ป.ป.ช.จ่อฟันจีทูจีเก๊ ล็อต 2 อีก 8 สัญญา รวม 14 ล้านตัน และทุจริตมันจีทูจี อีก 7 สัญญา 4.7 ล้านตัน หลังตรวจสอบการทุจริตเสร็จแล้ว คาดชี้มูลได้ก่อนสิ้นปีนี้ เผยแก๊งโกงข้าวกลุ่มเดิมไม่รอด แต่จะมีอดีตบิ๊กข้าราชการพาณิชย์ ติดร่างแหอีกเพียบ ส่วนมันสำปะหลังพรรคการเมืองใหญ่อีกพรรค มีหนาว รวมถึง อดีตรมว.พาณิชย์
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบกรณีการทุจริตขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตที่ 2 จำนวน 8 สัญญา ปริมาณ 14 ล้านตัน ที่กระทรวงพาณิชย์ ได้ขายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลให้กับรัฐวิสาหกิจของจีน แต่ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลกลางของจีน ให้ทำสัญญาซื้อขายกับไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะชี้มูลความผิด กรณีการทุจริตขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี ของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงที่ผ่านมาด้วย หลังพบว่ามีการทุจริตเหมือนกับการขายข้าวจีทูจี โดยได้ทำสัญญาซื้อขายมัน จำนวน 7 สัญญา ปริมาณ 4.79 ล้านตัน โดยบริษัทจากจีนไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลกลางเช่นเดียวกัน
สำหรับการตรวจสอบการขายข้าวจีทูจี ล็อต 2 พบว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะเป็นกลุ่มบุคคลเดิม ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ตัดสินจำคุกไปแล้ว แต่น่าจะมีบุคคลอื่นเพิ่มเติมอีก เช่น อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่รับตำแหน่งต่อจาก นายมนัส สร้อยพลอย
นอกจากนี้ อาจมีอดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์รายใหม่อีกจำนวนหนึ่ง ที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบความเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน เช่น อดีต ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ข้าราชการกรมการค้าภายใน เป็นต้น โดยคนกลุ่มนี้อาจมีความผิดตาม มาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะไม่ได้ตรวจสอบความเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน อย่างแท้จริง
ส่วนกรณีทุจริตมันสำปะหลัง ในภาคการเมืองอาจจะเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองพรรคใหญ่ อีกพรรคหนึ่ง รวมถึงมี อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมืองใหญ่ ข้าราชการระดับสูง ของกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชนอีกจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การขายข้าวจีทูจี หากป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดน่าจะมีความผิดตามข้อกล่าวหาเดียวกับการชี้มูลทุจริตข้าวจีทูจีล็อตแรก คือ ผิดประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งจะเสนอความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา โดยกรณีข้าราชการ จะพิจารณาลงโทษทางวินัย และจะเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการพิจาณาความรับผิดทางแพ่ง เพื่อพิจารณาเรียกค่าเสียหายต่อไป
สำหรับการขายข้าวจีทูจีล็อต 2 ที่ได้มีการตรวจสอบพบ ว่าไม่มีจริง เช่น การขายให้กับบริษัท ไฮกู เหลียงเหมา ซีเรียล แอนด์ ออยล์ เทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ3 ล้านตัน, บริษัท ไฮกู เหลียงหยุ่นไหล่ ซีเรียล แอนด์ ออยล์ เทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ 2 ล้านตัน , บริษัท ไฮหนาน โพรวินซ์ แลนด์ รีเคลเมชั่น อินดัสเทรียล ดิเวล็อปเม้นท์ ปริมาณ 4 ล้านตัน และ บริษัท ไห่หนาน แลนด์ รีเคลเมชั่น คอมเมอร์ส แอนด์ เทรด กรุ๊ป จำกัด ปริมาณ 5 ล้านตัน
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า ขณะนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ตรวจสอบกรณีการทุจริตขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตที่ 2 จำนวน 8 สัญญา ปริมาณ 14 ล้านตัน ที่กระทรวงพาณิชย์ ได้ขายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลให้กับรัฐวิสาหกิจของจีน แต่ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลกลางของจีน ให้ทำสัญญาซื้อขายกับไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าป.ป.ช.จะชี้มูลความผิดบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้ภายในปีนี้
ทั้งนี้ มีแนวโน้มที่จะชี้มูลความผิด กรณีการทุจริตขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี ของกระทรวงพาณิชย์ ในช่วงที่ผ่านมาด้วย หลังพบว่ามีการทุจริตเหมือนกับการขายข้าวจีทูจี โดยได้ทำสัญญาซื้อขายมัน จำนวน 7 สัญญา ปริมาณ 4.79 ล้านตัน โดยบริษัทจากจีนไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลกลางเช่นเดียวกัน
สำหรับการตรวจสอบการขายข้าวจีทูจี ล็อต 2 พบว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะเป็นกลุ่มบุคคลเดิม ที่ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ตัดสินจำคุกไปแล้ว แต่น่าจะมีบุคคลอื่นเพิ่มเติมอีก เช่น อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่รับตำแหน่งต่อจาก นายมนัส สร้อยพลอย
นอกจากนี้ อาจมีอดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์รายใหม่อีกจำนวนหนึ่ง ที่เป็นคณะกรรมการตรวจสอบความเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน เช่น อดีต ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ข้าราชการกรมการค้าภายใน เป็นต้น โดยคนกลุ่มนี้อาจมีความผิดตาม มาตรา 157 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้น หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพราะไม่ได้ตรวจสอบความเป็นรัฐวิสาหกิจของจีน อย่างแท้จริง
ส่วนกรณีทุจริตมันสำปะหลัง ในภาคการเมืองอาจจะเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองพรรคใหญ่ อีกพรรคหนึ่ง รวมถึงมี อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ไม่ได้มาจากพรรคการเมืองใหญ่ ข้าราชการระดับสูง ของกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชนอีกจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม การขายข้าวจีทูจี หากป.ป.ช. ชี้มูลความผิดแล้ว บุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดน่าจะมีความผิดตามข้อกล่าวหาเดียวกับการชี้มูลทุจริตข้าวจีทูจีล็อตแรก คือ ผิดประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งจะเสนอความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา โดยกรณีข้าราชการ จะพิจารณาลงโทษทางวินัย และจะเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการพิจาณาความรับผิดทางแพ่ง เพื่อพิจารณาเรียกค่าเสียหายต่อไป
สำหรับการขายข้าวจีทูจีล็อต 2 ที่ได้มีการตรวจสอบพบ ว่าไม่มีจริง เช่น การขายให้กับบริษัท ไฮกู เหลียงเหมา ซีเรียล แอนด์ ออยล์ เทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ3 ล้านตัน, บริษัท ไฮกู เหลียงหยุ่นไหล่ ซีเรียล แอนด์ ออยล์ เทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ 2 ล้านตัน , บริษัท ไฮหนาน โพรวินซ์ แลนด์ รีเคลเมชั่น อินดัสเทรียล ดิเวล็อปเม้นท์ ปริมาณ 4 ล้านตัน และ บริษัท ไห่หนาน แลนด์ รีเคลเมชั่น คอมเมอร์ส แอนด์ เทรด กรุ๊ป จำกัด ปริมาณ 5 ล้านตัน