ผู้จัดการรายวัน360-ตำรวจคุมตัว 3 สาวสายโหด "เปรี้ยว-เอิร์น-แจ้" ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพ "น้องแอ๋ม" ทำแผนประกอบคำรับสารภาพ 7 จุดทั่วเมืองขอนแก่น ชาวบ้านนับพันคนแห่มุงดู พร้อมด่าตะโกนสาบแช่ง เผย 3 สาวก้มกราบขอขมาญาติ บอก "ไม่ได้ตั้งใจที่จะลงมือฆ่าน้องแอ๋ม แต่ทำไปด้วยความพลั้งเผลอ" ยายแอ๋มอโหสิกรรมให้ และขอให้เป็นรายสุดท้าย ส่วนคดีให้กฎหมายจัดการ ด้านโฆษกตำรวจออกโรงแจง ปล่อยผู้ต้องหาชิลๆ แค่จิตวิทยาให้เปิดปากสารภาพ ที่ปรึกษา สบ 10 ออกสำคัญห้ามตำรวจเซลฟี แล้วแชร์โลกออนไลน์ ล่าสุดศาลจังหวัดขอนแก่นไม่ให้ประกัน ส่งตัวเข้าเรือนจำทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 08.30 น. วานนี้ (5 มิ.ย.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. (ปป1) ลงพื้นที่ติดตามควบคุมการทำแผนประกอบคำรับสารภาพของผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ประกอบด้วย น.ส.ปรียานุช โนนวังชัย หรือเปรี้ยว อายุ 24 ปี น.ส.กวิตา ราชดา หรือเอิร์น อายุ 25 ปี และน.ส.อภิวันทน์ สัตยบัณฑิต หรือแจ้ อายุ 28 ปี ในคดีร่วมกันฆ่าหั่นศพ น.ส.วาริสรา กลิ่นจุ้ย หรือน้องแอ๋ม อายุ 22 ปี สาวร้านคาราโอเกะเขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น บริเวณจุดรีสอร์ตที่เกิดเหตุในจังหวัดขอนแก่น โดยมีประชาชนจำนวนมากเดินทางมาดูการทำแผนฯ รวมถึงกองทัพสื่อมวลชน
จุดแรกเริ่มเวลาประมาณ 08.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว 3 ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าหั่นศพน้องแอ๋ม ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งชานเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นจุดที่ใช้หั่นศพน้องแอ๋ม โดยใช้รถฮอนด้า ซีอาร์วี ที่ใช้ก่อเหตุมาประกอบการทำแผน เพื่อยืนยันขั้นตอน ตั้งแต่การยกศพลงจากรถไปจนถึงการหั่นศพในห้องน้ำรีสอร์ต หลังจากที่บริเวณประตูทางเข้ารีสอร์ต มีกล้องวงจรปิดจับภาพรถก่อเหตุไว้ได้ โดยจุดนี้ น.ส.เปรี้ยวได้บอกชื่อแก่เจ้าของรีสอร์ต และกลุ่มผู้ต้องหา ไม่จ่ายค่าเช่า จึงเป็นที่จดจำได้อย่างดี
จุดที่ 2 เป็นร้านสะดวกซื้อที่บ้านโนนทันในเขตเทศบาลนครขอนแก่น ผู้ต้องหาแวะซื้อถุงดำ
จุดที่ 3 เป็นร้านค้าในบ้านโนนทันผู้ต้องหาไปซื้อปูนซีเมนต์
จุดที่ 4 ห่างจากจุดที่ 2 ไม่กี่ร้อยเมตร เป็นจุดซื้อปูนซีเมนต์ที่ร้านอุปกรณ์ก่อสร้างและซื้อเลื่อย ถังน้ำ เสียม และถุงดำเพิ่มเติมที่ร้านค้าเบ็ดเตล็ด
จุดที่ 5 ริมถนนเหล่านาดีตัดกับถนนหน้าเมือง กลุ่มผู้ต้องหาขับรถซีอาร์วี มารับน้องแอ๋มบริเวณปากซอยหอพัก ซึ่งกล้องวงจรปิดร้านสะดวกซื้อสามารถจับภาพไว้ได้เช่นกัน ถือเป็นจุดต้นเรื่องที่นำมาสู่การเสียชีวิตของน้องแอ๋มในเวลาต่อมา
