“ศาลฎีกา” พิพากษายืนยกฟ้อง “อภิสิทธิ์ - สุเทพ” คดีสั่งสลายการชุมนุม นปช. ปี 53 “ณัฐวุฒิ” ดิ้นล่า 1 ล้านชื่อ ร้องป.ป.ช.รื้อคดีใหม่ หลังเลือกตั้ง
วานนี้ (31 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีต ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เดินทางมาเพื่อฟังคำสั่งการวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายของศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากกรณีเข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณ ถ.ราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ จากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53 จนมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้ยกฟ้องโดยไม่รับสำนวนคดีไว้พิจารณาเนื่องจากศาลเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจของศาล
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่าการกระทำของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นการกระทำในฐานะนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ผอ.ศอฉ.ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ด้วย ไม่ใช่การกระทำทางอาญาที่กระทำโดยส่วนตัวดังนั้นจึงเป็นการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้มีอำนาจไต่สวน และหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ก็ต้องยื่นฟ้องคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ใช่อำนาจศาลอาญา พิพากษายืนยกฟ้อง
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ตนเคารพคำวินิจฉัยของศาล แต่ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ทวงถามความยุติธรรมให้ประชาชนมือเปล่า ที่ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามนอนตายกลางเมืองหลวงนับ 100 ศพ ต่อไปจนถึงที่สุด โดยเมื่อศาลชี้ว่าคดีอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.นั้น แต่ ป.ป.ช.ก็ยกคำร้องคดีนี้มาก่อน ตอนนั้นพวกตนก็ไม่ได้เห็นด้วย เรื่องนี้เลยคำว่าการเมืองไปแล้ว หาก ป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรม ก็ต้องฟ้องร้องดำเนินคดี และรวบรวมรายชื่อประชาชนเสนอต่อประธานรัฐสภา
“กฎหมายบอกว่าต้อง 20,000 รายชื่อ แต่เสียงคนเสื้อแดงอาจไม่ดังพอ จึงตั้งใจว่าจะขอความกรุณาคนไทยผู้ต้องการเห็นความยุติธรรมสัก 1,000,000 คน เข้าชื่อร่วมกัน อย่างไรก็ตามขอให้ฝ่ายความมั่นคงสบายใจ เพราะการรวบรวมรายชื่อจะเกิดในเวลาที่มีสภาจากการเลือกตั้ง เราหวังว่าวันหนึ่งความยุติธรรมคงมาถึง และจะยังคงมีความหวังต่อไป แม้รู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในสถานการณ์ปัจจุบัน” นายณัฐวุฒิ
กล่าว
วานนี้ (31 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ อดีต ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เดินทางมาเพื่อฟังคำสั่งการวินิจฉัยประเด็นข้อกฎหมายของศาลฎีกา คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำหรือฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จากกรณีเข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมบริเวณ ถ.ราชดำเนิน และแยกราชประสงค์ จากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงเดือน เม.ย.-พ.ค.53 จนมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้ยกฟ้องโดยไม่รับสำนวนคดีไว้พิจารณาเนื่องจากศาลเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจของศาล
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่าการกระทำของนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพเป็นการกระทำในฐานะนายกรัฐมนตรี และรองนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง ผอ.ศอฉ.ตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ด้วย ไม่ใช่การกระทำทางอาญาที่กระทำโดยส่วนตัวดังนั้นจึงเป็นการกระทำที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งราชการ ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นผู้มีอำนาจไต่สวน และหาก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ก็ต้องยื่นฟ้องคดีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไม่ใช่อำนาจศาลอาญา พิพากษายืนยกฟ้อง
ด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวว่า ตนเคารพคำวินิจฉัยของศาล แต่ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ทวงถามความยุติธรรมให้ประชาชนมือเปล่า ที่ถูกยิงด้วยอาวุธสงครามนอนตายกลางเมืองหลวงนับ 100 ศพ ต่อไปจนถึงที่สุด โดยเมื่อศาลชี้ว่าคดีอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.นั้น แต่ ป.ป.ช.ก็ยกคำร้องคดีนี้มาก่อน ตอนนั้นพวกตนก็ไม่ได้เห็นด้วย เรื่องนี้เลยคำว่าการเมืองไปแล้ว หาก ป.ป.ช.ไม่ให้ความเป็นธรรม ก็ต้องฟ้องร้องดำเนินคดี และรวบรวมรายชื่อประชาชนเสนอต่อประธานรัฐสภา
“กฎหมายบอกว่าต้อง 20,000 รายชื่อ แต่เสียงคนเสื้อแดงอาจไม่ดังพอ จึงตั้งใจว่าจะขอความกรุณาคนไทยผู้ต้องการเห็นความยุติธรรมสัก 1,000,000 คน เข้าชื่อร่วมกัน อย่างไรก็ตามขอให้ฝ่ายความมั่นคงสบายใจ เพราะการรวบรวมรายชื่อจะเกิดในเวลาที่มีสภาจากการเลือกตั้ง เราหวังว่าวันหนึ่งความยุติธรรมคงมาถึง และจะยังคงมีความหวังต่อไป แม้รู้ดีว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในสถานการณ์ปัจจุบัน” นายณัฐวุฒิ
กล่าว