ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “แก๊งคนดี” ยังฉลองไม่สุด “สหภาพ พนง.ไทยพีบีเอส” ยื่นคำถามที่ต้องตอบปมซื้อหุ้นกู้เอกชน “ตระกูล ส.” ล็อกเก้าอี้ให้ “วิลาสินี”
คงดีใจกันไม่ค่อยสุด ฉลองกันไม่เต็มที่ .. สำหรับการขึ้นเถลิงอำนาจคุม “ไทยพีบีเอส” ของ “เจ๊ปุย” วิลาสินี พิพิธกุล (อดุลยานนท์) กับตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ที่ได้รับการโหวตจาก “บอร์ดนโยบาย” ด้วยคะแนน 2 ใน 3 ของที่ประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน .. นอกเหนือจากความไม่สง่างามในการขึ้นรับตำแหน่ง เพราะเป็นคนของ “ตระกูล ส.” แล้ว ก็ยังนัวเนียเรื่องผัวๆ เมียๆ ปฏิเสธลำบากว่า สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้เป็นสามีของ “มาดามปุย” จะไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย
อย่าลืมว่าที่มาของ “บอร์ดนโยบาย” มาจากการเลือกของ "ผู้จัดการ สสส." .. เขียนเป็นสมการง่ายๆ ว่า เมื่อ “ผู้จัดการ สสส.” เลือก “บอร์ดนโยบาย” แล้ว “บอร์ดนโยบาย” เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” ก็เท่ากับ “ผู้จัดการ สสส.” เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” หรือ “ผัวเลือกเมีย – สามีเลือกภรรยา” นั่นเอง แม้ว่าจะมีกระบวนการสรรหาให้ดูวุ่นวาย แต่ใครก็รู้ว่าเป็นเพียง “พิธีกรรมบังหน้า” เท่านั้น ยังไงๆ มันก็ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” จนทำให้ทั้งผัวทั้งเมียได้มาเสวยสุขบนกองภาษีบาปเหมือนๆ กัน
ไม่เท่านั้นตัว “วิลาสินี” ก็ยังมีชนักปักหลังจากปม “ซื้อหุ้นกู้เอกชน” กับ “ลูกพี่เก่า” อย่าง ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผอ.ไทยพีบีเอสคนเดิม ที่ต้องลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยมีลายเซ็น “วิลาสินี” ในฐานะรอง ผอ.ส.ส.ท. สมัยนั้นร่วมอนุมัติการซื้อหุ้นกู้อยู่ด้วย .. แม้ผลสอบของ “บอร์ดนโยบาย” จะบอกว่ากรณีนี้ไม่ขัดระเบียบที่ถูกกล่าวหา แต่ก็เข้าทำนอง “สอบกันเอง ครื้นเครงในกะลา” ที่ดูท่าคนนอกอย่าง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่รู้สึกครื้นเครงด้วย จนออกหนังสือด่วนให้ “บอร์ดนโยบาย ส.ส.ท.” ตั้งเรื่องสอบแล้วส่งผลกลับภายใน 2 เดือน .. แต่ดูท่า “บอร์ดนโยบาย” จะไม่สนใจ สตง. ก็แทนที่จะชะลอการสรรหา หรือล้มกระดานไปเลย กลับเลือก “วิลาสินี” ตบหน้าท้าทายไปซะงั้น .. แน่นอนว่ามาทรงนี้ “บอร์ดนโนบาย” ก็ต้องอุ้ม “เจ๊ปุย” ถอดชนักคาหลัง ด้วยการสรุปว่า ไม่มีความผิด ก็ถ้าทะลึ่งสอบใหม่แล้วสรุปว่าผิด ทีนี้ก็ความผิดเข้าตัวเอาสิ ..
