ข่าวปนคน คนปนข่าว
** ต่อมสำนึกเพิ่งทำงาน“ลูกพ่อติ๊ก”ลาออกจากทหาร ทนอึดอัดอยู่ปีกว่า บทสรุประบบอุปถัมภ์ แบบ“พ่อแม่รังแกฉัน”
พ่อแม่รังแกฉัน!! .. ที่สุด “หนุ่มป้อง”ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา บุตรชายคนเล็กของ “บิ๊กติ๊ก”พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม กับ “แม่ผ่อง”ผ่องพรรณ จันทร์โอชา ก็ตัดสินใจลาออกจากราชการทหารเป็นที่เรียบร้อย .. หลังเข้ากรมกองได้เพียงปีเศษ จากการใช้วุฒิปริญญาตรี สาขาสื่อสารมวลชน ภาควิชานิเทศศาสตร์ ม.นเรศวร บรรจุเข้ารับราชการทหารสัญญาบัตร ยศร้อยตรี (ร.ต.) เมื่อเดือน เม.ย.59 ในตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน ของกองทัพภาค 3 จ.พิษณุโลก ..
หากจำกันได้ตอนนั้น ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องความเหมาะสม หลังมีการเผยแพร่เอกสารบรรจุรับราชการของกระทรวงกลาโหม ในโลกโซเชียล ที่มีลายเซ็นต์“พ่อติ๊ก”ปลัดฯกลาโหมในตอนนั้น ลงนามรับบรรจุด้วยตัวเอง .. จนเป็นที่มาของคำแก้ต่าง“ใครๆ ก็ทำกัน”ที่ตราตรึงจิตใจคนไทยเป็นอย่างมาก .. ส่วนสาเหตุที่ลูกชายลาออกนั้น ทาง“พ่อติ๊ก”ก็พูดเพียงว่า “..เพื่อความสบายใจของเขาเอง”..เห็นว่าตอนนี้ก็บินไปเรียนต่อ-ดูบอล ที่ประเทศอังกฤษแล้ว
ย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น ก็มีข้อมูลออกมาในทำนองว่าตัว“หนุ่มป้อง”เองก็ไม่ได้อยากได้ใคร่ดีกับการรับราชการทหารเท่าไร มีการไปบ่นพึมพำในสังคมออนไลน์กับเพื่อน ประมาณว่าถึงเข้ารับราชการทหาร ก็ไปไม่ได้ไกล ด้วยความที่ไม่ได้เป็น“สายตรง”ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อย ปลายทางก็แค่“นายพัน”ที่ต้องไปเป็นลูกน้อง“นายร้อย”อีก แบบนี้“ไม่ไหวเด้อ”เป็นคำที่ “หนุ่มป้อง”บอกกับเพื่อนไว้ .. จนเจ้าตัวถึงกับขึ้นสเตตัสว่า “สรุปจะให้...เป็นทหารจริงๆใช่ไม๊” ..แต่ก็สุดจะต้านทานความปรารถนาของ“พ่อติ๊ก–แม่ผ่อง”ที่หวังอยากให้ลูกชายคนเล็กใส่เครื่องแบบติดยศ ในทำนอง“เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด” ..กระแสที่เกิดขึ้นกระทบชีวิตส่วนตัวที่อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์อย่างหนัก อย่างเฟซบุ๊ก ก็ไม่สามารถเล่นได้ไประยะหนึ่ง อีกทั้งมีโลโก้“ลูกพ่อติ๊ก – หลานลุงตู่”ปะหน้าผาก จะขยับหยิบจับอะไรก็ไม่สะดวก .. ทนอึดอัดไม่ไหว ก็ลาออกซะเลย แบบไม่เกรงใจ“พ่อติ๊ก”ที่อุตส่าห์ยอมโดนคนทั้งประเทศด่า .. ชีวิตดีดี๊ จะเข้า จะออก ก็ง่ายดายตามอำเภอใจ ในอารมณ์ที่ลูกชาวบ้านที่สอบแข่งขันกันแทบตาย ได้แต่มองตาปริบๆ .. เหลือติดตัวไปเฉพาะยศ“ร้อยตรี”กับนิคเนม“หมวดป้อง”ที่ติดตัวไปแล้ว รวมทั้งบรรดาศักดิ์“ลูกพ่อติ๊ก–หลานลุงตู่”ที่คงไม่สามารถสลัดหลุดตลอดชีวิต .. เป็นอีกหนึ่งบทเรียนของ“ระบบอุปถัมภ์”ในวงราชการ ที่กว่า“ต่อมสำนึก”จะทำงาน ก็กินเวลาเป็นปี เสียทั้งทรัพยากรแผ่นดิน เสียทั้งโอกาสคนอื่น ทั้งๆ ที่ควรหยุดตั้งแต่ต้น .. จะไปโทษเด็กอย่างเดียวก็คงไม่ถูก ควรตำหนิพ่อ แม่ ที่พยายามใช้“อภินิหาร”จัดแจง-ยัดเยียดให้ลูกมากกว่า
