สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานถุงยังชีพแค่ครอบครัวผู้ประสบภัยในจังหวัดกาฬสินธุ์ "บิ๊กตู่" ขอขรก.น้อมนำพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงประชาชนด้วยความห่วงใย ขอประชาชนระลึกถึงสถาบันฯ ย้ำทรงรับสั่งรัฐบาลแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างยั่งยืน พร้อมมอบงบฯ ซ่อมอ่างห้วยทรายขมิ้น-ขุดลอกทุกที่กักเก็บน้ำ ขณะที่รัฐบาลเตรียมยังจัดงาน "ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี" เปิดคู่สายโทรศัพท์ รับบริจาคเงิน โดยนายกฯจะนำครม. รับสายเอง
วานนี้ (2 ส.ค.) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวนรวม1,379 ครอบครัว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพและให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไป ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. และคณะได้เดินทางลงพื้นที่ จ.สกลนคร เพื่อตรวจราชการ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม โดยนายวิทยา จันทร์ฉลอง ผวจ.สกลนคร และ นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปสถานการณ์การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
ขณะที่นายกฯ กล่าว ชื่นชมทุกคน ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีลงมา ถึงผู้ปฏิบัติที่ช่วยกันทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งมาว่า ขอให้ช่วยกันทำให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว และได้ทรงรับสั่งให้รัฐบาลมองการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงทรงห่วงใยเรื่องการกักเก็บน้ำในทุกพื้นที่ โดยให้มีการสำรวจความแข็งแรงของเขื่อนต่างๆ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า อย่างอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น สร้างมานานกว่า 60 ปี หากกักเก็บน้ำในสถานการณ์ปกติ คงรับน้ำไหว แต่เมื่อสถานการณ์มากกว่าปกติ ก็รับน้ำไม่ได้
อีกประการที่พระองค์ท่านทรงรับสั่งคือ ให้ช่วยกันหาหญ้าแฝกปลูกไว้ริมอ่างเก็บน้ำ รวมถึงการขุดลอกทางระบายน้ำต่างๆ และพระองค์ทรงรับสั่ง ให้นำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้มากมาย มาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และหากมีอะไรที่สถาบันฯ พอจะช่วยได้ พระองค์ก็จะทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาให้ เราก็จะเห็นว่า พระองค์ทรงพระราชทานสิ่งของต่างๆ มาแล้วในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งศูนย์อาหารประชาชน และ เพิ่มศูนย์อาหารสัตว์มาแล้วด้วย จะเห็นได้เราพระองค์ทรงห่วงใย และติดตามทุกเรื่อง และทรงเข้าใจถึงปัญหาทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาน้ำที่มาจากเทือกเขาภูพานมหาศาล ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูด้วยว่า ป่าไม้บนเทือกเขาเป็นไร แล้วเมื่อน้ำลงมา ก็มาดูกันว่าเราจะเก็บกักน้ำได้เท่าไร เมื่อเรากักเก็บน้ำได้น้อย แต่น้ำลงมา 500 ล้าน ลบ.ม. แต่อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น กักเก็บได้แค่ 240 ล้าน ลบ.ม. ก็คงรับไม่ไหว ทำให้เอ่อล้นและระบายน้ำออกมา เมื่อการระบายไม่ทันกับน้ำที่ลงมามาก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ที่ราชการชี้แจงว่า เขารับไหวก็เพราะเขาคิดว่า ฝนจะตกไม่มากขนาดนี้ พอมากขึ้น ก็ต้องแก้ไขกัน
