ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ยุคก่อนคนไทยจำนวนหนึ่งนิยมไป “ขุดทองซาอุฯ” ไปเป็น “โรบินฮูดในอเมริกา” ฯลฯ กระทั่งเข็มทิศของนักแสวงโชคเบนไปยังคาบสมุทรเกาหลี โดดร่มไปกับทัวร์ “ไปเป็นผีน้อยในเกาหลีใต้” ไหลทะลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายในคราบ “นักท่องเที่ยว” ส่งผลให้ “ตม.เกาหลี” เข้มงวดกับคนไทยอย่างหนักเพื่อ “สกัดกั้น-ส่งกลับ” กลุ่มผีน้อยลอบเข้าเมืองไปทำงานผิดกฎหมายในประเทศเกาหลีใต้
ในรอบหลายปีที่ผ่านมา ปริมาณคนไทยทำผิดกฎของทางการเกาหลีใต้สูงขึ้นทวีคูณ โดยเฉพาะกรณีการแฝงตัวเข้าไปทำงานอย่างผิดกฎหมาย อิงสถิติจากกระทรวงการต่างประเทศ เผยตัวเลขคนไทยที่ไปพำนักในเกาหลีใต้ มีคนไทยพำนักอยู่ 101,000 คน และมีผู้พำนักเกินกำหนดวีซ่าสูงถึง 57,490 คน (สำรวจ ล่าสุด มี.ค. 2560) ซึ่งในแต่ละปีมีคนไทยถูกส่งกลับประเทศกว่า 20,000 คน ส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวชาวไทยที่มีความประสงค์จะเดินทางไปท่องเที่ยวอย่างแท้จริง ดังเช่นที่ปรากฏเป็นข่าวดังหลายกรณีด้วยกัน
สะกดรอย “ผีน้อย” ในเกาหลีใต้
สำหรับแรงจูงใจที่ดึงดูดนักแสวงโชคลอบเข้าไปทำงานผิดกฎหมายในเกาหลีใต้ รศ.ดร.นภดล ชาติประเสริฐ จากภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ และที่ปรึกษาศูนย์เกาหลีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ว่า ประการแรก เดินทางง่ายเอื้อด้วยข้อตกลงของรัฐบาลไทยและรัฐบาลเกาหลีใต้ กล่าวคือ คนไทยสามารถเดินทางไปเกาหลีใต้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และสามารถพำนักนานถึง 90 วัน ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาตั้งแต่ยุคที่ทหารไทยไปช่วยรบในสงครามเกาหลี ด้วยความมิตรประเทศสำคัญร่วมสู้ศึกกันมา ประการถัดมา เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจแล้วและขาดแรงงานที่ใช้แรงงานหนัก เช่น ภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ฯลฯ ขณะที่ค่าจ้างขั้นต่ำของเกาหลีใต้ ปี 2560 ชั่วโมงละ 6,470 (ประมาณ190บาท) เทียบกับเมืองไทยสูงกว่าเกือบ 3 เท่า
