ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่สมาชิกสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น จำกัด ในคดีหมายเลขดำ ที่ 2472/2556 และคดีหมายเลขดำ ที่ 913/2557 เนื่องจากศาลเห็นว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย เพื่อระงับยับยั้งการกระทำที่ไม่ชอบของนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานสหกรณ์ฯ และคณะกรรมการสหกรณ์ ปล่อยให้มีการกระทำความผิดเป็นเวลากว่า 10 ปี ทั้งการปล่อยเงินกู้ให้บุคคลภายนอกไม่ชอบด้วยกม. การแก้ไขข้อบังคับ เพื่อให้บุคคลภายนอกเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ รวมทั้งการจ่ายเงินทดรองให้ นายศุภชัย นำไปใช้ในธุรกิจส่วนตัว ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์รับรู้ และแจ้งคณะกรรมการสหกรณ์แก้ไข แต่ทางสหกรณ์ไม่ดำเนินการ และกรมส่งเสริมสหกรณ์ มีเงื่อนไขที่จะใช้อำนาจในกรณีดังกล่าวเพื่อยับยั้งความเสียหาย แต่กลับไม่ดำเนินการ จึงถือได้ว่า ทั้ง 2 หน่วยงาน ละเลยต่อหน้าที่ตามกฎหมาย หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร ทั้งที่ตรวจพบการกระทำความผิด ตั้งแต่ปี 2543
แต่เนื่องจากความเสียหายที่สมาชิกสหกรณ์ได้รับ เป็นความเสียหายจากการทุจริตของคณะกรรมการสหกรณ์ มากกว่าผลของการละเลย ของ 2 หน่วยงาน ศาลจึงพิพากษาให้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แก่สมาชิกสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ในคดีหมายเลขดำ ที่ 2472/2556 จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย นายประเสริฐ นายวันโน และ นายวันชัย วุฒิพันธุ์ไพบูลย์ คนละ 1,000 บาท, น.ส.วรรณี วุฒิพันธุ์ไพบูลย์ และ นางนวลจิรา ยิ่งสุขกมล คนละ 10,000 บาท ,น.ส.รัตนา วุฒิพันธุ์ไพบูลย์ 110,000 บาท, น.ส.นวลฉวี เกตุวัฒนเวสน์ 200,000 บาท และ น.ส.นาถฤดี กาญจนโรจน์ 300,000 บาท ตามกรณีของแต่ละคน และในคดีหมายเลขดำ ที่ 913/2557 ให้ชดใช้ค่าสินไหมแก่ นางรุ่งนิภา กาญจน์รักษ์ เป็นเงิน 40,000 บาท โดยผู้เสียหายทั้งหมด จะได้รับเงินชดเชยตามจำนวนที่ศาลกำหนด พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องคดี จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น รวมยอดเงินที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะต้องชดใช้ทั้งหมด 673,000บาท
นอกจากนั้น ศาลปกครองกลาง ยังมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวกรวม 13คน ซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ชุดที่ 29 ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับพวกรวม 3 คน กรณีถูกปลดพ้นจากตำแหน่ง คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น โดยศาลเห็นว่า เนื่องจากนายศุภชัย และพวก กระทำความผิดเอง และปรากฏข้อมูลข้อเท็จจริงในการกระทำความผิดชัดเจน และที่ผ่านมา มีการแจ้งให้นายศุภชัย และพวก ดำเนินการแก้ไข และเปิดโอกาสให้ชี้แจงแล้ว แต่ทั้งหมดกลับดำเนินการถอนฟ้องคดีแพ่งและอาญา ที่สหกรณ์เคยฟ้องนายศุภชัย กับพวกทุกคดี เพื่อให้นายศุภชัยกับพวก หรือตนเองแล้วแต่กรณี หลุดพ้นจากความรับผิดต่อสหกรณ์ ทั้งทางแพ่งและอาญา อันมีผลทำให้เกิดความเสียหาย เสื่อมเสียแก่ผลประโยชน์ของสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ จึงเป็นกรณีที่นายศุภชัย และพวกทั้ง 13 คน ในฐานะคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ กระทำการหรืองดเว้นกระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ของตน จนทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของสหกรณ์ หรือสมาชิก จึงถือได้ว่า เป็นกรณีจำเป็นรีบด่วนที่เจ้าหน้าที่สามารถออกคำสั่งให้ นายศุภชัย และพวกพ้นจากการเป็นคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ได้ เพราะถ้าเนิ่นช้าออกไป จะยิ่งก่อความเสียหายร้ายแรง
การที่ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานนะรองนายทะเบียนสหกรณ์มีคำสั่งให้นายศุภชัยและพวกพ้นจากตำแหน่งคณะกรรมการสหกรณ์ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ข้ออ้างของนายศุภชัยและพวก ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายกฟ้อง
แต่เนื่องจากความเสียหายที่สมาชิกสหกรณ์ได้รับ เป็นความเสียหายจากการทุจริตของคณะกรรมการสหกรณ์ มากกว่าผลของการละเลย ของ 2 หน่วยงาน ศาลจึงพิพากษาให้ กรมส่งเสริมสหกรณ์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน แก่สมาชิกสหกรณ์ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ในคดีหมายเลขดำ ที่ 2472/2556 จำนวน 8 ราย ประกอบด้วย นายประเสริฐ นายวันโน และ นายวันชัย วุฒิพันธุ์ไพบูลย์ คนละ 1,000 บาท, น.ส.วรรณี วุฒิพันธุ์ไพบูลย์ และ นางนวลจิรา ยิ่งสุขกมล คนละ 10,000 บาท ,น.ส.รัตนา วุฒิพันธุ์ไพบูลย์ 110,000 บาท, น.ส.นวลฉวี เกตุวัฒนเวสน์ 200,000 บาท และ น.ส.นาถฤดี กาญจนโรจน์ 300,000 บาท ตามกรณีของแต่ละคน และในคดีหมายเลขดำ ที่ 913/2557 ให้ชดใช้ค่าสินไหมแก่ นางรุ่งนิภา กาญจน์รักษ์ เป็นเงิน 40,000 บาท โดยผู้เสียหายทั้งหมด จะได้รับเงินชดเชยตามจำนวนที่ศาลกำหนด พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องคดี จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น รวมยอดเงินที่กรมส่งเสริมสหกรณ์จะต้องชดใช้ทั้งหมด 673,000บาท
นอกจากนั้น ศาลปกครองกลาง ยังมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีที่ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร กับพวกรวม 13คน ซึ่งเป็นคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ชุดที่ 29 ยื่นฟ้อง อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ กับพวกรวม 3 คน กรณีถูกปลดพ้นจากตำแหน่ง คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน คลองจั่น โดยศาลเห็นว่า เนื่องจากนายศุภชัย และพวก กระทำความผิดเอง และปรากฏข้อมูลข้อเท็จจริงในการกระทำความผิดชัดเจน และที่ผ่านมา มีการแจ้งให้นายศุภชัย และพวก ดำเนินการแก้ไข และเปิดโอกาสให้ชี้แจงแล้ว แต่ทั้งหมดกลับดำเนินการถอนฟ้องคดีแพ่งและอาญา ที่สหกรณ์เคยฟ้องนายศุภชัย กับพวกทุกคดี เพื่อให้นายศุภชัยกับพวก หรือตนเองแล้วแต่กรณี หลุดพ้นจากความรับผิดต่อสหกรณ์ ทั้งทางแพ่งและอาญา อันมีผลทำให้เกิดความเสียหาย เสื่อมเสียแก่ผลประโยชน์ของสหกรณ์ และสมาชิกสหกรณ์ จึงเป็นกรณีที่นายศุภชัย และพวกทั้ง 13 คน ในฐานะคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ฯ กระทำการหรืองดเว้นกระทำการในการปฏิบัติหน้าที่ของตน จนทำให้เสื่อมเสียประโยชน์ของสหกรณ์ หรือสมาชิก จึงถือได้ว่า เป็นกรณีจำเป็นรีบด่วนที่เจ้าหน้าที่สามารถออกคำสั่งให้ นายศุภชัย และพวกพ้นจากการเป็นคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ได้ เพราะถ้าเนิ่นช้าออกไป จะยิ่งก่อความเสียหายร้ายแรง
การที่ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในฐานนะรองนายทะเบียนสหกรณ์มีคำสั่งให้นายศุภชัยและพวกพ้นจากตำแหน่งคณะกรรมการสหกรณ์ จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ข้ออ้างของนายศุภชัยและพวก ฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายกฟ้อง