นายกฯ ยังกล่าวถึง การฟื้นฟูช่วยเหลือระยะยาว ว่า รัฐบาล มีหลายมาตรการการเยียวยาออกมา ทั้งจาก ก.เกษตรฯ มหาดไทย และ คลัง ซึ่งเราต้องทำให้รวดเร็ว และต้องเร่งสำรวจพื้นที่ ซึ่งอาจจะต้องใช้วิธีการประชาคมด้วย ส่วนที่ตนจะให้งบประมาณเพิ่มเติมคือ ส่วนอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น และเมื่อเราซ่อมแซมแล้ว ก็ต้องมาดูกันว่า จะสามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มหรือไม่ จาก 240 ล้าน ลบ.ม. เป็น 300 ล้านลบ.ม. และเราก็ต้องไปดูว่าเขื่อนตื้นหรือไม่ เพราะมันตื้นทุกที่เนื่องจากเรายังไม่ได้ขุดลอก
"ขอร้องสื่อด้วยว่า อะไรที่ไม่ถึงกับคอขาดบาดตาย อย่ามาโต้แย้งกันเลย เขื่อนแตก ไม่แตก มันไร้สาระ เพราะมันเป็นเรื่องของน้ำเกินปริมาณที่เราจะรับได้ และขอให้เข้าใจว่า ไม่ใช่แค่ จ.สกลนคร ที่น้ำท่วม จังหวัดอื่นก็ท่วม ประเทศอื่นก็ท่วม เพราะมันเป็นมรสุม เป็นพายุมา จึงขอให้ทุกคนช่วยกัน โดยใช้พระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เราเป็นข้าราชการของพระองค์ท่านทุกพระองค์ ต้องทำงานให้สมศักดิ์ศรี " นายกฯ กล่าว
จากนั้นนายกฯ พร้อมคณะได้เดินทางมายังครัวพระราชทาน ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ที่บริเวณองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจกับผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งมีทั้งจิตอาสา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร แพทย์ พยาบาล รวมทั้งได้ให้กำลังใจกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยนายกฯ ได้มอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นด้วย
จากนั้น นายกฯได้ร่วมโครงการ บิ๊ก คลีนนิ่งเดย์ ที่บริเวณด้านหน้าวัดพระธาตุเชิงชุม โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจกับกลุ่มจิตอาสา และให้กำลังใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้ร่วมฉีดน้ำและกวาดถนน ในโครงการบิ๊กคลีนนิ่ง ก่อนที่นายกฯ จะเข้าไปกราบองค์พระธาตุเชิงชุม เพื่อเป็นศิริมงคล
ต่อมานายกฯพร้อมคณะ ลงเรือเยี่ยมประชาชนในเขตพื้นที่ชุมชนรอบหนองหาน ก่อนเดินทางไปยังจุดติดตั้งสะพานแบร์รี่ย์ เพื่อตรวจสอบสะพานภายหลังถูกน้ำกัดเซาะ จากนั้นจะเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น เพื่อดูสภาพพื้นที่และการซ่อมแซม รวมถึงการแก้ไขปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น ที่ถูกน้ำกัดเซาะ พร้อมรับฟังคำอธิบายจากอธิบดีกรมชลประทาน
**ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวการจัดงาน “ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี”เพื่อรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ ตามคำสั่งของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยการจัดงานจะมีขึ้นในวันศุกร์ ที่ 4 ส.ค.นี้ เวลา 18.00 - 19.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการช่วยพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย
สำหรับรูปแบบการจัดงาน นายกรัฐมนตรี จะมารับบริจาคเงินด้วยตนเอง โดยมอบหมายให้สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 ช่อง 9 MCOT HD สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในการร่วมถ่ายทอดสดตลอดการจัดงาน รวมทั้งเปิดหมายเลขโทรศัพท์พิเศษ 02- 356 -0303 ระบบอัตโนมัติ 30 คู่สาย ทั้งนี้ นายกฯ และ ครม.จะมาร่วมนั่งรับบริจาคผ่านทางโทรศัพท์ด้วย
ทั้งนี้ หากประชาชนสนใจร่วมบริจาค สามารถบริจาคผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยโอนเงินเข้าบัญชีกรุงไทย จำกัด สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-06895-0 สำหรับประชาชนที่ต้องการลงทะเบียนล่วงหน้า ติดต่อได้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมายเลข 02-283- 4193 , 02-283- 4180 และ 02-283- 4931 โดยผู้บริจาค สามารถนำหลักฐานในการบริจาคไปใช้แสดงการขอลดหย่อนภาษีได้
