xs
xsm
sm
md
lg

มหกรรม วาทกรรม ‘ธรรมาภิบาล’

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


เริ่มแล้วสำหรับคำถาม 4 ข้อของคุณท่านผู้นำในประเด็น “ธรรมาภิบาล” ให้ชาวบ้านส่งคำตอบไปยังศูนย์ดำรงธรรม จะมีใครใส่ใจตอบจริงจัง หรือมองว่าเป็นเพียงลีลายึกยักเพื่อหาเหตุนั่นนี่โน่นหวังสืบทอดยาวอำนาจ เมื่อดูแล้วว่ายังไม่ปลอดภัยที่จะลงจากหลังเสือ

อันที่จริง คำตอบผ่านสื่อต่างๆ จากหลายฝ่ายน่าจะเพียงพอเพื่อประเมินอารมณ์ของชาวบ้านซึ่งติดตามเหตุการณ์บ้านเมือง ไปถามชาวบ้านหนองหมาว้อ โคกอีแร้ง กิโล 2 คลองลึกเรื่อง “ธรรมาภิบาล” ระวังจะโดนย้อนถามว่าเป็น “ลูกของรัฐธรรมนูญใหม่” หรือ

คำสูงประดิดประดอยฟังดูโก้ ชาวบ้านบอกว่ามันสูงเกินหู ถามเด็กจบปริญญาบางสถาบันอาจทำสีหน้างงๆ ด้วยซ้ำ เพราะคำนี้เพิ่งดัดจริตแต่งขึ้นมาไม่กี่ปีนี่เอง ไล่หลังคำว่า “โลกาภิวัตน์” อะไรนั่น แต่ยังสู้คำว่า “ต้มยำกุ้ง” “ไอเอ็มเอฟ” ไม่ได้ เจ็บปวดใจกว่าเยอะ

คนที่จะส่งคำตอบให้ศูนย์ดำรงธรรมจัดอยู่ในประเภทห่วงบ้านเมือง จะมีทั้งชี้แนะด้วยความจริงใจ เจตนาดี หรืออาจถูกมองว่าเป็นพวกบ้องตื้นไม่ทันเกมแก่งแย่งอำนาจในกลุ่มผลประโยชน์ทั้งที่ยังอยู่ และพวกที่ร้องเย้วๆ รอให้จัดการเลือกตั้งตามโรดแหม็บๆ

พวกสมุนเหลี่ยมร้ายน่าจะส่งคำตอบมาบ้างเพื่อกวนประสาทคุณท่านและพวก คงยากที่คำตอบประเภทนี้จะถึงคุณท่าน ศูนย์ดำรงธรรมต้องกลั่นกรองเอาเฉพาะคำเสนอของคนที่จัดอยู่ในชุมชนนายแสนดี วจีไพเราะ ชมรมคนมองโลกสวยฟังเสียงนกร้อง ผีเสื้อบิน

คำถามที่ว่า “ถ้ามีการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะได้รัฐบาลมีธรรมาภิบาลหรือไม่?” อันนี้ถ้าฟังซ้ำบ่อยๆ แล้วรู้สึกว่าเป็นคำถาม “อย่างฮา” มากๆ ถ้ามาถามอีก คนถามจะโดนมองหน้าแล้วขอให้อธิบายว่า โปรดยกตัวอย่าง “ธรรมาภิบาล” ที่รัฐบาลควรมีซิ ว่ามีอะไรบ้าง!

เอ่อ! แล้วรัฐบาลปัจจุบันมีธรรมาภิบาลหรือยัง? อันนี้นักการเมืองก๊วนเหลี่ยมเคยถาม แต่ยังไม่มีใครตอบเป็นเพราะไม่รู้สึกระคายเคืองหรือไม่อยากเปิดช่องให้ต่อความยาวสาวความยืดให้สมุนเหลี่ยมตีกินก็สุดแล้วแต่จะคาดเดา หรืออาจเป็นความไม่สะดวกตอบ

กระพ้มว่านี่เป็นคำถามเสี่ยงสยิวมาก ดูแล้วทุกรัฐบาลสอบตกในธรรมาภิบาลด้านความใจซื่อมือสะอาด มีเจตนาดีทำงานเพื่อบ้านเมือง ไม่หวังลงทุนเข้ามาเพื่อถอนทุนบวกกำไรหลายเท่าตัว เอาเพียงแค่นี้ใครกล้าไปกล่าวสาบานในวัดพระแก้วก็ถือว่าสุดยอดแล้ว

ถ้ามีใครไปสาบานจริง แสดงว่าหมอนั่นกล้ามาก แบบนี้ “มันเอาแน่ โกงวันนี้ไปแก้คำสาบานวันหน้า” มาดูรัฐบาลของคุณท่านดูก็ได้ว่ามีอะไรที่เห็นชัดๆ ว่าขัดหลักธรรมาภิบาลอย่างไร บางเรื่องทำไปแล้วแต่มองข้ามประเด็นที่สังคมว่าไม่เหมาะสมแต่ตัวเองว่าดี

การจะตั้งรัฐบาลธรรมาภิบาลนั้น อันดับแรก ต้องไม่มีระบบอุปถัมภ์ ระบบเส้นสายเด็ดขาด ไม่มีระบบเพื่อนพ้องน้องพี่ อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า “Cronyism” หรือ “Nepotism” หรือ แม้แต่ “Favoritism” ต้องวัดที่ความรู้ความสามารถ นั่นคือ “Merit system” เท่านั้น

“ตั้งคนให้เหมาะกับงาน” “Put the right man on the right job” การใช้ระบบอาวุโสมาเหนือกว่าความรู้ความสามารถก็ไม่ถูกหลักธรรมาภิบาลแล้ว เพราะคนแก่กว่า ทำงานมานานกว่าไม่ได้หมายความว่าฉลาดกว่า เก่งกว่า หรือมือสะอาดกว่า

ระบบ “เพื่อนร่วมรุ่น” ไม่เป็นธรรมาภิบาลแน่นอน! ทุกวันนี้เป็นอย่างนี้หรือไม่? ไม่จำเป็นต้องตอบ หลายเหตุการณ์ฉาวโฉ่เกิดขึ้นมาให้ชาวบ้านได้รับรู้ แต่ไม่มีใครรู้สึกอาย!

ระบบที่กล่าวมาข้างต้นนั้นสังคมที่พัฒนา สังคมที่คนมีหิริโอตตัปปะจะไม่ทำ ประธานาธิบดีหญิงคนแรกเพิ่งโดนคดีอาญาขังคุกรอวันขึ้นศาลเพราะระบบเพื่อนพ้อง ข้อกล่าวหาไม่หนักหนาอะไร เพียงแค่ใช้อำนาจเพื่อนไปรีดไถเงินบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้น

บ้านเรามีระบบตามน้ำ ทวนน้ำ ใต้โต๊ะ บนโต๊ะ หักดิบ หักคอ ยังอยู่สบายๆ เพราะมีตัวช่วยในการดองคดีให้ยืดเยื้อจนชาวบ้านลืม ถ้าคดียังเดินหน้าด้วยความเร็วระดับทากเคลื่อนที่ ก็จะมีคนใช้ดุลพินิจ “สั่งไม่ฟ้อง” หรือปล่อยให้หมดอายุความไปอย่างหน้าด้านๆ

ระบบการแต่งตั้งเพื่อนพ้องน้องพี่ไม่ใช่มีเพียงในสยามเมืองยิ้มของหมู่เฮาเท่านั้น ที่ไหนเขาก็ทำกัน เช่นรัฐบาลสหรัฐฯ ทุกยุค ก็จะเอาคนในแวดวงธุรกิจ การเมือง หุ้นส่วนเข้ามาทำงาน เป็นรัฐมนตรีคุมหน่วยงานสำคัญแต่มีระบบตรวจสอบประวัติคุณสมบัติเข้มข้นสุดๆ

ถ้ามี “สีเทา” เป็นเงาลางๆ แค่นี้ก็ผ่านคณะกรรมาธิการของวุฒิสมาชิกยากแล้ว! บ้านเรามีทั้งสีดำคล้ำ กลิ่นเน่าโชย เป็นผีตายซาก หรือตายทั้งเป็น ก็ยังเข็นหามประคองมานั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเพราะเป็นคนสำคัญผู้นำรัฐบาลเกรงใจ มีหนี้บุญคุณมาแต่ชาติปางก่อน

วันก่อนมีอดีต ส.ส.มากกว่า 50 คนไปชุมนุมเป็นนัยว่าจะแสวงหาทางเลือกใหม่ภายใต้พรรคใหม่เอาน้ำเน่ามากผสมกับน้ำเน่าน้อย และพวกที่ยังมีสีขุ่นเพื่อเป็นฐานให้นายกฯ ที่จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้นำบ้านเมืองต่อไป ไม่ต้องถามว่าเป็นใคร

นี่ก็จะเป็นการเมืองระบบอุ้มชู ไม่ต่างจากยุคเสียสัตย์เพื่อชาติ เสียคนเพราะกระสันอำนาจ สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะเปิดหน้าโล่งโจ้งให้ชาวบ้านเห็นเจตนาไม่ซื่อ มีปัญหาเรื่องธรรมาภิบาลด้วยเหตุบกพร่องด้านหิริโอตตัปปะเรื้อรังแม้จะพยายามกลบรอยมานานแล้ว

จะมีรัฐบาลธรรมาภิบาลต้องได้หัวหน้ามีคุณสมบัติพร้อมด้านธรรมาภิบาลก่อนถึงจะได้มีจิตสำนึกเพื่อชาติ คัดสรรคนมาเป็นรัฐมนตรีไม่ใช่ระบบโควตานายทุนพรรคหรืออุปถัมภ์ค้ำชูแบบเพื่อนพ้องน้องพี่ ต้องมี Sense of mission และ Sense of urgency

นั่นคือการตระหนักถึงภารกิจจำเป็นต้องทำเร่งด่วนเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน ไม่มัวพูดพร่ำทำเพลงกรอกหูชาวบ้านทุกเย็นย่ำค่ำเช้า โอดครวญว่าทำงานหนักไม่มีใครเข้าใจถึงความล้มเหลวที่แก้ปัญหาไม่ได้ ทั้งๆ ที่ชาวบ้านเห็นชัดว่ายังพูดอย่างทำอย่าง

ผู้นำมีธรรมาภิบาลไม่ปล่อยให้ชาวบ้านตายผ่อนส่ง ด้วยพิษสารเคมีเกษตรหรอก!
กำลังโหลดความคิดเห็น