ล่าสุด “สหภาพพนักงานไทยพีบีเอส” คงทนไม่ไหวกับการผลัดเปลี่ยนอำนาจ ราวกับเป็นสมบัติส่วนตัวของทั้ง “ตระกูล ส.” และ “ผัวเมียอดุลยานนท์” ก็ได้ยื่นหนังสือให้ “บอร์ดนโยบาย” ตอบคำถามทั้งเรื่องซื้อหุ้นกู้เอกชนที่สตง. ชี้ว่าไม่มีอำนาจ แต่บอร์ดดันฟอกขาวไปเรียบร้อย รวมทั้งประเด็นการเลือก “วิลาสินี” เป็น ผอ.ที่นอกจากข้อสังเกตของ แก้วสรร อติโพธิ กรรมการธรรมาภิบาลของ ส.ส.ท.เอง ที่มองว่า ไม่ถูกต้อง แถมกระแสข่าวล็อกตัว ผอ.ที่ตรงโป๊ะเชะกับผลการสรรหาเสียด้วย .. จับตาดูเหล่าผู้กล้าหน้าทนจะใช้ภาพ “แก๊งคนดี” เอาตัวรอดไปยังไง?
** จัดทัพ “ทอปบูต” เขย่าอีกนิดก็ลงตัว “บิ๊ก คสช.” ส่ง “น้องรัก-น้องเลิฟ” ยึดตำแหน่งหลัก อานิสงส์ เรือดำน้ำจีนส่ง “บิ๊กลือ” ขึ้นนำ“ตะหานน้ำ”
30 ก.ย. ของทุกปี ครบวงรอบปีตามปฏิทินราชการ จะต้องมีแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ หลังข้าราชการระดับสูงเกษียณอายุราชการ .. ข่าวว่าโผตำแหน่งข้าราชการระดับสูงหลายกระทรวงเสร็จมาร่วม 2 สัปดาห์เคาะกันลงตัวแล้ว แต่ก็โดน “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดเบรก ตีกลับไปให้ทำแผนยุทธศาสตร์ของแต่ละหน่วยงานแนบมาด้วย .. ดีนะที่เป็น “รัฐบาลทหาร” ถ้าเป็น “รัฐบาลเลือกตั้ง” ป่านนี้โดนด่าขรมแล้วว่า ดึงเช็ง เคาะชามข้าวอะไรรึป่าว .. โผ “ข้าราชการพลเรือน” ยังไม่จบ อีกด้านก็มี “โผข้าราชการทหาร” ตีขนาบมาแล้ว ทำไปทำมาอาจจะแซงโค้งได้เข้า ครม.ก่อนเสียด้วย ..
ปีนี้ “โผทหาร” ไม่ต้องลุ้นตัวโก่งเหมือนปีก่อน ที่มีการชิงชัยตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่เสร็จ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท แห่งรบพิเศษแบเร่ต์แดง และไม่มีกระแสข่าวโดนแซะเก้าอี้แต่อย่างใด .. แต่ก็ความเข้มข้นก็ยังมีพอสมควรเมื่อ “บิ๊กทหาร” ตามเหล่าทัพต่างๆ เกษียณกันไม่ใช่น้อย ตั้งแต่ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ต้องจากไปพร้อมรองปลัดอีก 3 คน ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทย “บิ๊กปุย” พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ก็เกษียณพร้อมกับ รอง ผบ.สส.ทั้ง 4 คน .. ส่วนระดับ ผบ.ปีนี้เกษียณคนเดียวคือ "บิ๊กณะ" พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ที่กองทัพบกก็เป็น คิว “บิ๊กแกละ” พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร แคนดิเดตชิง ผบ.ทบ.ที่พลาดหวังเมื่อปีก่อน
ตำแหน่งหลักที่น่าสนใจก็หนีไม่พ้น “ปลัดกลาโหม” ที่ถือเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพในทางปฏิบัติ โดยข่าวว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะโปรโมต “บิ๊กเข้” พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ข้ามห้วยมาเพื่อจับจองที่ให้ “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ที่จะขึ้นมาเสียบในปีหน้า .. ถือเป็นการเยียวยา “บิ๊กเข้” อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เคยอยู่ในไลน์ ผบ.ทบ. ต่อจาก “บิ๊กแกละ” ตามแผนยึดผังอำนาจของ “ป๋าป้อม” แต่เกิดคิวแทรกโดย “บิ๊กเจี๊ยบ” ทำเอาแผนล่ม ต้องจัดแจงหาที่นั่งให้น้องรักเสียใหม่ ..