วานนี้ (2 ส.ค.) สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ผู้แทนพระองค์ ร่วมกับมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระราชูปถัมภ์ เชิญถุงพระราชทานและเครื่องอุปโภคบริโภค ไปมอบแก่ครอบครัวราษฎรที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวนรวม1,379 ครอบครัว เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจและบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีพและให้ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไป ราษฎรต่างปลื้มปีติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. และคณะได้เดินทางลงพื้นที่ จ.สกลนคร เพื่อตรวจราชการ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม โดยนายวิทยา จันทร์ฉลอง ผวจ.สกลนคร และ นายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน ให้การต้อนรับ และบรรยายสรุปสถานการณ์การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม
ขณะที่นายกฯ กล่าว ชื่นชมทุกคน ตั้งแต่ระดับรัฐมนตรีลงมา ถึงผู้ปฏิบัติที่ช่วยกันทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับสั่งมาว่า ขอให้ช่วยกันทำให้สถานการณ์ดีขึ้นโดยเร็ว และได้ทรงรับสั่งให้รัฐบาลมองการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนให้เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงทรงห่วงใยเรื่องการกักเก็บน้ำในทุกพื้นที่ โดยให้มีการสำรวจความแข็งแรงของเขื่อนต่างๆ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า อย่างอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น สร้างมานานกว่า 60 ปี หากกักเก็บน้ำในสถานการณ์ปกติ คงรับน้ำไหว แต่เมื่อสถานการณ์มากกว่าปกติ ก็รับน้ำไม่ได้
อีกประการที่พระองค์ท่านทรงรับสั่งคือ ให้ช่วยกันหาหญ้าแฝกปลูกไว้ริมอ่างเก็บน้ำ รวมถึงการขุดลอกทางระบายน้ำต่างๆ และพระองค์ทรงรับสั่ง ให้นำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้มากมาย มาแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และหากมีอะไรที่สถาบันฯ พอจะช่วยได้ พระองค์ก็จะทรงพระราชทานความช่วยเหลือมาให้ เราก็จะเห็นว่า พระองค์ทรงพระราชทานสิ่งของต่างๆ มาแล้วในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งศูนย์อาหารประชาชน และ เพิ่มศูนย์อาหารสัตว์มาแล้วด้วย จะเห็นได้เราพระองค์ทรงห่วงใย และติดตามทุกเรื่อง และทรงเข้าใจถึงปัญหาทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ปัญหาน้ำที่มาจากเทือกเขาภูพานมหาศาล ก็ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูด้วยว่า ป่าไม้บนเทือกเขาเป็นไร แล้วเมื่อน้ำลงมา ก็มาดูกันว่าเราจะเก็บกักน้ำได้เท่าไร เมื่อเรากักเก็บน้ำได้น้อย แต่น้ำลงมา 500 ล้าน ลบ.ม. แต่อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น กักเก็บได้แค่ 240 ล้าน ลบ.ม. ก็คงรับไม่ไหว ทำให้เอ่อล้นและระบายน้ำออกมา เมื่อการระบายไม่ทันกับน้ำที่ลงมามาก และไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ที่ราชการชี้แจงว่า เขารับไหวก็เพราะเขาคิดว่า ฝนจะตกไม่มากขนาดนี้ พอมากขึ้น ก็ต้องแก้ไขกัน
นายกฯ ยังกล่าวถึง การฟื้นฟูช่วยเหลือระยะยาว ว่า รัฐบาล มีหลายมาตรการการเยียวยาออกมา ทั้งจาก ก.เกษตรฯ มหาดไทย และ คลัง ซึ่งเราต้องทำให้รวดเร็ว และต้องเร่งสำรวจพื้นที่ ซึ่งอาจจะต้องใช้วิธีการประชาคมด้วย ส่วนที่ตนจะให้งบประมาณเพิ่มเติมคือ ส่วนอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น และเมื่อเราซ่อมแซมแล้ว ก็ต้องมาดูกันว่า จะสามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มหรือไม่ จาก 240 ล้าน ลบ.ม. เป็น 300 ล้านลบ.ม. และเราก็ต้องไปดูว่าเขื่อนตื้นหรือไม่ เพราะมันตื้นทุกที่เนื่องจากเรายังไม่ได้ขุดลอก
