วานนี้(27ก.ค.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้พิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาแล้วเสร็จ โดยมี พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานกมธ. กล่าวรายงานว่า มีผู้เสนอคำแปรญัตติ 10 คน โดยพอใจกับการแก้ไขของ กมธ. 2 คน ส่วนอีก 8 คน ยังติดใจเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งต่อไปของผู้ตรวจฯ ซึ่งอยู่ในบทเฉพาะกาล มาตรา 56-59 นอกจากนี้ ทางกมธ.วิสามัญพิจารณาแล้วเห็นควรตั้งข้อสังเกต 3 ประการ คือ 1. ตามมาตรา 18 วรรคหก กรณีผู้ตรวจการฯ พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุอื่น นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระ ให้ดำเนินการสรรหาผู้ตรวจการฯ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ตำแหน่งว่างลง แต่หากมีกรณีทำให้ไม่อาจได้บุคคลมาเป็นผู้ตรวจการฯ ก็จะต้องดำเนินการใหม่ โดยให้ถือว่าเป็นวันที่เริ่มดำเนินการใหม่และให้นับต่อไปอีก 90 วัน
2. ตามมาตรา 21 กำหนดห้ามไม่ให้ผู้ตรวจการฯ เข้ารับการศึกษา หรืออบรมในหลักสูตรหรือโครงการใดๆ นั้น ไม่รวมถึงผู้ตรวจการฯ เดินทางไปร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือเข้าร่วมการประชุมหารือ เพื่อเป็นไปตามภารกิจอันเกี่ยวข้องกับหน้าที่ และอำนาจของผู้ตรวจการฯ ซึ่งรับเชิญหรือประสานงานกับองค์กรระหว่างประเทศ หรือประเทศต่างๆ และ 3. ในการกำหนดคุณสมบัติของผู้ตรวจการฯ ตามมาตรา 8 ซึ่งเป็นหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการสรรหา สมควรที่จะต้องพิจารณา และกำหนดแนวทางให้ชัดเจน และเกิดความรอบคอบ ทั้งนี้ ทางกมธ.ได้นำความคิดเห็นและการวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาคส่วนต่างๆจากทั้งสนช. และข้อคิดเห็นของประชาชนมาประกอบการพิจารณาอย่างครบถ้วน
จากนั้น เป็นการพิจารณาในวาระ 2 เรียงลำดับมาตรา จนถึงบทเฉพาะกาล ในมาตราที่ 56–58 เกี่ยวกับเรื่องสถานภาพของผู้ตรวจฯ ชุดปัจจุบัน โดย กมธ.ได้ยืนตามร่างเดิม ที่กรธ.เสนอมา คือให้"รีเซต" ผู้ที่มีคุณสมบัติขัดรธน. พ้นจากตำแน่ง แต่ปรากฏว่า สมาชิกได้เสนอแปรญัตติให้ผู้ตรวจฯชุดปัจจุบัน อยู่ต่อจนครบวาระตามรธน.เดิม ทำให้ที่ประชุมหาข้อยุติไม่ได้ ประธานจึงสั่งพักการประชุม เพื่อให้ กมธ.ได้หารือข้อสรุป
หลังพักประชุม 1 ชม. มีการประชุมอีกครั้งโดยกมธ.ชี้แจงว่า กมธ.ยอมแก้ไขบทเฉพาะกาล สถานภาพของผู้ตรวจการฯ ชุดปัจจุบัน จากเดิมที่ระบุให้ผู้ตรวจการฯ ที่อยู่ในตำแหน่ง ก่อนที่ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ถ้ามีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามรธน.60 โดยแก้ไขเป็น ให้ผู้ตรวจการฯ ที่อยู่ในตำแหน่ง ก่อนที่ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้จนครบวาระตาม ร่าง พ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 โดยไม่นำมาตรา 8 ของ ร่าง พ.ร.บ. ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 มาบังคับใช้
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. กล่าวว่า การแก้ไขดังกล่าว เป็นลักษณะปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งทั้งหมด เหตุใดจึงแตกต่างไปจาก ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. ที่ให้เซตซีโรทั้งหมด ซึ่งเป็นคำถามในสังคมต่อไปว่า พ.ร.ป. แต่ละฉบับ ไม่เหมือนกันใช่ หรือไม่
ขณะที่ พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ กมธ. ชี้แจงว่า เหตุผลในการปรับแก้เป็นไปตามอำนาจ มาตรา 273 ของรธน. ซึ่งเราก็ไม่ได้พิจารณาที่ตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องของขอบเขตอำนาจหน้าที่ ที่รธน. กำหนดไว้ ซึ่งผู้ตรวจการฯ ตามรธน.ใหม่ จะมีอำนาจหน้าที่น้อยลงไปจากรธน.ปี 50 ขณะเดียวกัน ผู้ตรวจการฯชุดปัจจุบัน ได้รับประเมินผลงานจากสถาบันพระปกเกล้า ว่ามีผลงาน และได้รับการยกย่องจากองค์กรต่างประเทศ นอกจากนี้ถือเป็นการให้ความยุติธรรม และเป็นธรรมกับผู้ตรวจการฯชุดปัจจุบัน ที่ได้รับการสรรหามาจากรธน.ปี 50 แต่ยังอยู่ไปครบวาระ 6 ปี