อีกตำแหน่งที่มีข่าวว่าขับเคี่ยวกันพอเป็นพิธี ก็ในคิวของ ผบ.ทร. ที่ “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ที่ยังไม่ลอยลำ แต่ด้วยผลงานในการรับหน้าเสื่อโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน 3.6 หมื่นล้านแล้ว ก็ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหา .. ที่มีการขยับเป็นทอดๆ ก็คง "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่จะผละจากแม่ทัพภาคที่ 1 และ "บิ๊กแช" พล.ท.วิชัย แชจอหอ ที่จะผละจากแม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. มาเบียดดันขึ้น ผบ.ทบ.ปีถัดไป .. แล้วให้ “บิ๊กตู่เล็ก” พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 โดยมีชื่อ “บิ๊กหนุ่ย” พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ตามบี้อยู่ห่างๆ .. แน่นอนว่าหากไปถาม “บิ๊ก คสช.” ก็จะให้เหตุผลในการหยิบจับแต่ละตำแหน่งว่าเป็นตามความสามารถ-หลักอาวุโส แต่ลึกๆ แล้วต้องคำนึงถึงการควบคุมสถานการณ์ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” โดยเฉพาะการค้ำอำนาจ “รัฐบาล คสช.” ให้ตลอดรอดฝั่งแบบยาวไปๆ
** เปิดปม “อัยการ” ทำไมกล้ากร่างกับ “ตำรวจ” ด้วยสายงานที่ “เหนือกว่า” ตามลำดับขั้นในกระบวนการยุติธรรม
ยังเป็นที่โจษจันกับคลิปเสียงประจานพฤติกรรม “ชายอ้างว่าเป็นอัยการ” โชว์กร่าง แถวบางแสน จ.ชลบุรี ที่สืบไปสืบมาพบชื่อแซ่ว่า ธนพล จูฑะเตมีย์ มีตำแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคดียาเสพติด .. โดยในคลิปมีเสียง “อัยการธนพล” ต่อว่า 2 ตำรวจสายตรวจ สภ.แสนสุข อย่างรุนแรงกลางร้านอาหารแห่งหนึ่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เจอกันกลางถนน แล้วตำรวจไม่ยอมพาไปส่งที่ “ร้านป้าแดง ลาบอุบล” จนได้ฉายาว่า “อัยการหิวลาบ” ..
อ่านแค่นี้เหมือนจะเป็นเรื่องโจ๊ก แต่ถ้าได้ฟังคลิปแล้วก็โจ๊กกันไม่ออก .. เพราะมันสะท้อนว่าบ้านนี้เมืองนี้มียศฐาบรดาศักดิ์หน่อย ก็เบ่งกล้ามโชว์กร่าง ให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน กรณีนี้คู่กรณีเป็น “อัยการ” กับ “ตำรวจ” ก็มีความระคนสงสัยว่า ทำไมคนเป็น “อัยการ” ถึงกล้ากด “ตำรวจ” ไม่ไว้หน้าขนาดนั้น .. ก็ตำรวจในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย จะฟ้องคดีอะไรก็ต้องพึ่งดุลพินิจอัยการ ทำสำนวนดีให้ตาย อัยการไม่สั่งฟ้อง ก็ถึงทางตัน ทำให้ต้องเกรงอกเกรงใจกันตั้งแต่หัวยันหางนี่แหละ .. พิสูจน์ได้จาก “ผู้บัญชาการ” ของ 2 ตำรวจสายตรวจ หรือ พ.ต.อ.จารุวัฒน์ สุริยาทิพย์ ผกก.สภ.แสนสุข ที่คนในคลิปเรียกว่า “ไอ้มดแดง” เป็นคนโทรตามให้ลูกน้องไปขอโทษอัยการคนที่ว่า จนโดนด่าสาดเสียเทเสียนั่นแหละ .. ออกแนวไม่รักลูกน้อง ไม่รักษาศักดิ์ศรีองค์กร ท่าจะอนาคตดับนะท่านผู้กำกับ ..