ทั้งนี้ การลอบเข้าเมืองไปทำงานในเกาหลีใต้เป็นไปในลักษณะของการถูกชักชวน คือมีเพื่อนมีญาติลอบเข้าเมืองไปก่อนหน้าแล้ว พอเห็นว่าสามารถทำงานเก็บเงินได้ ก็มาชวนกันเป็นทอดๆ บวกกับทำเลที่ตั้งเกาหลีใต้เดินทางไปไม่ยาก ระยะบินไม่ไกล ค่าตั๋วเครื่องบินไม่แพง ยกตัวอย่าง ภาคเกษตรเกาหลีใต้ต้องการแรงงานจำนวนมากในฤดูร้อนซึ่งเป็นเก็บเกี่ยว ช่วงเดือน พ.ค. - มิ.ย. ไปเก็บเกี่ยวพืชผลสวน ซึ่งก็เป็นช่วงที่สภาพอากาศที่คนไทยอยู่ไม่ลำบาก ก็มีการชักชวนกันไปเพิ่มขึ้นเรื่อย เกิดกลุ่มนายหน้าเข้าแสวงหาผลประโยชน์คอยประสานงานให้เข้าไปทำงานผิดกฎหมายในเกาหลีใต้
“ตัวเลขชาวต่างชาติไปทำงานเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นตลอด เปิดช่องทางให้ชาวต่างชาติเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีแรงงานต่างชาติที่ถูกกฎหมายมีทุกระดับ ตั้งแต่ระดับเชี่ยวชาญเงินเดือนสูง เป็นผู้บริหาร อาจารย์ นักวิทยาศาสตร์ แรงงานหนัก เกาหลีไม่กีดกันชาวต่างชาติ เพียงแต่ว่าปัญหาคือกลุ่มลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เข้าไปโดยอ้างว่าเป็นนักท่องเที่ยว ซึ่งคนไทยบางส่วนก็อยู่ยาวได้สร้างปัญหาให้เขาเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องสวัสดิภาพความปลอดภัย เป็นเรื่องที่น่าวิตกครับ ซึ่งแรงงานกลุ่มนี้จะปรับตัวกับสังคมใหม่ค่อนข้างลำบาก และไม่มีหลักฐานว่าไปประสบความสำเร็จในดินแดนใหม่”
รศ.ดร.นภดล บอกด้วยว่า ทุกประเทศประสบปัญหาแรงงานเถื่อนลอบเข้าเมืองด้วยกันทั้งสิ้น หลายสิบปีมานี้นักแสวงโชคจากทั่วโลกเลือกพิกัดปักหมุดไปยังประเทศที่มีค่าแรงสูง ตั้งแต่สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ซาอุดิอาระเบีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น ฯลฯ ซึ่งตราบใดที่นายจ้างยังต้องการแรงงานราคาถูก ปัญหาการทะลักของแรงงานเถื่อนก็จะไม่มีวันหมดไป
ตม.เกาหลี ตาดีได้ ตาร้ายเสีย?
ประเด็นที่ต้องจับตาคือ มาตรการคัดกรองคนไทยเข้าประเทศของ ตม.เกาหลี ซึ่งใช้ดุลพินิจและบรรทัดฐานใดจำแนก “ผีน้อย” หนีทัวร์เข้าไปใช้แรงงานเถื่อน กับ “นักท่องเที่ยว” ที่มีความประสงค์เดินทางท่องเที่ยว เพราะหลายครั้งนักท่องเที่ยวตัวจริงถูกส่งตัวกลับ ขณะที่กลุ่มลอบเข้าไปทำงานผิดกฎหมายผ่านฉะลุย กระทั่ง พลเมืองไทยเคลือบแคลงถึงบรรทัดฐานของการปฏิบัติงาน ตม.เกาหลี
“ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นวาระสำคัญ เพราะว่าปล่อยให้ยืดเยื้อมันก็สะเทือนกับความรู้สึกของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย ความสัมพันธ์อันดีที่สืบทอดมายาวนานมันก็จะสะเทือนโดยใช่เหตุ เกาหลีต้องดูแลปัญหาตรงนี้ ขณะที่โปรโมทเคป๊อบ ละคระ ซีรี่ย์ เพลง แต่เกิดปัญหาลักษณะที่กระทบต่อความรู้สึกคนวงกว้าง แต่ผมเข้าใจว่าฝ่ายไทยก็อาจจะยังไม่ได้ทำอะไรมากเท่าที่ควร ให้ ตม.เกาหลี จัดการไปอย่างเดียว ผมว่าก็คงไม่พอนะครับ” รศ.ดร.นภดล กล่าว