** ใช้“อีอีซี”บังหน้า โครงการหาน้ำ-ไฟ ป้อนระเบียงเศรษฐกิจส่งกลิ่น พบพิรุธหาเรื่องก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า มูลค่านับแสนล้าน
ดูเหมือนช่วงนี้ “ทีมเศรษฐกิจ”ของรัฐบาล คสช. กำลังเมามันกับการขับเคลื่อน มหาเมกะโปรเจกต์ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ“อีอีซี”..โดยเฉพาะคีย์แมนอย่าง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ที่กำลังเข้าฟอร์ม ไล่จีบนักลงทุนต่างชาติ เพื่อปั้นฝันโครงการทั้งระบบ ที่จะเริ่มคิกออฟได้ช่วงต้นปี 2561 กับมูลค่าลงทุน 7.1 แสนล้าน ภายใน 5 ปี .. แต่ในขณะที่ปีกหนึ่งกำลังไปได้สวย อีกปีกหนึ่ง กลับเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้น ในส่วนของการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน น้ำ ไฟ ต่างๆ .. โดยมีข่าวว่า มีการไปเจรจาเพื่อซื้อไฟฟ้าจาก โรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัม โรงไฟฟ้าขนาด 24 MW ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา กันไว้ .. โดยกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ดำเนินการเจรจาตกลงในรายละเอียด .. ก่อนที่จะเคาะว่า จะขายไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทย ในราคาหน่วยละ 10.75 บาท โดยมีข้อแถม เป็นน้ำที่จะผันมาให้ 300 ล้านลบ.ม. ..
ที่น่าติดใจก็คือ เรื่องราคาไฟฟ้าต่อหน่วย ที่แพงหูฉี่ เพราะราคาไฟฟ้าพลังน้ำในไทย ขายกันอยู่แค่หน่วยละ 1.60 บาทเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้นยังมีข้อมูลอีกว่า หากมีการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัม จริง ต้องมีการลงทุนสายส่งไฟฟ้าแรงสูงอีกนับแสนล้านบาท ในขณะที่ระบบท่อส่งน้ำ ก็ตกอยู่หลักหลายหมื่นล้านบาท ..ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวว่า กระทรวงพลังงานกำลังเร่งรัดเจรจาซื้อไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง บนเกาะกงของกัมพูชา ที่กำลังก่อสร้าง โดยบริษัทลูกของกฟผ. ซึ่งก็ยังไม่สรุปว่าจะรับซื้อกันในราคาเท่าไร แต่หากมีการรับซื้อไฟฟ้าจากเกาะกงจริง ก็ต้องมีค่าก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงหลายร้อยกิโลเมตร ข้ามจากเกาะกง มาเชื่อมต่อกับสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. ที่ฝั่งไทย ดีดลูกคิดดูแล้ว ก็มีค่าก่อสร้างอีกไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท .. ในวงการจึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุไฉนจึงมีความพยายามให้เกิดการลงทุนเป็นแสนๆ ล้าน ทั้งที่ “น้ำ-ไฟ”ที่จะป้อนอีอีซีนั้น ก็สามารถไปเจรจาขอซื้อกับประเทศลาว ที่ซื้อขายกับไทยมาตลอด มีโครงข่ายการส่งไฟฟ้าอยู่แล้ว .. เรื่องนี้ไม่ต้องถามหลายฝ่ายให้วุ่นวาย เพราะเคราะห์ดี ที่ อารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม เป็นทั้งปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในคนๆ เดียวกัน น่าจะตอบเรื่องนี้ได้ดี