ข่าวว่าทางสำนักอัยการสูงสุด ไม่สบายใจ เนื่องจากเสียภาพลักษณ์องค์กร ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ถ้าผิดจริง ก็จะโดนลงโทษหนัก .. ก็น่าตลกเวลาผู้ใหญ่ในบ้านเมืองขยับจะเอาเรื่องคนในองค์กร เพราะมีการขุดวีรกรรม “อัยการธนพล” เคยโด่งดังในโลกโซเชี่ยลมาแล้ว เมื่อปี 2558 ครั้งนั้นถูกถ่ายคลิปในอาการมึนเมาสุราแล้วขับรถต่อ ด่าตำรวจ สน.บึงกุ่ม จนถูกที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ย้ายจากสำนักงานอัยการคดียาเสพติด ไปประจำสำนักงานอัยการคดีแพ่งพร้อมลงโทษทางวินัย ไม่ให้เลื่อนตำแหน่ง 1 ปี พอเรื่องเงียบก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่สำนักงานอัยการคดียาเสพติดเหมือนเดิม ก่อนจะมา “หิวลาบ” ดังอีกคำรบนี่แหละ.
รูป
วิลาสินี พิพิธกุล
สุปรีดา อดุลยานนท์
พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ธนพล จูฑะเตมีย์
** “แก๊งคนดี” ยังฉลองไม่สุด “สหภาพ พนง.ไทยพีบีเอส” ยื่นคำถามที่ต้องตอบปมซื้อหุ้นกู้เอกชน “ตระกูล ส.” ล็อกเก้าอี้ให้ “วิลาสินี”
คงดีใจกันไม่ค่อยสุด ฉลองกันไม่เต็มที่ .. สำหรับการขึ้นเถลิงอำนาจคุม “ไทยพีบีเอส” ของ “เจ๊ปุย” วิลาสินี พิพิธกุล (อดุลยานนท์) กับตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) ที่ได้รับการโหวตจาก “บอร์ดนโยบาย” ด้วยคะแนน 2 ใน 3 ของที่ประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน .. นอกเหนือจากความไม่สง่างามในการขึ้นรับตำแหน่ง เพราะเป็นคนของ “ตระกูล ส.” แล้ว ก็ยังนัวเนียเรื่องผัวๆ เมียๆ ปฏิเสธลำบากว่า สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ผู้เป็นสามีของ “มาดามปุย” จะไม่รู้เห็นเป็นใจด้วย
อย่าลืมว่าที่มาของ “บอร์ดนโยบาย” มาจากการเลือกของ "ผู้จัดการ สสส." .. เขียนเป็นสมการง่ายๆ ว่า เมื่อ “ผู้จัดการ สสส.” เลือก “บอร์ดนโยบาย” แล้ว “บอร์ดนโยบาย” เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” ก็เท่ากับ “ผู้จัดการ สสส.” เลือก “ผอ.ไทยพีบีเอส” หรือ “ผัวเลือกเมีย – สามีเลือกภรรยา” นั่นเอง แม้ว่าจะมีกระบวนการสรรหาให้ดูวุ่นวาย แต่ใครก็รู้ว่าเป็นเพียง “พิธีกรรมบังหน้า” เท่านั้น ยังไงๆ มันก็ “ผลประโยชน์ทับซ้อน” จนทำให้ทั้งผัวทั้งเมียได้มาเสวยสุขบนกองภาษีบาปเหมือนๆ กัน