ด้าน มุทิตา ปัทมธัญบวร ผู้จัดการบริษัท มิรันตีทริป จำกัด ให้ข้อมูลว่า คนไทยที่แฝงตัวไปกับทัวร์ลอบไปทำงานผิดกฎหมายในเกาหลีใต้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กระจายตัวไปตามทัวร์ของบริษัทต่างๆ เป็นปัญหาเรื้อรังที่มีมานานนับสิบปีแล้ว อย่างเมื่อ 2-3ปี ลูกทัวร์เดินทางไป 30 คน พอลงเครื่องหายหมด ผ่าน ตม.ได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนที่ผ่าน ตม. ได้หายไปหมดเลย
อย่างไรก็ตาม ตม.เกาหลี เริ่มเพ่งเล็งคนไทยอย่างหนักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้หากนักท่องเที่ยวเตรียมเอกสารหลักฐานยืนยันครบส่วนมากจะผ่าน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ต่อให้แสดงเอกสารมีเจตนาบริสุทธิ์เดินทางไปท่องเที่ยวก็มีเปอร์เซ็นต์ถูกส่งกลับประเทศสูงมาก สมมติทริปนี้ลูกทัวร์ 100 คน ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง 20 คน ส่วนอีก 80 คน โดนส่งกลับประเทศ
ทั้งนี้ ผลกระทบจากการลักลอบเข้าไปทำงานของคนไทยจำนวนหนึ่ง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเอเจนซี่ทัวร์ เนื่องจากลูกค้ากลัวไม่กล้าที่จะเดินทาง ไม่มีอะไรการันตีว่าไปแล้วจะได้เข้าประเทศไทยหรือไม่ ขณะที่ลูกค้าที่ต้องการไปเที่ยวเกิดความไม่เข้าใจว่า ทำไมทัวร์ไม่บอกแต่แรกว่าไปแล้วจะติด ตม. ไปแล้วจะมีปัญหาถูกส่งกลับ ถูกแบล็กลิสต์ แถมหลักเกณฑ์การทำงานของ ตม.เกาหลี จะเป็นไปในลักษณะ “สุ่มเรียก” อีกต่างหาก
มุทิตายอมรับว่า ในส่วนของลูกค้าทัวร์คงเป็นเรื่องยากที่ระบุชัดว่าใครไปเที่ยวจริงหรือแอบแฝง แต่คนที่ซื้อทัวร์ไปโดดจะมีลักษณะจำเพาะที่ ตม. จะเพ่งเล็งเป็นพิเศษ เช่น หน้าพาสปอร์ตระบุภูมิลำเนาต่างจังหวัด หนองบัวลำพู แพร่ พะเยา อุตรดิตถ์ อุดรธานี หนองคาย ฯลฯ ซึ่งลูกค้าทัวร์ที่เจตนาเดินทางไปเที่ยวจำเป็นต้องทราบโปรแกรมทัวร์ของตัวเอง ตอบคำถามเบื้องต้นได้ หากโดนกักตัว ตม.เกาหลี จะตรวจสอบเอกสารหลักฐานต่างๆ สังเกตพฤติกรรมร่วมด้วย
“วันนี้ขายทริป โซล เกาหลีใต้ 7,900 บาท ยังขายไม่ออก เกาะเชจู เกาหลีใต้ 6,900 บาท ยังขายไม่ได้ เป็นราคาที่ต่ำกว่าทุน ต้นทุนค่าล่อเข้าไป 13,000 - 14,000 บาท เอเจนซี่รับสภาวะขาดทุนกันทุกคน แต่ถามว่าทำไมถึงต้องขาย เพราะทุกคนจ่ายค่าตั๋วไปหมดแล้ว จำเป็นต้องขายราคานี้ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย” มุทิตา ขยายภาพพร้อมบอกด้วยว่า ตั้งแต่หลังสงกรานต์ คนไทยไปเที่ยวเกาหลีใต้น้อยมาก