** คะแนนนิยมรัฐบาล คสช.ดิ่งเหวยกแผง เรตติ้ง“ลุงตู่”ก็ฉุดไม่อยู่ อยู่ 3 ปียังเสื่อมขนาดนี้ แล้วอยู่กันไปทั้งชาติ จะเสื่อมขนาดไหน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลสำรวจความคิดเห็นออกมา 2 สำนักในหัวข้อคล้ายกัน .. “นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจเรื่อง “3ปี ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ส่วน “กรุงเทพโพลล์”ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจเรื่อง“ประเมินผลงาน 3 ปี รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”..เริ่มที่ “นิด้าโพล”ที่ยังมีกลุ่มตัวอย่าง 30.16% ระบุว่า “นายกฯลุงตู่”ทำงานได้ดีมาก 48.72% ระบุว่า ทำงานค่อนข้างดี มีที่ว่าทำงานไม่ดี เพียงเล็กน้อย .. แต่ !! เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 60 พบว่า เมื่อรวมสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า ทำงานได้ค่อนข้างดี และดีมาก พบว่ามีสัดส่วนลดลง ในทางกลับกันที่ระบุว่า ทำได้ไม่ค่อยดี จนถึงระดับไม่ดีเลย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น .. เช่นเดียวกับหัวข้อประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ ที่แม้จะยังอยู่ในระดับ ดี 73% แต่ ก็ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อน ในทำนองเดียวกับการทำงาน มีความโปร่งใส ก็ลดลงจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ..
มาที่ “กรุงเทพโพลล์”กันบ้าง คะแนนความพึงพอใจ ที่มีต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาได้คะแนนเฉลี่ย 5.27 จากคะแนนเต็ม 10 ลดลงจาก 6 เดือนที่แล้ว 0.56 .. ส่วนด้านอื่นๆ ความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย ด้านสังคม และคุณภาพชีวิต การต่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจ ลดลงทั้งหมด แบบสอบตกรวด .. ส่วนเรตติ้งส่วนตัว “ท่านผู้นำวันแมนโชว์”นั้น “กรุงเทพโพลล์”บอกว่า ได้คะแนนเฉลี่ย 7 คะแนน ลดลงจาก 6 เดือนที่แล้ว 0.40 คะแนน .. สรุป ภาพรวมคะแนนนิยมรัฐบาลคสช. รวมทั้ง เรตติ้งส่วนตัว “นายกฯลุงตู่”สาละวันเตี้ยลงๆ ไปเรื่อยๆ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปกันใหญ่ .. 3 ปียังเสื่อมขนาดนี้ แล้วอยู่อีก 20 ปี จะไหวหรือนาย ??
ช.ชฎา
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา
ร.ต.ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา
อารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
** ต่อมสำนึกเพิ่งทำงาน“ลูกพ่อติ๊ก”ลาออกจากทหาร ทนอึดอัดอยู่ปีกว่า บทสรุประบบอุปถัมภ์ แบบ“พ่อแม่รังแกฉัน”
พ่อแม่รังแกฉัน!! .. ที่สุด “หนุ่มป้อง”ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา บุตรชายคนเล็กของ “บิ๊กติ๊ก”พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม กับ “แม่ผ่อง”ผ่องพรรณ จันทร์โอชา ก็ตัดสินใจลาออกจากราชการทหารเป็นที่เรียบร้อย .. หลังเข้ากรมกองได้เพียงปีเศษ จากการใช้วุฒิปริญญาตรี สาขาสื่อสารมวลชน ภาควิชานิเทศศาสตร์ ม.นเรศวร บรรจุเข้ารับราชการทหารสัญญาบัตร ยศร้อยตรี (ร.ต.) เมื่อเดือน เม.ย.59 ในตำแหน่งนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน ของกองทัพภาค 3 จ.พิษณุโลก ..
หากจำกันได้ตอนนั้น ถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเรื่องความเหมาะสม หลังมีการเผยแพร่เอกสารบรรจุรับราชการของกระทรวงกลาโหม ในโลกโซเชียล ที่มีลายเซ็นต์“พ่อติ๊ก”ปลัดฯกลาโหมในตอนนั้น ลงนามรับบรรจุด้วยตัวเอง .. จนเป็นที่มาของคำแก้ต่าง“ใครๆ ก็ทำกัน”ที่ตราตรึงจิตใจคนไทยเป็นอย่างมาก .. ส่วนสาเหตุที่ลูกชายลาออกนั้น ทาง“พ่อติ๊ก”ก็พูดเพียงว่า “..เพื่อความสบายใจของเขาเอง”..เห็นว่าตอนนี้ก็บินไปเรียนต่อ-ดูบอล ที่ประเทศอังกฤษแล้ว
ย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น ก็มีข้อมูลออกมาในทำนองว่าตัว“หนุ่มป้อง”เองก็ไม่ได้อยากได้ใคร่ดีกับการรับราชการทหารเท่าไร มีการไปบ่นพึมพำในสังคมออนไลน์กับเพื่อน ประมาณว่าถึงเข้ารับราชการทหาร ก็ไปไม่ได้ไกล ด้วยความที่ไม่ได้เป็น“สายตรง”ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อย ปลายทางก็แค่“นายพัน”ที่ต้องไปเป็นลูกน้อง“นายร้อย”อีก แบบนี้“ไม่ไหวเด้อ”เป็นคำที่ “หนุ่มป้อง”บอกกับเพื่อนไว้ .. จนเจ้าตัวถึงกับขึ้นสเตตัสว่า “สรุปจะให้...เป็นทหารจริงๆใช่ไม๊” ..แต่ก็สุดจะต้านทานความปรารถนาของ“พ่อติ๊ก–แม่ผ่อง”ที่หวังอยากให้ลูกชายคนเล็กใส่เครื่องแบบติดยศ ในทำนอง“เป็นทหารได้อะไรมากกว่าที่คิด” ..กระแสที่เกิดขึ้นกระทบชีวิตส่วนตัวที่อยู่ในวัยหนุ่มฉกรรจ์อย่างหนัก อย่างเฟซบุ๊ก ก็ไม่สามารถเล่นได้ไประยะหนึ่ง อีกทั้งมีโลโก้“ลูกพ่อติ๊ก – หลานลุงตู่”ปะหน้าผาก จะขยับหยิบจับอะไรก็ไม่สะดวก .. ทนอึดอัดไม่ไหว ก็ลาออกซะเลย แบบไม่เกรงใจ“พ่อติ๊ก”ที่อุตส่าห์ยอมโดนคนทั้งประเทศด่า .. ชีวิตดีดี๊ จะเข้า จะออก ก็ง่ายดายตามอำเภอใจ ในอารมณ์ที่ลูกชาวบ้านที่สอบแข่งขันกันแทบตาย ได้แต่มองตาปริบๆ .. เหลือติดตัวไปเฉพาะยศ“ร้อยตรี”กับนิคเนม“หมวดป้อง”ที่ติดตัวไปแล้ว รวมทั้งบรรดาศักดิ์“ลูกพ่อติ๊ก–หลานลุงตู่”ที่คงไม่สามารถสลัดหลุดตลอดชีวิต .. เป็นอีกหนึ่งบทเรียนของ“ระบบอุปถัมภ์”ในวงราชการ ที่กว่า“ต่อมสำนึก”จะทำงาน ก็กินเวลาเป็นปี เสียทั้งทรัพยากรแผ่นดิน เสียทั้งโอกาสคนอื่น ทั้งๆ ที่ควรหยุดตั้งแต่ต้น .. จะไปโทษเด็กอย่างเดียวก็คงไม่ถูก ควรตำหนิพ่อ แม่ ที่พยายามใช้“อภินิหาร”จัดแจง-ยัดเยียดให้ลูกมากกว่า