ไม่เท่านั้นตัว “วิลาสินี” ก็ยังมีชนักปักหลังจากปม “ซื้อหุ้นกู้เอกชน” กับ “ลูกพี่เก่า” อย่าง ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผอ.ไทยพีบีเอสคนเดิม ที่ต้องลาออกไปก่อนหน้านี้ โดยมีลายเซ็น “วิลาสินี” ในฐานะรอง ผอ.ส.ส.ท. สมัยนั้นร่วมอนุมัติการซื้อหุ้นกู้อยู่ด้วย .. แม้ผลสอบของ “บอร์ดนโยบาย” จะบอกว่ากรณีนี้ไม่ขัดระเบียบที่ถูกกล่าวหา แต่ก็เข้าทำนอง “สอบกันเอง ครื้นเครงในกะลา” ที่ดูท่าคนนอกอย่าง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไม่รู้สึกครื้นเครงด้วย จนออกหนังสือด่วนให้ “บอร์ดนโยบาย ส.ส.ท.” ตั้งเรื่องสอบแล้วส่งผลกลับภายใน 2 เดือน .. แต่ดูท่า “บอร์ดนโยบาย” จะไม่สนใจ สตง. ก็แทนที่จะชะลอการสรรหา หรือล้มกระดานไปเลย กลับเลือก “วิลาสินี” ตบหน้าท้าทายไปซะงั้น .. แน่นอนว่ามาทรงนี้ “บอร์ดนโนบาย” ก็ต้องอุ้ม “เจ๊ปุย” ถอดชนักคาหลัง ด้วยการสรุปว่า ไม่มีความผิด ก็ถ้าทะลึ่งสอบใหม่แล้วสรุปว่าผิด ทีนี้ก็ความผิดเข้าตัวเอาสิ ..
ล่าสุด “สหภาพพนักงานไทยพีบีเอส” คงทนไม่ไหวกับการผลัดเปลี่ยนอำนาจ ราวกับเป็นสมบัติส่วนตัวของทั้ง “ตระกูล ส.” และ “ผัวเมียอดุลยานนท์” ก็ได้ยื่นหนังสือให้ “บอร์ดนโยบาย” ตอบคำถามทั้งเรื่องซื้อหุ้นกู้เอกชนที่สตง. ชี้ว่าไม่มีอำนาจ แต่บอร์ดดันฟอกขาวไปเรียบร้อย รวมทั้งประเด็นการเลือก “วิลาสินี” เป็น ผอ.ที่นอกจากข้อสังเกตของ แก้วสรร อติโพธิ กรรมการธรรมาภิบาลของ ส.ส.ท.เอง ที่มองว่า ไม่ถูกต้อง แถมกระแสข่าวล็อกตัว ผอ.ที่ตรงโป๊ะเชะกับผลการสรรหาเสียด้วย .. จับตาดูเหล่าผู้กล้าหน้าทนจะใช้ภาพ “แก๊งคนดี” เอาตัวรอดไปยังไง?
** จัดทัพ “ทอปบูต” เขย่าอีกนิดก็ลงตัว “บิ๊ก คสช.” ส่ง “น้องรัก-น้องเลิฟ” ยึดตำแหน่งหลัก อานิสงส์ เรือดำน้ำจีนส่ง “บิ๊กลือ” ขึ้นนำ“ตะหานน้ำ”
30 ก.ย. ของทุกปี ครบวงรอบปีตามปฏิทินราชการ จะต้องมีแต่งตั้งโยกย้ายครั้งใหญ่ หลังข้าราชการระดับสูงเกษียณอายุราชการ .. ข่าวว่าโผตำแหน่งข้าราชการระดับสูงหลายกระทรวงเสร็จมาร่วม 2 สัปดาห์เคาะกันลงตัวแล้ว แต่ก็โดน “นายกฯตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ติดเบรก ตีกลับไปให้ทำแผนยุทธศาสตร์ของแต่ละหน่วยงานแนบมาด้วย .. ดีนะที่เป็น “รัฐบาลทหาร” ถ้าเป็น “รัฐบาลเลือกตั้ง” ป่านนี้โดนด่าขรมแล้วว่า ดึงเช็ง เคาะชามข้าวอะไรรึป่าว .. โผ “ข้าราชการพลเรือน” ยังไม่จบ อีกด้านก็มี “โผข้าราชการทหาร” ตีขนาบมาแล้ว ทำไปทำมาอาจจะแซงโค้งได้เข้า ครม.ก่อนเสียด้วย ..