หน้าชื่นอกตรม อยู่ 1 ปีได้แค่ 1 แสน
“เงินนี่แหละ ไปหาเงินนี่แหละ”
น.ส.หวาน นามสมมติ สาวอีสาน อายุ 31 ปี อดีตผู้ช่วยพ่อครัวร้านอาหารไทย ย่านพูซอน เกาหลีใต้ พูดขึ้นก่อนเล่าต่อไปว่า เมื่อปี 2558 เดินทางไปยังเกาหลีใต้ผ่านบริษัททัวร์แห่งหนึ่ง ไปทำงานผิดกฎหมายเป็นลูกจ้างร้านอาหารไทย จากการชักชวนของแฟนหนุ่มที่เดินทางล่วงหน้าไปทำงานในโรงงานอุตสาหกรรม เงินเดือน 70,000 บาท ซึ่งได้รับการชักชวนจากคนรู้จักกันในเกาหลีใต้เพราะเดินทางง่าย รายได้ดี
แต่การเริ่มต้นกลับไม่เป็นอย่างที่วาดฝัน แฟนหนุ่มของเธอถูกนายจ้างชาวเกาหลีใต้ปฏิเสธด้วยอายุที่เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 40 ปี เขาดิ้นรนหางานอยู่สักพักใหญ่ผ่านเฟซบุ๊กคนไทยในเกาหลีใต้ กระทั่ง ได้งานเป็นพ่อครัวประจำร้านอาหารไทย เงินเดือนอยู่ประมาณ 40,000 บาท โดยมีนายจ้างเป็นชาวเกาหลีใต้ จึงชักชวน น.ส.หวาน แฟนสาวมาทำงานในตำแหน่ง ผู้ช่วยพ่อครัว เงินเดือนประมาณ 27,000 บาท ทำงานทุกวันตั้งแต่ 9.00 น. - 22.00 น. ไม่มีวันหยุด
ระหว่างทำงานผิดกฎหมายใต้ชายคาร้านอาหารไทย ย่านพูซอน ต้องบอกว่าแทบไม่มีเวลาส่วนตัว หรือวันไหนหยุดก็ไม่กล้าเดินทางออกไปไกล เพราะกลัวถูกจับ น.ส.หวาน ยอมรับว่าตนเองและสามีใช้ชีวิตในเกาหลีใต้อยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ
“ทำงานเก็บเงิน เราไปไหนไม่ได้ เราไปเราก็กลัว มันก็เลยไม่ได้ไปไหน ถ้าไปก็ไปกับเถ้าแก่คนเกาหลี”
อีกอย่างต้องดูแลสุขภาพตัวเองไม่ให้เจ็บป่วย เพราะอยู่ต่างประเทศไม่มีสิทธิในการรักษาพยาบาล หากเจ็บป่วยหนักต้องเข้าโรงพยาบาลก็กลัวถูกส่งกลับประเทศ น.ส.หวาน บอกว่า รู้สึกกังวลไปหมดทุกเรื่อง กระทั่ง ล่วงเวลาไปปีเศษ ทั้งคู่ตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทย
“เราทั้งสองคนคิดแล้วว่าสงสารลูก ทั้งเราทำงานทั้งวันมันไม่มีเวลาส่วนตัวไม่มีเวลาพักผ่อนไม่มีวันหยุด เราพอแล้วน่าจะกลับไปได้แล้ว เพราะว่าอยู่ที่ต่างประเทศมันก็กดดันอยู่นั้น มันไม่ได้ดี มันไม่สะดวก จะไปเที่ยวก็เที่ยวไม่ได้”
ถามว่าเกาหลีใต้เป็นสวรรค์ของนักขุดทองหรือไม่?
เธอตอบชัดว่า “ไม่นะ สำหรับฉัน แต่คนอื่นไม่รู้ มันไม่เหมือนบ้านเรา มันต่างกันเยอะ กลับมาไทยก็มีเงินเก็บมาแสนเดียว”