นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงร่าง พ.ร.บ.การจัดยุทธศาสตร์ชาติ อาจขัดแย้งรธน.ว่าเป็นความคิดเห็นของนายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ แต่เท่าที่สอบถามภายในพรรคก็เห็นตรงกันว่า การมีส่วนร่วมในการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ เป็นเรื่องเจตนารมย์ของรธน.
อย่างไรก็ตาม การให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งในกระบวนการร่างกฎหมาย และตอนจัดทำยุทธศาสตร์ชาติกำหนดไว้น้อยมาก ซึ่งรัฐบาลอาจอ้างเรื่องระยะเวลาที่ถูกจำกัด ซึ่งถ้าไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ยุทธศาสตร์นั้นจะเป็นเพียงของผู้เขียน
"ผมไม่ค่อยเชื่อในแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะโลกปัจจุบันทำอย่างนั้นยาก แต่เมื่อมี ก็ต้องหาทางให้มันเกิดเจตนารมณ์ร่วมของสังคม ยุทธศาสตร์จึงจะเดินได้อย่างต่อเนื่อง จะต้องเสนอเหมือนกฎหมาย ที่ต้องส่งให้ ส.ส และ ส.ว.พิจารณาด้วย แต่วันนี้มีเพียงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คำถามคือ สนช.จะสามารถเป็นตัวแทนของประชาชนได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังแสดงเจตนาชัด ที่จะจำกัดการมีส่วนร่วมอีกด้วย โดยกำหนดว่าในกรณีเลือกตั้งเร็ว สนช.หมดวาระ ก็ไม่ให้ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งพิจารณา แต่ให้ ส.ว.ชุดแรกพิจารณาแทน ซึ่ง ส.ว.ก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า กรณีกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ ขัดรธน. มาตรา 3 เรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรธน. หรือไม่นั้น อาจมองได้ว่า อำนาจอธิปไตยไม่เป็นของตัวแทนปวงชนชาวไทย เพราะสร้างระบบขึ้นมาตีกรอบให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ในอีกมุมอาจมองได้อีกว่า ไม่ขัด เพราะเป็นรธน.เหมือนกัน มีการกำหนดให้ทำยุทธศาสตร์ชาติ ดังนั้นภาระจึงตกหนักที่ผู้ร่างฯ ยุทธศาสตร์ ว่าจะทำอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของประเทศ ไม่เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลชุดต่อๆไป ซึ่งเขามีความจำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาของประเทศ และบางครั้งต้องใช้นวัตกรรมในเชิงนโยบาย
อย่างไรก็ตาม การให้ประชาชนมีส่วนร่วม ทั้งในกระบวนการร่างกฎหมาย และตอนจัดทำยุทธศาสตร์ชาติกำหนดไว้น้อยมาก ซึ่งรัฐบาลอาจอ้างเรื่องระยะเวลาที่ถูกจำกัด ซึ่งถ้าไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ยุทธศาสตร์นั้นจะเป็นเพียงของผู้เขียน
"ผมไม่ค่อยเชื่อในแนวทางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพราะโลกปัจจุบันทำอย่างนั้นยาก แต่เมื่อมี ก็ต้องหาทางให้มันเกิดเจตนารมณ์ร่วมของสังคม ยุทธศาสตร์จึงจะเดินได้อย่างต่อเนื่อง จะต้องเสนอเหมือนกฎหมาย ที่ต้องส่งให้ ส.ส และ ส.ว.พิจารณาด้วย แต่วันนี้มีเพียงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คำถามคือ สนช.จะสามารถเป็นตัวแทนของประชาชนได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ยังแสดงเจตนาชัด ที่จะจำกัดการมีส่วนร่วมอีกด้วย โดยกำหนดว่าในกรณีเลือกตั้งเร็ว สนช.หมดวาระ ก็ไม่ให้ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งพิจารณา แต่ให้ ส.ว.ชุดแรกพิจารณาแทน ซึ่ง ส.ว.ก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง"
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า กรณีกฎหมายยุทธศาสตร์ชาติ ขัดรธน. มาตรา 3 เรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรธน. หรือไม่นั้น อาจมองได้ว่า อำนาจอธิปไตยไม่เป็นของตัวแทนปวงชนชาวไทย เพราะสร้างระบบขึ้นมาตีกรอบให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ในอีกมุมอาจมองได้อีกว่า ไม่ขัด เพราะเป็นรธน.เหมือนกัน มีการกำหนดให้ทำยุทธศาสตร์ชาติ ดังนั้นภาระจึงตกหนักที่ผู้ร่างฯ ยุทธศาสตร์ ว่าจะทำอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของประเทศ ไม่เป็นอุปสรรคต่อรัฐบาลชุดต่อๆไป ซึ่งเขามีความจำเป็นจะต้องแก้ไขปัญหาของประเทศ และบางครั้งต้องใช้นวัตกรรมในเชิงนโยบาย