ปีนี้ “โผทหาร” ไม่ต้องลุ้นตัวโก่งเหมือนปีก่อน ที่มีการชิงชัยตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่เสร็จ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท แห่งรบพิเศษแบเร่ต์แดง และไม่มีกระแสข่าวโดนแซะเก้าอี้แต่อย่างใด .. แต่ก็ความเข้มข้นก็ยังมีพอสมควรเมื่อ “บิ๊กทหาร” ตามเหล่าทัพต่างๆ เกษียณกันไม่ใช่น้อย ตั้งแต่ “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล ปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ต้องจากไปพร้อมรองปลัดอีก 3 คน ขณะที่กองบัญชาการกองทัพไทย “บิ๊กปุย” พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ก็เกษียณพร้อมกับ รอง ผบ.สส.ทั้ง 4 คน .. ส่วนระดับ ผบ.ปีนี้เกษียณคนเดียวคือ "บิ๊กณะ" พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ที่กองทัพบกก็เป็น คิว “บิ๊กแกละ” พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร แคนดิเดตชิง ผบ.ทบ.ที่พลาดหวังเมื่อปีก่อน
ตำแหน่งหลักที่น่าสนใจก็หนีไม่พ้น “ปลัดกลาโหม” ที่ถือเป็นผู้นำสูงสุดของกองทัพในทางปฏิบัติ โดยข่าวว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม จะโปรโมต “บิ๊กเข้” พล.อ.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. ข้ามห้วยมาเพื่อจับจองที่ให้ “บิ๊กณัฐ” พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ที่จะขึ้นมาเสียบในปีหน้า .. ถือเป็นการเยียวยา “บิ๊กเข้” อดีตแม่ทัพภาคที่ 1 ที่เคยอยู่ในไลน์ ผบ.ทบ. ต่อจาก “บิ๊กแกละ” ตามแผนยึดผังอำนาจของ “ป๋าป้อม” แต่เกิดคิวแทรกโดย “บิ๊กเจี๊ยบ” ทำเอาแผนล่ม ต้องจัดแจงหาที่นั่งให้น้องรักเสียใหม่ ..
อีกตำแหน่งที่มีข่าวว่าขับเคี่ยวกันพอเป็นพิธี ก็ในคิวของ ผบ.ทร. ที่ “บิ๊กลือ” พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารเรือ ที่ยังไม่ลอยลำ แต่ด้วยผลงานในการรับหน้าเสื่อโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำจีน 3.6 หมื่นล้านแล้ว ก็ดูแล้วไม่น่าจะมีปัญหา .. ที่มีการขยับเป็นทอดๆ ก็คง "บิ๊กแดง" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ที่จะผละจากแม่ทัพภาคที่ 1 และ "บิ๊กแช" พล.ท.วิชัย แชจอหอ ที่จะผละจากแม่ทัพภาคที่ 2 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. มาเบียดดันขึ้น ผบ.ทบ.ปีถัดไป .. แล้วให้ “บิ๊กตู่เล็ก” พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 โดยมีชื่อ “บิ๊กหนุ่ย” พล.ต.ธรรมนูญ วิถี รองแม่ทัพภาคที่ 1 ตามบี้อยู่ห่างๆ .. แน่นอนว่าหากไปถาม “บิ๊ก คสช.” ก็จะให้เหตุผลในการหยิบจับแต่ละตำแหน่งว่าเป็นตามความสามารถ-หลักอาวุโส แต่ลึกๆ แล้วต้องคำนึงถึงการควบคุมสถานการณ์ในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” โดยเฉพาะการค้ำอำนาจ “รัฐบาล คสช.” ให้ตลอดรอดฝั่งแบบยาวไปๆ
** เปิดปม “อัยการ” ทำไมกล้ากร่างกับ “ตำรวจ” ด้วยสายงานที่ “เหนือกว่า” ตามลำดับขั้นในกระบวนการยุติธรรม
ยังเป็นที่โจษจันกับคลิปเสียงประจานพฤติกรรม “ชายอ้างว่าเป็นอัยการ” โชว์กร่าง แถวบางแสน จ.ชลบุรี ที่สืบไปสืบมาพบชื่อแซ่ว่า ธนพล จูฑะเตมีย์ มีตำแหน่ง อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานคดียาเสพติด .. โดยในคลิปมีเสียง “อัยการธนพล” ต่อว่า 2 ตำรวจสายตรวจ สภ.แสนสุข อย่างรุนแรงกลางร้านอาหารแห่งหนึ่ง เนื่องจากก่อนหน้านี้เจอกันกลางถนน แล้วตำรวจไม่ยอมพาไปส่งที่ “ร้านป้าแดง ลาบอุบล” จนได้ฉายาว่า “อัยการหิวลาบ” ..