ทั้งนี้ ทุกจุดการทำแผนที่ผ่านมา มีประชาชนที่สนใจเข้ามามุงดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก บางส่วนมีอารมณ์โกรธแค้นร่วม แต่ก็เพียงตะโกนด่าทอท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด บรรยากาศโดยภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
ส่วนจุดที่เคยกำหนดไว้อย่างร้านลาบที่กลุ่มผู้ต้องหาวางแผน จุดรับเพื่อนผู้ต้องหาขึ้นรถ และจุดเช่ารถซีอาร์วี พนักงานสอบสวนยกเลิกการทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะมองว่า เป็นจุดย่อยๆ จากนั้นควบคุมตัวผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพต่อยังจุดที่ 6 ผู้ต้องหาได้นำเลื่อยไปทิ้งไว้ในป่าใกล้กับจุดฝังศพและจุดที่ 7 เป็นจุดฝังศพที่บ้านโนนสง่า อำเภอเขาสวนกวาง จังหวัดขอนแก่น
โดยในจุดนี้มีชาวบ้านมาเฝ้ารอดูการทำแผนประมาณ 1,000 คน เจ้าหน้าที่ต้องกันพื้นที่ เพื่อไม่ให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปยังบริเวณทำแผน ทันทีที่น.น.ปรียานุช มาถึงชาวบ้านที่มาเฝ้ารอได้ตะโกนด่าทอและสาปแช่งผู้ต้องหาที่ลงมือฆ่าน้องแอ๋มอย่างโหดเหี้ยม
จากนั้นตำรวจได้นำตัวมาขึ้นรถซีอาร์วี คันใช้ก่อเหตุ และชี้จุดบริเวณด้านท้ายรถ ก่อนจะนำตัวไปชี้จุดที่ใช้เป็นหลุมฝังศพ และตำรวจได้นำ 3 ผู้ต้องหามากราบขอขมา ญาติๆ ของน้องแอ๋ม ที่มาเฝ้ารอดูการทำแผนด้วย
โดยทั้งหมดได้ก้มกราบญาติน้องแอ๋ม พร้อมกับกล่าวว่า “ไม่ได้ตั้งใจที่จะลงมือฆ่าน้องแอ๋ม แต่ทำไปด้วยความพลั้งเผลอ”
ขณะที่ยายน้องแอ๋มได้กล่าวกับผู้ต้องหาว่า พร้อมอโหสิกรรมให้กับผู้ต้องหา และขอให้น้องแอ๋มเป็นรายสุดท้าย ส่วนการดำเนินคดีก็ให้เป็นไปตามกฎหมายสูงสุด ที่ทั้งหมดจะได้ชดใช้กับสิ่งที่ทำกับหลานสาว
สำหรับการทำแผนในครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง หลังเสร็จสิ้นการทำแผนเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังที่ศาลจังหวัดขอนแก่น ผลัดแรก 12 วัน
***ผู้ต้องหายืนยันหั่นศพที่รีสอร์ท
ที่ สภ.เขาสวนกวาง พล.ต.ต.เจริญวิทย์ ศรีวนิชย์ รอง ผบช.ภ. 4 กล่าวว่า การทำแผนในพื้นที่เกิดเหตุ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ผู้ต้องหาให้การสอดคล้องกัน และหลังทำแผนเสร็จ ได้นำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง และคัดค้านการประกันตัว
พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 กล่าวว่า จากการสอบสวนทั้งหมด ผู้ต้องหายังมี 5 คน คือ น.ส.ปรียานุช น.ส.กวิตา น.ส.อภิวันท์ นายวศิน นามพรหม และน.ส.จิดารัตน์ พรหมคุณ หรือ เบนซ์ ที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ และสาเหตุ ยังเป็นเรื่องเดิม คือ หักหลังกัน และโกรธแค้น โดยผู้ต้องหายืนยันว่าได้ทำการแยกร่างที่รีสอร์ท ซึ่งจะมีผลทางนิติวิทยาศาสตร์เข้ามายืนยันข้อชัดเจนอีกครั้ง
***ปล่อยให้ชิลแค่จิตวิทยาให้เปิดปาก
พล.ต.อ.เดชณรงศ์ สุทธิชาญบัญชา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในโซเชียลมีเดีย กรณีการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการควบคุมตัว น.ส.ปรียานุช และพวกรวม 3 คน ซึ่งเป็นผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพน้องแอ๋ม โดยในช่วงควบคุมตัว ได้มีภาพและคลิปในอิริยาบถที่ผ่อนคลาย เช่น แต่งหน้า ถ่ายรูปเล่น จนถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าสบายเกินพอดี ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพเก่า หรือใหม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบอีกครั้ง โดยต้นสังกัดได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว แต่เบื้องต้นเชื่อว่าการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจจะต้องมีจิตวิทยา เพื่อผ่อนคลาย ที่จะทำให้ผู้ต้องหาเปิดเผยข้อมูล เช่น ผู้ต้องหามีการรับสารภาพเพิ่มเติมว่ามีผู้ต้องหาชายอีก 1 คนที่ร่วมในการฆ่าหั่นศพ อีกทั้งคดีดังกล่าวเป็นคดีที่ร้ายแรงและตำรวจมีการแจ้งข้อกล่าวหาไปแล้ว 3-4 ข้อกล่าวหา ขอให้มั่นใจว่าตำรวจไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ต้องหารายใดเป็นพิเศษ
"ไม่จำเป็นต้องกำชับ เรื่องการควบคุมตัวผู้ต้องหา หรือการนำผู้ต้องหามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เพราะตำรวจทุกคนรู้ระเบียบขั้นตอน และวิธีปฏิบัติ ให้เป็นไปตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรี"พล.ต.อ.เดชณรงค์กล่าว
***สั่งห้ามตร.ถ่ายภาพ-วิดีโอแชร์โซเซียล
ที่ห้องประชุม ศปก.ตร.ครั้งที่ 155/2560 พล.ต.อ.กวี สภานันท์ ที่ปรึกษา (สบ 10) ได้ออกคำสั่ง กำชับทุกหน่วยให้แจ้งข้าราชการตำรวจสังกัดทุกนายทราบ โดยให้พึงระวัง หรือไม่กระทำการใดๆ เช่น การถ่ายภาพ วิดีโอ เผยแพร่ แชร์ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาในคดี แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นเข้าสู่สังคมออนไลน์หรือส่งต่อให้บุคคลอื่น เนื่องจากมีกรณีการกระทำในลักษณะดังกล่าว (ถ่ายภาพผู้ต้องหาคดีฆ่าหั่นศพในอิริยาบถต่างๆ) จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของข้าราชการตำรวจทางสื่อสังคมออนไลน์เป็นอย่างมากว่าเป็นการกระทำที่ไม่สมควร ไม่เหมาะสม จึงขอให้ข้าราชการตำรวจทุกนายพึงระลึกไว้เสมอว่าการทำงานของข้าราชการตำรวจต้องมีความเป็นกลาง มีจิตสำนึกว่าการกระทำใดๆ จะสร้างความเสียหายให้แก่องค์กร หน่วยงานตนเองหรือไม่
***ศาลขอนแก่นไม่ให้ประกันตัว
พ.ต.ท.ศุภฤกษ์ สุวรรณราษฎร์ รองผกก.สภ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น กล่าวว่า ศาลจังหวัดขอนแก่นได้พิจารณาแล้วมีคำสั่งไม่ให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย และทางตำรวจได้คุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปส่งยังเรือนจำกลางจังหวัดขอนแก่นแล้ว ส่วนในเรื่องทางคดี พนักงานสอบสวนมีเวลา 84 วัน ตามกฎหมายกำหนด เพื่อรวบรวมพยาน หลักฐาน ข้อมูลทั้งหมด เสนอต่ออัยการจังหวัดขอนแก่น เพื่อส่งฟ้องตามกระบวนการต่อไป