย่อมหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม