"วัชระ" เตรียมยื่นเรื่องให้นายกฯ สอบรมต.ใช้เฮลิคอปเตอร์ทหาร บินตรวจโรงสีข้าว ที่จ.กำแพงเพชร สงสัยมีโรงสีผลิตข้าวคน มั่วประมูลข้าวคนบริโภคไม่ได้ พร้อมจับตา ตั้ง"อินทิรา"คนสนิท"ยิ่งลักษณ์" นั่งผอ.อคส. คุมโกดังข้าว ทั้งที่เคยยื่นคัดค้านก่อนหน้านี้
วานนี้ (6ส.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จะไปยื่นเรื่องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีที่มีรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาล ใช้เฮลิคอปเตอร์แบบ MI-17ของกองทัพบก บินจากกรุงเทพฯไปยังโรงเรียนเกาะตาล อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เพื่อไปตรวจสอบโรงสีข้าวของบริษัทโรงสีสนั่นเมือง จำกัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัท กำแพงเพชร เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้าร่วมประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล เข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีอำนาจไม่ได้ออกมาชี้แจงว่าไปตรวจสอบโรงสีใด ด้วยวัตถุประสงค์ใด และทำไมต้องแจ้งเป็นภารกิจลับ ทั้งๆ ที่ประชาชนต้องการทราบ เพราะเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการระบายข้าวที่ในขณะนี้
มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีโรงสีบางแห่ง ซึ่งผลิตข้าวสำหรับคนเท่านั้นไปประมูลข้าวที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ทำให้เป็นจุดที่น่าสงสัย ประกอบกับมีคำสั่งศาลปกครองกลางให้ระงับการประกวดราคา และการทำสัญญากับผู้ชนะการประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่คนบริโภค ซึ่งมีการเปิดประมูลไป เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด ได้ยื่นฟ้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการอนุมัติ และถูกตัดสิทธิ์การเข้าร่วมประมูล สะท้อนให้เห็นว่า การประมูลข้าวในส่วนนี้ มีความไม่โปร่งใส ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ
นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณี บอร์ดองค์การคลังสินค้า (อคส.) ตั้ง นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ ว่า เป็นเรื่องที่ต้องจับตาว่า เหตุใดรัฐบาลจึงสนับสนุนให้มีการตั้ง นางอินทิรา เป็นผู้อำนวยการ อคส. ซึ่งมีหน้าที่สำคัญเกี่ยวเนื่องกับการระบายข้าว ทั้งๆ ที่เป็นคนสนิท ที่เดินตามหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีปัญหากรณี ธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ เสียค่าโง่ จากการกู้ยืม ระหว่างธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ กับธนาคารแสตนดาร์ด ชาร์เตอร์ จำนวน 6,000 ล้านบาท ทำให้ธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ เสียหาย โดยนางอินทิรา เป็นกรรมการฯที่เกี่ยวพันในกรณีดังกล่าว
"ผมสงสัยว่า ไม่มีบุคคลที่มีความเหมาะสมแล้วหรือ เหตุใดต้องเอาคนสนิทของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มานั่งในตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดูแลโกดังข้าวในโครงการจำนำข้าว ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลไม่มีคนที่มีความสามารถและเป็นกลางมากกว่านี้แล้วหรือ" นายวัชระ กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา นายวัชระ ได้ไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. คัดค้านการแต่งตั้งนางอินทิรา ดำรงตำแหน่ง ผอ.องค์การคลังสินค้า เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับจำเลยในคดีจำนำข้าว โดยให้เหตุผล 6 ข้อ คือ 1. นางอินทิรา มีความใกล้ชิดกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีจำนำข้าวมาเป็นเวลานาน 2. หากนางอินทิรา เข้าไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. อาจจะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง หรือสร้างข้อเท็จจริงใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนำข้าว เพื่อช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในชั้นอุทธรณ์ได้ 3. นางอินทิรา มีความใกล้ชิดกับ นางสาลินี วังตาล อดีตประธานกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการ อคส. และนางสาลินี ก็มีความใกล้ชิดกับ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนางอินทิรา เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ช่วยเหลือ นางสาลินี ในการขายหนี้ NPL ของเอสเอ็มอีแบงก์ ที่มีความผิดปกติตามที่เคยปรากฏเป็นข่าว
4 .นางอินทิรา ให้ความช่วยเหลือ นายพายัพ ชินวัตร ซึ่งเป็นลูกหนี้ NPLของเอสเอ็มอีแบงก์ วงเงิน 90 ล้านบาท ที่ได้ลักลอบรื้อถอนโรงงาน และเครื่องจักร ที่เป็นหลักประกันเงินกู้มูลค่านับร้อยล้านบาทหลบหนีไป
5. นางอินทิราไม่มีพื้นฐานความรู้ และไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆ เกี่ยวกับงานขององค์การคลังสินค้า การแต่งตั้งบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับเครือข่ายของระบอบทักษิณเข้าไปรับตำแหน่ง ย่อมสร้างความไม่ไว้วางใจให้กับสังคมเป็นอย่างยิ่ง และ 6. นางอินทิรา ยังมีความเกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเอสเอ็มอีแบงก์ ในคดีบัตรเงินฝาก ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ชำระค่าปรับให้กับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เป็นจำนวนเงินถึง 6 พันล้านบาท โดยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการการเงินของ เอสเอ็มอีแบงก์ จึงเป็นบุคคลที่เคยมีส่วนร่วมเกี่ยวข้อง ในการสร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานของรัฐ
วานนี้ (6ส.ค.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า จะไปยื่นเรื่องต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ในสัปดาห์นี้ เพื่อให้ตรวจสอบกรณีที่มีรัฐมนตรีคนหนึ่งในรัฐบาล ใช้เฮลิคอปเตอร์แบบ MI-17ของกองทัพบก บินจากกรุงเทพฯไปยังโรงเรียนเกาะตาล อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เพื่อไปตรวจสอบโรงสีข้าวของบริษัทโรงสีสนั่นเมือง จำกัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของ บริษัท กำแพงเพชร เอ็กซ์ปอร์ต จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เข้าร่วมประมูลข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาล เข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่การบริโภคของคน ครั้งที่ 1/2560 หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้มีอำนาจไม่ได้ออกมาชี้แจงว่าไปตรวจสอบโรงสีใด ด้วยวัตถุประสงค์ใด และทำไมต้องแจ้งเป็นภารกิจลับ ทั้งๆ ที่ประชาชนต้องการทราบ เพราะเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการระบายข้าวที่ในขณะนี้
มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีโรงสีบางแห่ง ซึ่งผลิตข้าวสำหรับคนเท่านั้นไปประมูลข้าวที่ไม่ใช่การบริโภคของคน ทำให้เป็นจุดที่น่าสงสัย ประกอบกับมีคำสั่งศาลปกครองกลางให้ระงับการประกวดราคา และการทำสัญญากับผู้ชนะการประมูลข้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมที่มิใช่คนบริโภค ซึ่งมีการเปิดประมูลไป เมื่อวันที่ 15 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัท ที พี เค เอทานอล จำกัด ได้ยื่นฟ้องว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมในการอนุมัติ และถูกตัดสิทธิ์การเข้าร่วมประมูล สะท้อนให้เห็นว่า การประมูลข้าวในส่วนนี้ มีความไม่โปร่งใส ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งดำเนินการตรวจสอบ
นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณี บอร์ดองค์การคลังสินค้า (อคส.) ตั้ง นางอินทิรา โภคปุณยารักษ์ รองกรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) ไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการอคส.คนใหม่ ว่า เป็นเรื่องที่ต้องจับตาว่า เหตุใดรัฐบาลจึงสนับสนุนให้มีการตั้ง นางอินทิรา เป็นผู้อำนวยการ อคส. ซึ่งมีหน้าที่สำคัญเกี่ยวเนื่องกับการระบายข้าว ทั้งๆ ที่เป็นคนสนิท ที่เดินตามหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีละเว้นปฏิบัติหน้าที่ไม่ยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวมาโดยตลอด อีกทั้งยังมีปัญหากรณี ธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ เสียค่าโง่ จากการกู้ยืม ระหว่างธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ กับธนาคารแสตนดาร์ด ชาร์เตอร์ จำนวน 6,000 ล้านบาท ทำให้ธนาคารเอสเอ็มอีแบงก์ เสียหาย โดยนางอินทิรา เป็นกรรมการฯที่เกี่ยวพันในกรณีดังกล่าว
"ผมสงสัยว่า ไม่มีบุคคลที่มีความเหมาะสมแล้วหรือ เหตุใดต้องเอาคนสนิทของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มานั่งในตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดูแลโกดังข้าวในโครงการจำนำข้าว ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รัฐบาลไม่มีคนที่มีความสามารถและเป็นกลางมากกว่านี้แล้วหรือ" นายวัชระ กล่าว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา นายวัชระ ได้ไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. คัดค้านการแต่งตั้งนางอินทิรา ดำรงตำแหน่ง ผอ.องค์การคลังสินค้า เนื่องจากเป็นบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับจำเลยในคดีจำนำข้าว โดยให้เหตุผล 6 ข้อ คือ 1. นางอินทิรา มีความใกล้ชิดกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งเป็นจำเลยในคดีจำนำข้าวมาเป็นเวลานาน 2. หากนางอินทิรา เข้าไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส. อาจจะเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริง หรือสร้างข้อเท็จจริงใหม่ ที่เกี่ยวข้องกับคดีจำนำข้าว เพื่อช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ในชั้นอุทธรณ์ได้ 3. นางอินทิรา มีความใกล้ชิดกับ นางสาลินี วังตาล อดีตประธานกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง กรรมการ อคส. และนางสาลินี ก็มีความใกล้ชิดกับ นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งนางอินทิรา เป็นหนึ่งในผู้บริหารที่ช่วยเหลือ นางสาลินี ในการขายหนี้ NPL ของเอสเอ็มอีแบงก์ ที่มีความผิดปกติตามที่เคยปรากฏเป็นข่าว
4 .นางอินทิรา ให้ความช่วยเหลือ นายพายัพ ชินวัตร ซึ่งเป็นลูกหนี้ NPLของเอสเอ็มอีแบงก์ วงเงิน 90 ล้านบาท ที่ได้ลักลอบรื้อถอนโรงงาน และเครื่องจักร ที่เป็นหลักประกันเงินกู้มูลค่านับร้อยล้านบาทหลบหนีไป
5. นางอินทิราไม่มีพื้นฐานความรู้ และไม่เคยมีประสบการณ์ใดๆ เกี่ยวกับงานขององค์การคลังสินค้า การแต่งตั้งบุคคลที่มีความใกล้ชิดกับเครือข่ายของระบอบทักษิณเข้าไปรับตำแหน่ง ย่อมสร้างความไม่ไว้วางใจให้กับสังคมเป็นอย่างยิ่ง และ 6. นางอินทิรา ยังมีความเกี่ยวข้องกับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเอสเอ็มอีแบงก์ ในคดีบัตรเงินฝาก ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ชำระค่าปรับให้กับธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เป็นจำนวนเงินถึง 6 พันล้านบาท โดยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการการเงินของ เอสเอ็มอีแบงก์ จึงเป็นบุคคลที่เคยมีส่วนร่วมเกี่ยวข้อง ในการสร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานของรัฐ