xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

คุมสลากเกินราคา ยากยิ่งกว่าฝนทั่งให้เป็นเข็ม เตรียมปรับราคาใหม่ใบละร้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เสียงเชียร์กระหึ่มเมื่อคราวที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่ง รธน.ชั่วคราวฯ 2557 รื้อใหญ่กองสลาก ทั้งปลดบอร์ดยกชุด ทั้งรื้อโควตาและคุมราคาสลากใบละ 80 บาท ทว่า เวลาผ่านไปสองปีผลปรากฏออกมาแล้วว่ารัฐบาลลุงตู่คุมราคาหวยไม่สำเร็จ ปัญหาวนกลับมายังจุดเดิม

ผลสำรวจล่าสุดจาก ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ ซึ่งร่วมมือกับมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน เครือข่ายประชาชนปฏิรูปสลาก เครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน จัดงานเสวนา “2 ปี แก้ปัญหาสลาก 80 บาท ก้าวให้พ้นหวยออนไลน์” เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2560 ที่ผ่านมา ระบุไว้ชัดเจนว่าปัญหาสลากราคาแพงแก้ได้ยาก คอหวยที่เจอเลขเด็ดโดนใจ ยังยินดีควักจ่ายไม่อั้น อีกอย่างคือถือว่าช่วยเหลือคนขายที่เดินเร่บริการถึงที่ทุกตรอกซอกซอย

จากคำแถลงของ นายธน หาพิพัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ ระบุถึงการสำรวจปัญหาการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา งวดวันที่ 16 มีนาคม 2560 หลังจากสำนักงานสลากกินแบ่งของรัฐบาลได้พิมพ์สลากเพิ่มเป็น 71 ล้านฉบับ พบว่า แม้ประชาชนหาซื้อสลากฯได้ในราคา 80 บาท แต่ภาพรวมแล้วพบการขายสลากเกินราคาในทุกที่ เฉลี่ยอยู่ที่ 81.23 บาท โดยสถานที่ขายเกินราคาสูงที่สุด 3 แหล่งคือ ร้านอาหาร เฉลี่ยใบละ 85.26 บาท รองลงมา คือ วัด หรือศาสนสถาน ใบละ 85.04 บาท และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใบละ 84.69 บาท โดยราคาสูงสุดที่มีการจำหน่ายตามแหล่งต่างๆ อยู่ที่ 100 - 120 บาท ยกเว้นที่วัดหรือศาสนสถานราคาสูงสุดถึงใบละ 150 บาท

นอกจากนั้น ยังพบการจำหน่ายสลากแบบรวมชุด ซึ่งขายอยู่ที่ใบละ 100 บาท และสูงสุดอยู่ที่ใบละ 150 บาท เมื่อถามถึงเหตุผลในการซื้อสลากเกินราคา ผู้ซื้อ 46% ระบุว่า ไม่ได้ใส่ใจที่ต้องซื้อสลากแพง และยอมซื้อแพงเพื่อช่วยคนขาย ร้อยละ 39.5 ตอบว่า ไม่มีทางเลือก และร้อยละ 14 รู้สึกว่าถูกโกงจากการต้องซื้อสลากแพง

ไม่เพียงเท่านั้น เรื่องนี้อาจจะเข้าทำนองยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง อย่างที่ นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน ที่ร่วมงานเสวนา “2 ปี แก้ปัญหาสลาก 80 บาท ก้าวให้พ้นหวยออนไลน์” ในวันนั้น ได้สะท้อนว่า แม้การแก้ไขปัญหาของคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันจะน่าชื่นชม แต่ต้องยอมรับว่ามีผลข้างเคียงต่อสังคมและไม่เกิดผลที่ยั่งยืน การพิมพ์สลากเพิ่ม หรือการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างหวยออนไลน์อาจนำมาสู่ปัญหาใหม่ เช่น จะมีการเล่นพนันเพิ่มมากขึ้น เกิดผลกระทบต่อผู้ค้ารายย่อยที่จะถูกแย่งชิงตลาด และอาจมีการนำสลากออนไลน์มาขายต่อในราคาที่แพงกว่ากฎหมายกำหนด

“..... สลากฯเป็นการพนันที่มีอิทธิพลสูงต่อสังคม หากจะทำอะไรต้องคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อปัญหาการพนันในสังคมด้วย การที่รัฐจะแก้ปัญหาโดยเพิ่มจำนวนสลากฯหรือเพิ่มผลิตภัณฑ์ โดยยึดสมมติฐานของการแข่งขันเสรีไม่ใช่วิสัยที่สมควร ตรงกันข้ามรัฐควรควบคุมสินค้า จำนวนผู้ค้า รวมทั้งรูปแบบและวิธีการจำหน่ายต่างๆ เช่น ห้ามการรวมชุดขาย ห้ามเร่ขาย

