สมเด็จพระเทพฯ เสด็จเป็นองค์ประธานประชุมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในหลวง ร. 9 วันที่ 26 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล "วิษณุ" เผยความชัดเจนการจัดดอกไม้จันทน์ - เตรียมรองรับแขกร่วมพิธี 7,000-7,500 ที่นั่ง งดให้ประชาชนเข้าพื้นที่มณฑลพิธี แต่กันฝั่งจัดมหรสพให้เข้าได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุม คณะกรรมการฝ่ายพิธีการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นการประชุมเพื่อเตรียมรายงานใน การประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯมาเป็นองค์ประธานการประชุม โดยตนรับผิดชอบในส่วนของพิธีการ จึงได้มีการซักซ้อมความเข้าใจในเรื่องการเชิญชวนประชาชนไปทำดอกไม้จันทน์ และการวางดอกไม้จันทน์ในวันถวายพระเพลิง ซึ่งมีความชัดเจนในส่วนของต่างประเทศ ต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ โดยในต่างประเทศ และต่างจังหวัด อาจจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกวางก่อนหน้าวันถวายพระเพลิง เพื่อที่จะเก็บภาพเอาไว้ใช้ และเพื่อบรรเทาจำนวนคนที่จะแออัด ส่วนครั้งที่สอง จะเป็นวันถวายพระเพลิง คือ วันที่ 26 ต.ค.
ทั้งนี้ ดอกไม้จันทน์ทั้งในและต่างประเทศทุกแห่ง จะเลือกมาเพียงบางดอก เพื่อนำเข้ามาที่กรุงเทพ เพื่อนำมาใช้ร่วมในการพิธีถวายพระเพลิง ส่วนที่เหลือ จะนำไปรวมกับดอกไม้จันทน์ ที่ประชาชนวางในวัดแต่ละจังหวัดเพื่อร่วมในพิธีเผา ส่วนในต่างประเทศจะใช้วิธีเผา ฝัง หรือลอยน้ำ แล้วแต่ธรรมเนียมของท้องถิ่นนั้นๆ
นายวิษณุ กล่าวว่า ในวันงานพระราชพิธี ประชาชนไม่สามารถเข้าไปในบริเวณท้องสนามหลวง ในส่วนที่เป็นมณฑลพิธีได้ แต่สามารถเข้าไปในส่วนของโรงละครแห่งชาติ ที่ได้มีการกันไว้เป็นในส่วนของมหรสพ ส่วนผู้ที่จะเข้าไปในส่วนพระเมรุมาศ จะต้องมีบัตรติดทุกคน ซึ่งบัตรที่ติดนั้น จะมีสีแสดงให้ทราบว่าแต่ละบุคคลจะนั่งตรงจุดไหน ส่วนการเชิญแขกนั้น ทางสำนักพระราชวังได้มอบให้รัฐบาลเป็นผู้พิจารณาดำเนินการ ซึ่งมีการจัดที่นั่งไว้รองรับทั้งหมดประมาณ 7,000-7,500 ที่นั่ง แต่ในความเป็นจริง อาจจะเหลือประมาณ 5,000 ที่นั่ง เพราะอีก 2,000 ที่นั่ง ต้องกันไว้ให้คนที่จะเข้ามาอยู่ในริ้วขบวน
สำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมพิธี ไม่ว่าจะเป็นทูต คณะรัฐมนตรี (ครม.) พระบรมวงศานุวงศ์ พระอนุวงศ์ หรือแม้กระทั่งผู้มีตำแหน่งต่างๆ จะไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปได้ จะต้องนำรถไปจอดในที่จัดไว้ เมื่อถึงเวลาจะมีรถบัสรับ-ส่งเข้าไปงาน ซึ่งจะต้องเข้าไป 3 ครั้ง คือ 1 . รอรับขบวนเชิญพระบรมโกศ ช่วงเวลา 08.00-09.00 น. 2. ตอนถวายพระเพลิงเวลาประมาณ 17.00 น. และ 3.ช่วงถวายพระเพลิงจริง เวลาประมาณ 22.00 น. ส่วนของประชาชนที่จะร่วมงาน รัฐบาลต้องเตรียมการอย่างไรบ้างนั้น ทั้งหมดนี้จะนำเข้าที่ประชุม วันที่ 26 มิ.ย. ซึ่งสมเด็จพระเทพฯจะเสด็จมาเป็นองค์ประธานและวินิจฉัย
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุม คณะกรรมการฝ่ายพิธีการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า เป็นการประชุมเพื่อเตรียมรายงานใน การประชุมคณะกรรมการอำนวยการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 26 มิ.ย.นี้ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเสด็จฯมาเป็นองค์ประธานการประชุม โดยตนรับผิดชอบในส่วนของพิธีการ จึงได้มีการซักซ้อมความเข้าใจในเรื่องการเชิญชวนประชาชนไปทำดอกไม้จันทน์ และการวางดอกไม้จันทน์ในวันถวายพระเพลิง ซึ่งมีความชัดเจนในส่วนของต่างประเทศ ต่างจังหวัด และกรุงเทพฯ โดยในต่างประเทศ และต่างจังหวัด อาจจัดพิธีวางดอกไม้จันทน์ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกวางก่อนหน้าวันถวายพระเพลิง เพื่อที่จะเก็บภาพเอาไว้ใช้ และเพื่อบรรเทาจำนวนคนที่จะแออัด ส่วนครั้งที่สอง จะเป็นวันถวายพระเพลิง คือ วันที่ 26 ต.ค.
ทั้งนี้ ดอกไม้จันทน์ทั้งในและต่างประเทศทุกแห่ง จะเลือกมาเพียงบางดอก เพื่อนำเข้ามาที่กรุงเทพ เพื่อนำมาใช้ร่วมในการพิธีถวายพระเพลิง ส่วนที่เหลือ จะนำไปรวมกับดอกไม้จันทน์ ที่ประชาชนวางในวัดแต่ละจังหวัดเพื่อร่วมในพิธีเผา ส่วนในต่างประเทศจะใช้วิธีเผา ฝัง หรือลอยน้ำ แล้วแต่ธรรมเนียมของท้องถิ่นนั้นๆ
นายวิษณุ กล่าวว่า ในวันงานพระราชพิธี ประชาชนไม่สามารถเข้าไปในบริเวณท้องสนามหลวง ในส่วนที่เป็นมณฑลพิธีได้ แต่สามารถเข้าไปในส่วนของโรงละครแห่งชาติ ที่ได้มีการกันไว้เป็นในส่วนของมหรสพ ส่วนผู้ที่จะเข้าไปในส่วนพระเมรุมาศ จะต้องมีบัตรติดทุกคน ซึ่งบัตรที่ติดนั้น จะมีสีแสดงให้ทราบว่าแต่ละบุคคลจะนั่งตรงจุดไหน ส่วนการเชิญแขกนั้น ทางสำนักพระราชวังได้มอบให้รัฐบาลเป็นผู้พิจารณาดำเนินการ ซึ่งมีการจัดที่นั่งไว้รองรับทั้งหมดประมาณ 7,000-7,500 ที่นั่ง แต่ในความเป็นจริง อาจจะเหลือประมาณ 5,000 ที่นั่ง เพราะอีก 2,000 ที่นั่ง ต้องกันไว้ให้คนที่จะเข้ามาอยู่ในริ้วขบวน
สำหรับผู้ที่จะเข้าร่วมพิธี ไม่ว่าจะเป็นทูต คณะรัฐมนตรี (ครม.) พระบรมวงศานุวงศ์ พระอนุวงศ์ หรือแม้กระทั่งผู้มีตำแหน่งต่างๆ จะไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวเข้าไปได้ จะต้องนำรถไปจอดในที่จัดไว้ เมื่อถึงเวลาจะมีรถบัสรับ-ส่งเข้าไปงาน ซึ่งจะต้องเข้าไป 3 ครั้ง คือ 1 . รอรับขบวนเชิญพระบรมโกศ ช่วงเวลา 08.00-09.00 น. 2. ตอนถวายพระเพลิงเวลาประมาณ 17.00 น. และ 3.ช่วงถวายพระเพลิงจริง เวลาประมาณ 22.00 น. ส่วนของประชาชนที่จะร่วมงาน รัฐบาลต้องเตรียมการอย่างไรบ้างนั้น ทั้งหมดนี้จะนำเข้าที่ประชุม วันที่ 26 มิ.ย. ซึ่งสมเด็จพระเทพฯจะเสด็จมาเป็นองค์ประธานและวินิจฉัย
