อาจารย์ ดร. อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ผู้อำนวยการศูนย์คลังปัญญาและสารสนเทศ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผู้อำนวยการศูนย์คลังปัญญาและสารสนเทศ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สาขาวิชา Business Analytics and Intelligence
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน ทรงเป็นพระสายวิปัสนากรรมฐาน มีความสมถะ และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเป็นอย่างยิ่ง ไม่โปรดสะสมทรัพย์ใดๆ นอกจากการปฏิบัติธรรมเป็นอริยทรัพย์อันแสนประเสริฐ แม้กระทั่งเมื่อชาวบ้านหรือผู้มีศรัทธามาถวายเงินก็ตรัสว่าจะเป็นบาป “อย่าเอาเงินมาถวาย พระรับเงินรับทองเป็นอาบัติที่รุนแรงมาก พุทธศาสนาของเราเสื่อมลงทุกวันนี้ คิดให้ดี เป็นเพราะโยมไม่ศึกษาพระธรรมวินัย เมื่อไหร่พวกเราจะเลิกทำบาปเสียที หยุดเอาเงินให้พระ หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา หยุดสร้างกลุ่มเบ็ญจราคีที่โสโครกโสมมเพิ่มขึ้น”
ผมเองได้เห็นการเข้าไปตรวจค้นอาณาจักรวัดพระธรรมกายแล้ว ได้แต่เสียดายที่เอาเงินมากมายมหาศาลไปใช้ในทางวัตถุนิยม ซื้อบุญ ขายบุญกันอย่างไม่มีสำนึก ไม่ได้เข้าใจแก่นแท้ของพระพุทธศาสนา และวัดทั้งหลายในสมัยนี้จำนวนมาก เอ่ยอะไรขึ้นมาก็เรี่ยไรหาเงิน ทำวัตถุมงคล พุทธพาณิชย์กันเกินแก่เหตุสมควรแก่สมณสารูป ไม่น่าศรัทธาเลย เคยกราบพระระดับเจ้าคุณชั้นรองสมเด็จกลับรู้สึกว่าท่านกิเลศมากกว่าเราเสียอีก มีแต่ความอยากมีอยากได้ตำแหน่ง อยากสร้างโน่นนี่นั่น พระบางองค์ก็ประจบคนมีเงินคนมีอำนาจอย่างน่าเกลียดไม่สำรวม วัดหลายแห่งร่ำรวยเหลือเกิน แต่วัดเป็นนิติบุคคลประเภทเดียวที่ไม่ต้องทำบัญชี ไม่ต้องมีผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาติมาตรวจบัญชี ทำให้เกิดวัดครึ่งกรรมการครึ่ง หรือเจ้าอาวาสฟาดเงินวัดก็มี
ไม่ได้บอกให้เลิกทำบุญนะครับผม วัดที่ยากจน ห่างไกล พระเณรต้องเรียนหนังสือ ศึกษาพระธรรม ก็ยังมี แต่ไม่ควรทำบุญเพื่อส่งเสริมวัตถุนิยมหรือสร้างอะไรใหญ่โตเกินความจำเป็น วัดจำนวนมาก โดยเฉพาะในเมืองไม่ได้ขัดสนแต่อย่างใดครับผม
แต่โรงพยาบาลของรัฐในขณะนี้ ขัดสน และสถานการณ์แย่มาก “พี่ตูน” ออกมาวิ่งหาเงินก็แล้ว นายกรัฐมนตรีให้งบกลางมาห้าพันล้านแล้ว แต่เราก็ยังประสบปัญหาอย่างรุนแรง ดังที่ นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ ประธานกรรมาธิการสาธารณสุข สภานิติบัญญัติแห่งชาติได้เขียนเพื่อนำเสนอข้อเท็จจริงไว้ว่า
เหตุผลหลักของการต่อต้านการร่วมจ่าย คือ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนยากจนจะหายไป ความภูมิใจในการใช้สิทธิในการมารับการรักษาจากโรงพยาบาลจะหมดไปเมื่อตนเองต้องกลายเป็นชนชั้นสอง กลายเป็นผู้ยากไร้ที่รัฐต้องสงเคราะห์เหมือนในอดีต แต่เมื่อดูสถานการณ์การเงินของรพ.ในสังกัดสธ. จากหนังสือของรัฐมนตรีที่มีไปถึงเลขาครม. สรุปสถานการณ์ของหน่วยบริการสาธารณสุขในปีงบประมาณ ๒๕๕๙ ว่า ๑.สถานะเงินบำรุงติดลบจำนวน ๔๗๐ แห่ง เป็นเงิน ๘,๘๔๕.๒๗ ลบ. ๒.มีทุนสำรองหมุนเวียน (Net Working Capital: NWC) ติดลบจำนวน ๒๒๕ แห่ง เป็นเงิน ๒,๒๙๙.๖๔ ลบ. ๓.มีหนี้ค้างจ่ายค่าตอบแทนกำลังคนสาธารณสุข บุคคลากรในสังกัด จำนวน ๒,๖๔๑.๖๐ ลบ. อันเป็นที่มาของการอนุมัติงบกลางกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น โดยท่านนายกฯพล อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กับหน่วยบริการสาธารณสุข จำนวน ๕,๐๐๐ ลบ.