“....ที่สำคัญ ต้องวางหลักให้กิจการสลากหลุดพ้นจากอิทธิพลครอบงำของฝ่ายการเมือง โดยปรับโครงสร้างของคณะกรรมการสลากฯให้มีสัดส่วนของตัวแทนจากภาคนอกราชการมากขึ้น มีที่มาอย่างโปร่งใส เพราะหากยังใช้โครงสร้างแบบเดิมๆ เมื่อ คสช. จากไปสภาพปัญหาแบบเดิมๆ จะกลับมา” นายธนากร ส่งเสียงเตือน

ขณะที่ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะประธานกรรมการสลากฯ ได้อธิบายถึงการทำงานที่ผ่านมาว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปี สามารถแก้ไขปัญหาได้ 70% ทั้งการแก้ไขปัญหาสลากฯแพง ให้กลับมาขายตามหน้าสลากที่ 80 บาท และกระจายจำนวนสลากให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้นผ่าน ATM ธนาคารกรุงไทย และสามารถจับกุมผู้ที่กระทำผิดเงื่อนไขโดยตัดโควตาไปแล้ว 2,600 ราย

แต่ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ อีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ จะมีการ “เปลี่ยนแปลง” อีกครั้ง เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลได้มีมติเห็นชอบให้สำนักงานสลากฯ ปรับรูปแบบสลากฯใหม่ จากเดิมใน 1 ใบจะมี 2 ฉบับคู่ ฉบับละ 40 บาท หรือคิดเป็นใบละ 80 บาท ปรับใหม่เป็นฉบับละ 80 บาทใน 1 ใบ โดยจะเริ่มตั้งแต่งวดวันที่ 1 ก.ย.60 เป็นงวดแรก เพื่อให้สอดคล้องความต้องการของประชาชน ป้องกันความสับสน

ที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ พล.ต.ฉลองรัฐ นาคอาทิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ยังเปิดเผยด้วยว่า สำนักงานฯ มีแนวคิดที่จะศึกษาการเพิ่มราคาสลากเป็นฉบับละ 100 บาท เพื่อรองรับความต้องการผู้ซื้อ ซึ่งหากมีการเพิ่มราคาก็จะต้องเพิ่มรางวัลให้มีความเหมาะสมด้วย และยังมีแนวคิดเพิ่มการบริการด้านจ่ายเงินรางวัล โดยได้หารือถึงความเป็นไปได้การจ่ายเงินรางวัลผ่านเคาน์เตอร์ของสาขาธนาคารกรุงไทยและที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนผู้ซื้อสลากมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเรื่องสลากรวมชุดก็ยังเป็นแนวคิดพิจารณา เพราะยังมีความต้องการของประชาชนกลุ่มหนึ่ง
 
ขณะที่เงินรางวัล ประกอบด้วย รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6 ล้านบาท, รางวัลที่ 2 มี 5 รางวัล รางวัลละ 200,000 บาท, รางวัลที่ 3 มี 10 รางวัล รางวัลละ 80,000 บาท, รางวัลที่ 4 มี 50 รางวัล รางวัลละ 40,000 บาท, รางวัลที่ 5 มี 100 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท, รางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1 มี 2 รางวัล รางวัลละ 100,000 บาท, รางวัลเลขหน้า 3 ตัว เสี่ยง 2 ครั้ง มี 2,000 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท, รางวัลเลขท้าย 3 ตัว เสี่ยง 2 ครั้ง มี 2,000 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท และรางวัลเลขท้าย 2 ตัว เสี่ยง 1 ครั้ง มี 10,000 รางวัล รางวัลละ 2,000 บาท รวมรางวัลสลาก 1 ชุดมี 14,168 รางวัลเป็นเงิน 48 ล้านบาท

“ทางสำนักงานสลากฯได้ส่งหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.)เพื่อถามถึงว่าร่างพ.ร.บ.สลากใหม่ ต้องทำประชาพิจารณ์หรือไม่ หากต้องทำจะขอคืนร่างพ.ร.บ.กลับมาดำเนินการ ก่อนเสนอกลับไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณา และเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)เห็นชอบ” พล.ต.ฉลองรัฐระบุ

ดังนั้น คงต้องติดตามกันต่อไปว่า นวัตกรรมใหม่ของสลากกินแบ่งรัฐบาลที่กำลังจะใช้โดยเลิกแบ่งขายจะสามารถแก้ปัญหาได้จริงๆ หรือไม่

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร งวดหน้ามีเลขเด็ดวัดดวงสักหน่อยไหม แพงเท่าไหร่ไม่ว่าขอให้มีลุ้นเงินล้าน นั่นแหละความเป็นจริงของสังคมไทยภายใต้ความเบ่งบานของกองสลากฯ



กำลังโหลดความคิดเห็น