จากนั้นสมาชิกได้ลงมติเห็นชอบ ในวาระ 3 ด้วยคะแนน 143 งดออกเสียง 7 ไม่ลงมติ 1 เพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป พร้อมทั้งเห็นชอบในข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ
2. ตามมาตรา 21 กำหนดห้ามไม่ให้ผู้ตรวจการฯ เข้ารับการศึกษา หรืออบรมในหลักสูตรหรือโครงการใดๆ นั้น ไม่รวมถึงผู้ตรวจการฯ เดินทางไปร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือเข้าร่วมการประชุมหารือ เพื่อเป็นไปตามภารกิจอันเกี่ยวข้องกับหน้าที่ และอำนาจของผู้ตรวจการฯ ซึ่งรับเชิญหรือประสานงานกับองค์กรระหว่างประเทศ หรือประเทศต่างๆ และ 3. ในการกำหนดคุณสมบัติของผู้ตรวจการฯ ตามมาตรา 8 ซึ่งเป็นหน้าที่ และอำนาจของคณะกรรมการสรรหา สมควรที่จะต้องพิจารณา และกำหนดแนวทางให้ชัดเจน และเกิดความรอบคอบ ทั้งนี้ ทางกมธ.ได้นำความคิดเห็นและการวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาคส่วนต่างๆจากทั้งสนช. และข้อคิดเห็นของประชาชนมาประกอบการพิจารณาอย่างครบถ้วน
จากนั้น เป็นการพิจารณาในวาระ 2 เรียงลำดับมาตรา จนถึงบทเฉพาะกาล ในมาตราที่ 56–58 เกี่ยวกับเรื่องสถานภาพของผู้ตรวจฯ ชุดปัจจุบัน โดย กมธ.ได้ยืนตามร่างเดิม ที่กรธ.เสนอมา คือให้"รีเซต" ผู้ที่มีคุณสมบัติขัดรธน. พ้นจากตำแน่ง แต่ปรากฏว่า สมาชิกได้เสนอแปรญัตติให้ผู้ตรวจฯชุดปัจจุบัน อยู่ต่อจนครบวาระตามรธน.เดิม ทำให้ที่ประชุมหาข้อยุติไม่ได้ ประธานจึงสั่งพักการประชุม เพื่อให้ กมธ.ได้หารือข้อสรุป
หลังพักประชุม 1 ชม. มีการประชุมอีกครั้งโดยกมธ.ชี้แจงว่า กมธ.ยอมแก้ไขบทเฉพาะกาล สถานภาพของผู้ตรวจการฯ ชุดปัจจุบัน จากเดิมที่ระบุให้ผู้ตรวจการฯ ที่อยู่ในตำแหน่ง ก่อนที่ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ ต้องพ้นจากตำแหน่ง ถ้ามีคุณสมบัติไม่ถูกต้องตามรธน.60 โดยแก้ไขเป็น ให้ผู้ตรวจการฯ ที่อยู่ในตำแหน่ง ก่อนที่ ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลบังคับใช้ สามารถดำรงตำแหน่งต่อไปได้จนครบวาระตาม ร่าง พ.ร.บ.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 โดยไม่นำมาตรา 8 ของ ร่าง พ.ร.บ. ผู้ตรวจการแผ่นดิน 2552 มาบังคับใช้
นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ สนช. กล่าวว่า การแก้ไขดังกล่าว เป็นลักษณะปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งทั้งหมด เหตุใดจึงแตกต่างไปจาก ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. ที่ให้เซตซีโรทั้งหมด ซึ่งเป็นคำถามในสังคมต่อไปว่า พ.ร.ป. แต่ละฉบับ ไม่เหมือนกันใช่ หรือไม่
ขณะที่ พล.ร.อ.จักรชัย ภู่เจริญยศ กมธ. ชี้แจงว่า เหตุผลในการปรับแก้เป็นไปตามอำนาจ มาตรา 273 ของรธน. ซึ่งเราก็ไม่ได้พิจารณาที่ตัวบุคคล แต่เป็นเรื่องของขอบเขตอำนาจหน้าที่ ที่รธน. กำหนดไว้ ซึ่งผู้ตรวจการฯ ตามรธน.ใหม่ จะมีอำนาจหน้าที่น้อยลงไปจากรธน.ปี 50 ขณะเดียวกัน ผู้ตรวจการฯชุดปัจจุบัน ได้รับประเมินผลงานจากสถาบันพระปกเกล้า ว่ามีผลงาน และได้รับการยกย่องจากองค์กรต่างประเทศ นอกจากนี้ถือเป็นการให้ความยุติธรรม และเป็นธรรมกับผู้ตรวจการฯชุดปัจจุบัน ที่ได้รับการสรรหามาจากรธน.ปี 50 แต่ยังอยู่ไปครบวาระ 6 ปี
จากนั้นสมาชิกได้ลงมติเห็นชอบ ในวาระ 3 ด้วยคะแนน 143 งดออกเสียง 7 ไม่ลงมติ 1 เพื่อให้ประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป พร้อมทั้งเห็นชอบในข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