“อธิบดีดีเอสไอ” เผยพบข้อมูลลูกศิษย์พา “พระธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดธรรม หลบหนีไปแถบยุโรป ผ่านช่องทางธรรมชาติ พร้อมเตรียมประสานขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนมาดำเนินคดีในประเทศ หลังพบแหล่งพักพิงที่ชัดเจน
วานนี้ (2 ส.ค.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการติดตามตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ ข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และ รับของโจร คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ว่า ดีเอสไอ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยการข่าวพบข้อมูลพระธัมมชโย มีลูกศิษย์พาหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติออกจากประเทศไทยไปอยู่ในประเทศแถบยุโรป
"ดีเอสไอกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล แต่ยังไม่พบหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนว่าพระธัมมชโยหลบหนีไปที่ใด และจากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ไม่พบพระธัมมชโย เดินทางออกนอกประเทศ หากมีการยืนยันชัดเจนดีเอสไอก็สามารถประสานขอตัวกลับมาดำเนินคดีได้ เหมือนกรณีของวิรพล สุขผล หรือเณรคำ"
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังได้ขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินตั้งแต่ปี 2552-2556 ที่ออกจากสหกรณ์ฯ ด้วยการสั่งจ่ายเช็คจำนวน 878 ฉบับ ว่า มีการถ่ายโอนเงินไปที่ไหน บัญชีใครหรือไม่ รวมถึงไปซื้อทรัพย์สินอื่นๆ อะไรบ้าง
สำหรับการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย มีทั้งสิ้น 15 คดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพราะเกี่ยวข้องกับมูลนิธิอื่นๆ ด้วย ขณะที่การบริหารภายในวัดยังมี 4 ฝ่ายช่วยกันดูแลอยู่ ประกอบด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ดีเอสไอ พระวัดธรรมกาย และ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เบื้องต้น ยังไม่ได้รายงานพระธัมมชโยหลบหนี แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง เนื่องจากพระธัมมโย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ และในระบบคัดกรองบุคคลมีหมายจับ ก็มีชื่อพระธัมมโยอยู่ในนั้น ส่วนการหลบหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ ตำรวจมีการเฝ้าระวังแต่ประเทศไทยมีเขตแดนกว้างใหญ่ เส้นชายแดนล้อมลอบ ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยก็พยายามติดตามอยู่ ถ้ามีข่าวหรือเบาะแสก็สามารถแจ้งมาได้ยังเจ้าหน้าที่ได้
ส่วนประเด็นเรื่องการประสานตำรวจสากลเพื่อติดตามตัวพระธัมมชโย นั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเพียงหน่วยเสริมและสนับสนุนการทำงาน ขึ้นอยู่กับดีเอสไอจะประสานขอความช่วยเหลือ แต่หน้าที่หลักของตำรวจจะเป็นในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ทำหน้าที่คัดกรองบุคคลเข้าออกประเทศ มีการเฝ้าระวังมาโดยตลอด
วานนี้ (2 ส.ค.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยถึง ความคืบหน้าการติดตามตัวพระธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ ข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ร่วมกันฟอกเงิน และ รับของโจร คดีทุจริตสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น ว่า ดีเอสไอ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการติดตามอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ โดยการข่าวพบข้อมูลพระธัมมชโย มีลูกศิษย์พาหลบหนีผ่านช่องทางธรรมชาติออกจากประเทศไทยไปอยู่ในประเทศแถบยุโรป
"ดีเอสไอกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูล แต่ยังไม่พบหลักฐานยืนยันที่ชัดเจนว่าพระธัมมชโยหลบหนีไปที่ใด และจากข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ไม่พบพระธัมมชโย เดินทางออกนอกประเทศ หากมีการยืนยันชัดเจนดีเอสไอก็สามารถประสานขอตัวกลับมาดำเนินคดีได้ เหมือนกรณีของวิรพล สุขผล หรือเณรคำ"
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า ดีเอสไอยังได้ขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงินตั้งแต่ปี 2552-2556 ที่ออกจากสหกรณ์ฯ ด้วยการสั่งจ่ายเช็คจำนวน 878 ฉบับ ว่า มีการถ่ายโอนเงินไปที่ไหน บัญชีใครหรือไม่ รวมถึงไปซื้อทรัพย์สินอื่นๆ อะไรบ้าง
สำหรับการดำเนินคดีกับพระธัมมชโย มีทั้งสิ้น 15 คดีที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพราะเกี่ยวข้องกับมูลนิธิอื่นๆ ด้วย ขณะที่การบริหารภายในวัดยังมี 4 ฝ่ายช่วยกันดูแลอยู่ ประกอบด้วย สำนักงานพระพุทธศาสนา (พศ.) ดีเอสไอ พระวัดธรรมกาย และ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า เบื้องต้น ยังไม่ได้รายงานพระธัมมชโยหลบหนี แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง เนื่องจากพระธัมมโย เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ และในระบบคัดกรองบุคคลมีหมายจับ ก็มีชื่อพระธัมมโยอยู่ในนั้น ส่วนการหลบหนีออกนอกประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ ตำรวจมีการเฝ้าระวังแต่ประเทศไทยมีเขตแดนกว้างใหญ่ เส้นชายแดนล้อมลอบ ซึ่งขณะนี้ทุกหน่วยก็พยายามติดตามอยู่ ถ้ามีข่าวหรือเบาะแสก็สามารถแจ้งมาได้ยังเจ้าหน้าที่ได้
ส่วนประเด็นเรื่องการประสานตำรวจสากลเพื่อติดตามตัวพระธัมมชโย นั้น พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวว่า คดีนี้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเพียงหน่วยเสริมและสนับสนุนการทำงาน ขึ้นอยู่กับดีเอสไอจะประสานขอความช่วยเหลือ แต่หน้าที่หลักของตำรวจจะเป็นในส่วนของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ทำหน้าที่คัดกรองบุคคลเข้าออกประเทศ มีการเฝ้าระวังมาโดยตลอด