อ่านแค่นี้เหมือนจะเป็นเรื่องโจ๊ก แต่ถ้าได้ฟังคลิปแล้วก็โจ๊กกันไม่ออก .. เพราะมันสะท้อนว่าบ้านนี้เมืองนี้มียศฐาบรดาศักดิ์หน่อย ก็เบ่งกล้ามโชว์กร่าง ให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน กรณีนี้คู่กรณีเป็น “อัยการ” กับ “ตำรวจ” ก็มีความระคนสงสัยว่า ทำไมคนเป็น “อัยการ” ถึงกล้ากด “ตำรวจ” ไม่ไว้หน้าขนาดนั้น .. ก็ตำรวจในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย จะฟ้องคดีอะไรก็ต้องพึ่งดุลพินิจอัยการ ทำสำนวนดีให้ตาย อัยการไม่สั่งฟ้อง ก็ถึงทางตัน ทำให้ต้องเกรงอกเกรงใจกันตั้งแต่หัวยันหางนี่แหละ .. พิสูจน์ได้จาก “ผู้บัญชาการ” ของ 2 ตำรวจสายตรวจ หรือ พ.ต.อ.จารุวัฒน์ สุริยาทิพย์ ผกก.สภ.แสนสุข ที่คนในคลิปเรียกว่า “ไอ้มดแดง” เป็นคนโทรตามให้ลูกน้องไปขอโทษอัยการคนที่ว่า จนโดนด่าสาดเสียเทเสียนั่นแหละ .. ออกแนวไม่รักลูกน้อง ไม่รักษาศักดิ์ศรีองค์กร ท่าจะอนาคตดับนะท่านผู้กำกับ ..
ข่าวว่าทางสำนักอัยการสูงสุด ไม่สบายใจ เนื่องจากเสียภาพลักษณ์องค์กร ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ถ้าผิดจริง ก็จะโดนลงโทษหนัก .. ก็น่าตลกเวลาผู้ใหญ่ในบ้านเมืองขยับจะเอาเรื่องคนในองค์กร เพราะมีการขุดวีรกรรม “อัยการธนพล” เคยโด่งดังในโลกโซเชี่ยลมาแล้ว เมื่อปี 2558 ครั้งนั้นถูกถ่ายคลิปในอาการมึนเมาสุราแล้วขับรถต่อ ด่าตำรวจ สน.บึงกุ่ม จนถูกที่ประชุมสำนักงานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.) ย้ายจากสำนักงานอัยการคดียาเสพติด ไปประจำสำนักงานอัยการคดีแพ่งพร้อมลงโทษทางวินัย ไม่ให้เลื่อนตำแหน่ง 1 ปี พอเรื่องเงียบก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่สำนักงานอัยการคดียาเสพติดเหมือนเดิม ก่อนจะมา “หิวลาบ” ดังอีกคำรบนี่แหละ.
รูป
วิลาสินี พิพิธกุล
สุปรีดา อดุลยานนท์
พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ธนพล จูฑะเตมีย์