"ขอร้องสื่อด้วยว่า อะไรที่ไม่ถึงกับคอขาดบาดตาย อย่ามาโต้แย้งกันเลย เขื่อนแตก ไม่แตก มันไร้สาระ เพราะมันเป็นเรื่องของน้ำเกินปริมาณที่เราจะรับได้ และขอให้เข้าใจว่า ไม่ใช่แค่ จ.สกลนคร ที่น้ำท่วม จังหวัดอื่นก็ท่วม ประเทศอื่นก็ท่วม เพราะมันเป็นมรสุม เป็นพายุมา จึงขอให้ทุกคนช่วยกัน โดยใช้พระบารมีของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เราเป็นข้าราชการของพระองค์ท่านทุกพระองค์ ต้องทำงานให้สมศักดิ์ศรี " นายกฯ กล่าว
จากนั้นนายกฯ พร้อมคณะได้เดินทางมายังครัวพระราชทาน ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และเยี่ยมศูนย์พักพิงผู้ประสบภัย ที่บริเวณองค์การบริหารส่วนจังหวัดสกลนคร โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจกับผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งมีทั้งจิตอาสา เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร แพทย์ พยาบาล รวมทั้งได้ให้กำลังใจกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยนายกฯ ได้มอบถุงยังชีพและเงินช่วยเหลือให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นด้วย
จากนั้น นายกฯได้ร่วมโครงการ บิ๊ก คลีนนิ่งเดย์ ที่บริเวณด้านหน้าวัดพระธาตุเชิงชุม โดยนายกฯ ได้ให้กำลังใจกับกลุ่มจิตอาสา และให้กำลังใจกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้ร่วมฉีดน้ำและกวาดถนน ในโครงการบิ๊กคลีนนิ่ง ก่อนที่นายกฯ จะเข้าไปกราบองค์พระธาตุเชิงชุม เพื่อเป็นศิริมงคล
ต่อมานายกฯพร้อมคณะ ลงเรือเยี่ยมประชาชนในเขตพื้นที่ชุมชนรอบหนองหาน ก่อนเดินทางไปยังจุดติดตั้งสะพานแบร์รี่ย์ เพื่อตรวจสอบสะพานภายหลังถูกน้ำกัดเซาะ จากนั้นจะเดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น เพื่อดูสภาพพื้นที่และการซ่อมแซม รวมถึงการแก้ไขปรับปรุงอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น ที่ถูกน้ำกัดเซาะ พร้อมรับฟังคำอธิบายจากอธิบดีกรมชลประทาน
**ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวการจัดงาน “ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี”เพื่อรับบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ ตามคำสั่งของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยการจัดงานจะมีขึ้นในวันศุกร์ ที่ 4 ส.ค.นี้ เวลา 18.00 - 19.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเปิดให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ได้มีส่วนร่วมในการช่วยพี่น้องผู้ประสบอุทกภัย
สำหรับรูปแบบการจัดงาน นายกรัฐมนตรี จะมารับบริจาคเงินด้วยตนเอง โดยมอบหมายให้สถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย กรมประชาสัมพันธ์ ช่อง 11 ช่อง 9 MCOT HD สถานีโทรทัศน์กองทัพบก ช่อง 5 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ในการร่วมถ่ายทอดสดตลอดการจัดงาน รวมทั้งเปิดหมายเลขโทรศัพท์พิเศษ 02- 356 -0303 ระบบอัตโนมัติ 30 คู่สาย ทั้งนี้ นายกฯ และ ครม.จะมาร่วมนั่งรับบริจาคผ่านทางโทรศัพท์ด้วย
ทั้งนี้ หากประชาชนสนใจร่วมบริจาค สามารถบริจาคผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยโอนเงินเข้าบัญชีกรุงไทย จำกัด สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067-0-06895-0 สำหรับประชาชนที่ต้องการลงทะเบียนล่วงหน้า ติดต่อได้ที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หมายเลข 02-283- 4193 , 02-283- 4180 และ 02-283- 4931 โดยผู้บริจาค สามารถนำหลักฐานในการบริจาคไปใช้แสดงการขอลดหย่อนภาษีได้