เพื่อแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินดังกล่าว คงต้องมีการแก้ไขในระยะยาวต่อไป เพราะสำนักงบฯไม่สามารถจัดสรรงบฯให้ได้อย่างเพียงพอ เหมือนกับทุกๆปีที่ผานไป ปี ๖๑ ก็ได้งบกองทุนบัตรทองเพิ่มมาเพียงร้อยละ ๑.๗๕ ไม่เพียงพอกับต้นทุนที่เพิ่ม...สธ.ขอแปรญัตติไปที่ ครม.เพียง ๕,๒๔๖.๒ ล้านบาทก็ไม่ได้ลงไปยังพื้นที่โดยตรง เพียงแต่ลดค่าใช้จ่ายเงินบำรุงด้านบุคคลากรและจัดสรรให้กับคลีนิกหมอครอบครัว ส่วนค่าตอบแทนบุคคลากรก็เพียงขอไปเท่าปีที่ผ่านๆมา...ไม่ได้เพิ่มขึ้น หนีไม่พ้นที่จะต้องหาเงินมาเพิ่มให้กับระบบบัตรทอง ง่ายที่สุดคือเพิ่มสัดส่วนของงบประมาณฯ ถ้าหาเพิ่มได้ก็ไม่จำเป็นต้องร่วมจ่าย มิฉะนั้น อาจต้องถามประชาชนว่าเห็นเป็นประการใด เอาเงินคนรวยมาช่วยคนจนที่ลงทะเบียนไว้ ๑๔ ล้านคน ได้หรือไม่ เพราะผู้ยากไร้ย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กม.บัญญัติอยู่แล้ว (รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ม.๔๗ วรรคสอง) ถ้าหาเงินมาเพิ่มไม่ได้ ร่วมจ่ายก็ไม่มี รพ.ขาดทุนไปเรื่อนๆ ประชาชนนั่นเองที่จะได้รับผลกระทบในท้ายสุดโดยเฉพาะผู้ยากไร้ เพราะคนรวยมีทางเลือกอื่น ครับ |
ขอยกตัวอย่างให้ฟังว่าแม้กระทั่งโรงพยาบาลศิริราช อันเป็นโรงพยาบาลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขาดทุนปีละประมาณ 700 ล้าน จากบัตรทอง ได้ทราบมาว่าแม้แต่โรงพยาบาลราชวิถีและโรงพยาบาลภูมิพลก็ขาดทุนจากบัตรทองประมาณปีละ 400 ล้านบาท โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์นั้นขาดทุนจากบัตรทองประมาณ 500 ล้านบาทต่อปีจากบัตรทอง ส่วนโรงพยาบาลรามาธิบดี ผมไม่ทราบตัวเลข ยังไม่ได้ถาม
โรงพยาบาลขนาดใหญ่ และโรงเรียนแพทย์เหล่านี้ขาดทุนจากการรับคนไข้หนักที่ refer มาจากทั่วราชอาณาจักร ที่รักษากันไม่ไหวแล้ว และโรงพยาบาลเหล่านั้นก็ขาดทุนบักโกรกจนไม่มีเงินส่ง refer มาด้วย 700 บาทตามระเบียบของบัตรทอง
ผมได้ยินกับหูจากผู้บริหารศิริราชว่า ผู้บริหารศิริราชเอง บอกว่า ที่ส่งมาก็ลูกศิษย์เราทั้งนั้น เขาหวังพึ่งเราเพราะเขาก็รักษากันจนหมดฝีมือและความสามารถแล้ว ยังไงก็คนไข้ของลูกศิษย์เรา เราต้องช่วย ถ้าเราไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยลูกศิษย์ของเราและประชาชน
เรื่องเงินที่ขาดทุนก็คงต้องหากันไป ศิริราชมูลนิธิก็คงต้องหาเงินบริจาคหนักมาก โรงพยาบาลศิริราชปิยมหาราชการุณย์ เลยจำเป็นอย่างยิ่งทำให้ได้เป็นผู้ให้และผู้รับในเวลาเดียวกัน
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นั้นโชคดี มีสภากาชาดไทย และเจ้านายทรงงานหนักมาก พระเมตตาบารมีปกแผ่ให้ประชาชน ไม่เช่นนั้นก็คงอยู่ไม่ได้ไปแล้วเช่นกัน
โรงเรียนแพทย์ในต่างจังหวัด เช่น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยขอนแก่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็คงจะลำบากไม่ใช่น้อย อยู่ในอาการเดียวกัน และน่าจะหาเงินบริจาคได้ยากยิ่งกว่าโรงเรียนแพทย์ในกรุงเทพ จึงน่าเห็นใจเสียยิ่งกว่า
บ้านเราอยู่รอดด้วยเมตตา และการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
เลิกทำบุญสร้างพระเจดีย์ โบสถ์ อันมโหฬาร โอฬาริกเถิดครับผม พระอริยสงฆ์ เช่น หลวงตามหาบัว หรือองค์อื่นๆ ท่านก็สร้างโรงพยาบาล หลวงพ่อจรัญ ก่อนละสังขารท่านก็บริจาคให้ศิริราช 50 ล้านบาทเพื่อช่วยชีวิตคน
ภาษิตจีนกล่าวว่า ช่วยชีวิตคนได้กุศลยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น
บ้านเราขาดแคลนเรื่องโรงพยาบาลจริงๆ วัดอาจจะมีเยอะมากพอแล้ว ทำบุญกับโรงพยาบาลกันเถิดครับผม ได้บุญจริงๆ ได้ช่วยชีวิตคนด้วยนะครับผม
โรงพยาบาลทั้งหลายก็ลองไปกราบพระเกจิอาจารย์ให้ท่านเมตตาช่วยก็ดีนะครับ ท่านมีบารมีพอจะช่วยได้พอสมควรเลยแหละครับ