** ใช้“อีอีซี”บังหน้า โครงการหาน้ำ-ไฟ ป้อนระเบียงเศรษฐกิจส่งกลิ่น พบพิรุธหาเรื่องก่อสร้างสายส่งไฟฟ้า มูลค่านับแสนล้าน
ดูเหมือนช่วงนี้ “ทีมเศรษฐกิจ”ของรัฐบาล คสช. กำลังเมามันกับการขับเคลื่อน มหาเมกะโปรเจกต์ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ“อีอีซี”..โดยเฉพาะคีย์แมนอย่าง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และ อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม ที่กำลังเข้าฟอร์ม ไล่จีบนักลงทุนต่างชาติ เพื่อปั้นฝันโครงการทั้งระบบ ที่จะเริ่มคิกออฟได้ช่วงต้นปี 2561 กับมูลค่าลงทุน 7.1 แสนล้าน ภายใน 5 ปี .. แต่ในขณะที่ปีกหนึ่งกำลังไปได้สวย อีกปีกหนึ่ง กลับเกิดเรื่องไม่ชอบมาพากลขึ้น ในส่วนของการเตรียมความพร้อมด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน น้ำ ไฟ ต่างๆ .. โดยมีข่าวว่า มีการไปเจรจาเพื่อซื้อไฟฟ้าจาก โรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัม โรงไฟฟ้าขนาด 24 MW ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา กันไว้ .. โดยกระทรวงพลังงาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นผู้ดำเนินการเจรจาตกลงในรายละเอียด .. ก่อนที่จะเคาะว่า จะขายไฟฟ้าให้แก่ประเทศไทย ในราคาหน่วยละ 10.75 บาท โดยมีข้อแถม เป็นน้ำที่จะผันมาให้ 300 ล้านลบ.ม. ..
ที่น่าติดใจก็คือ เรื่องราคาไฟฟ้าต่อหน่วย ที่แพงหูฉี่ เพราะราคาไฟฟ้าพลังน้ำในไทย ขายกันอยู่แค่หน่วยละ 1.60 บาทเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้นยังมีข้อมูลอีกว่า หากมีการซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำสตึงมนัม จริง ต้องมีการลงทุนสายส่งไฟฟ้าแรงสูงอีกนับแสนล้านบาท ในขณะที่ระบบท่อส่งน้ำ ก็ตกอยู่หลักหลายหมื่นล้านบาท ..ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีข่าวว่า กระทรวงพลังงานกำลังเร่งรัดเจรจาซื้อไฟฟ้า จากโรงไฟฟ้าถ่านหิน 2 แห่ง บนเกาะกงของกัมพูชา ที่กำลังก่อสร้าง โดยบริษัทลูกของกฟผ. ซึ่งก็ยังไม่สรุปว่าจะรับซื้อกันในราคาเท่าไร แต่หากมีการรับซื้อไฟฟ้าจากเกาะกงจริง ก็ต้องมีค่าก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าแรงสูงหลายร้อยกิโลเมตร ข้ามจากเกาะกง มาเชื่อมต่อกับสายส่งไฟฟ้าแรงสูงของ กฟผ. ที่ฝั่งไทย ดีดลูกคิดดูแล้ว ก็มีค่าก่อสร้างอีกไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท .. ในวงการจึงตั้งข้อสังเกตว่า เหตุไฉนจึงมีความพยายามให้เกิดการลงทุนเป็นแสนๆ ล้าน ทั้งที่ “น้ำ-ไฟ”ที่จะป้อนอีอีซีนั้น ก็สามารถไปเจรจาขอซื้อกับประเทศลาว ที่ซื้อขายกับไทยมาตลอด มีโครงข่ายการส่งไฟฟ้าอยู่แล้ว .. เรื่องนี้ไม่ต้องถามหลายฝ่ายให้วุ่นวาย เพราะเคราะห์ดี ที่ อารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม เป็นทั้งปลัดกระทรวงพลังงาน และประธานคณะกรรมการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ในคนๆ เดียวกัน น่าจะตอบเรื่องนี้ได้ดี
** คะแนนนิยมรัฐบาล คสช.ดิ่งเหวยกแผง เรตติ้ง“ลุงตู่”ก็ฉุดไม่อยู่ อยู่ 3 ปียังเสื่อมขนาดนี้ แล้วอยู่กันไปทั้งชาติ จะเสื่อมขนาดไหน
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผลสำรวจความคิดเห็นออกมา 2 สำนักในหัวข้อคล้ายกัน .. “นิด้าโพล”สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจเรื่อง “3ปี ของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ส่วน “กรุงเทพโพลล์”ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจเรื่อง“ประเมินผลงาน 3 ปี รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”..เริ่มที่ “นิด้าโพล”ที่ยังมีกลุ่มตัวอย่าง 30.16% ระบุว่า “นายกฯลุงตู่”ทำงานได้ดีมาก 48.72% ระบุว่า ทำงานค่อนข้างดี มีที่ว่าทำงานไม่ดี เพียงเล็กน้อย .. แต่ !! เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในเดือนกุมภาพันธ์ 60 พบว่า เมื่อรวมสัดส่วนของผู้ที่ระบุว่า ทำงานได้ค่อนข้างดี และดีมาก พบว่ามีสัดส่วนลดลง ในทางกลับกันที่ระบุว่า ทำได้ไม่ค่อยดี จนถึงระดับไม่ดีเลย มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น .. เช่นเดียวกับหัวข้อประสิทธิภาพในการทำงานแก้ไขปัญหาของประเทศ ที่แม้จะยังอยู่ในระดับ ดี 73% แต่ ก็ลดลงจากการสำรวจครั้งก่อน ในทำนองเดียวกับการทำงาน มีความโปร่งใส ก็ลดลงจากเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ..
มาที่ “กรุงเทพโพลล์”กันบ้าง คะแนนความพึงพอใจ ที่มีต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลในช่วง 3 ปี ที่ผ่านมาได้คะแนนเฉลี่ย 5.27 จากคะแนนเต็ม 10 ลดลงจาก 6 เดือนที่แล้ว 0.56 .. ส่วนด้านอื่นๆ ความมั่นคง การบังคับใช้กฎหมาย ด้านสังคม และคุณภาพชีวิต การต่างประเทศ ด้านเศรษฐกิจ ลดลงทั้งหมด แบบสอบตกรวด .. ส่วนเรตติ้งส่วนตัว “ท่านผู้นำวันแมนโชว์”นั้น “กรุงเทพโพลล์”บอกว่า ได้คะแนนเฉลี่ย 7 คะแนน ลดลงจาก 6 เดือนที่แล้ว 0.40 คะแนน .. สรุป ภาพรวมคะแนนนิยมรัฐบาลคสช. รวมทั้ง เรตติ้งส่วนตัว “นายกฯลุงตู่”สาละวันเตี้ยลงๆ ไปเรื่อยๆ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งจะต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปกันใหญ่ .. 3 ปียังเสื่อมขนาดนี้ แล้วอยู่อีก 20 ปี จะไหวหรือนาย ??
ช.ชฎา
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา
ร.ต.ปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา
อารีพงศ์ ภู่ชะอุ่ม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา