ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -คดีวัดธรรมกายที่บานปลายกลายเป็นคดีฟอกเงินโดยมีพระเอกหมายเลข 1 คือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น ซึ่งเข้าคุกเข้าตะรางไปเรียบร้อยแล้ว ส่วนรายอื่นๆ ที่ตามมาล้วนสร้างความฮือฮาให้กับสังคมไม่น้อยอาทิ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน และ นายอนันต์ อัศวโภคิน สองพ่อลูก เจ้าของอาณาจักรแลนด์แอนด์เฮ้าส์ ซึ่งขณะนี้โดนแจ้งหมายเรียกให้มาชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ คาดว่าอีกไม่ช้าไม่นานอาจจะมีอะไรให้คนไทยได้ตื่นเต้นกันอีก
อย่างไรก็ตามใช่ว่าตัวละครจะหมดเพียงแค่นี้ เพราะจากการทำงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษ และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ดูเหมือนว่าเครือข่าย “ฟอกเงิน”จะขยายลุกลามบานปลายมากขึ้น ส่อว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับคดี รศ.ดร.สวัสดิ์ แสงบางปลา อดีตประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชนกรณีหลอกให้สมาชิกกว่า 160 คน ร่วมลงทุนสหกรณ์ล็อตเตอรี่ อันมียอดเงินหมุนเวียนมากถึง 400 ล้านบาท
แม้ผู้ต้องหาจะเข้ามอบตัวและยอมรับสารภาพว่านำเงินไปละเลงกับการเล่นพนัน แต่รูปการณ์ต่างๆโดยเฉพาะปัญหาต่างๆ ของสหกรณ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งกำลังเป็นโจทก์ฟ้องร้องทางแพ่ง ต่อสหกรณ์เครดิตยูเนียนมงคลเศรษฐี และ สหกรณ์นพเก้ารวมใจ มีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท มีความไม่ชอบมาพากลอยู่ตรงที่ทั้ง 2 สหกรณ์ฯ อันเป็นคู่ความกับสหกรณ์จุฬาฯ นั้นก็คือเครือข่ายของสหกรณ์เครดิตยูเนียน คลองจั่น ที่สร้างความเสียหายให้กับสมาชิกเป็นเงินนับหมื่นล้านบาท
สิ่งที่เกิดขึ้นแม้จะยังอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย มีการดำเนินคดีทั้งอาญาและแพ่ง แต่ค่าความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว แน่นอนว่าคนที่ได้รับผลกระทบ หรือรับกรรมก็คือสมาชิกทุกคน
ดังนั้นหน่วยงานเกี่ยวข้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งกำกับดูแลข้าราชการครูทั้งประเทศ รวมทั้งเป็นผู้ให้นโยบายสหกรณ์ฯ เดินตามแนวทางที่ถูกต้อง นั่นคือผลประโยชน์ของสมาชิกทุกคน จึงไม่ควรนิ่งดูดาย หรือปล่อยให้มีการโกง โคตรโกง กลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ให้ขายขี้หน้าอย่างซ้ำๆ ซากๆ
ยังมีเรื่องงามหน้าอีกมากมายในแวดวงสหกรณ์ออมทรัพย์ครู
ตัวอย่างอื้อฉาวไม่แพ้กัน คือกรณ์สหกรณ์ครูจังหวัดยโสธร อนุมัติเงินสดๆ 279 ล้านไปลงทุนกับแชร์ล็อตเตอรี่ ผลที่สุดเป็นเรื่องแหกตาของขบวนการ 18 มงกุฎ กลายเป็นเรื่องเป็นราวถึงที่สุด ศาลได้พิพากษาให้ผู้บริหารชดใช้ค่าเสียหาย แต่จนบัดนี้ไม่ทราบว่าไปถึงไหน ใช้คืนกันครบถ้วนหรือเผ่นหนีกันไปหมดแล้ว
อีกตัวอย่างเหตุเกิดที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดพิษณุโลก
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา นายสำเนา ผาสุด ผอ.โรงเรียนบ้านยุ่งผลำ ต.น้ำกุ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก พร้อมเพื่อนครูอีก 20 คน เข้าร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม จ.พิษณุโลก กล่าวหา นายฉัตรชัย ทองน้อย หรือบอย เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ฯฉ้อโกงเงินไปรวมทั้งสิ้นประมาณ 40 ล้านบาท
พฤติการณ์ของนายฉัตรชัย กล่าวคือ จะชักชวนให้สมาชิกแจ้งความประสงค์ขอกู้ยืมเงินเต็มจำนวนโดยอ้างว่าจะลัดคิวทำให้ เมื่อมีผู้สนใจเซ็นชื่อยื่นหลักฐานเป็นผู้กู้ไปแล้ว นายฉัตรชัย ใช้วิธีค่อยๆ โอนเงินให้กับสมาชิกรายละ3-4 หมื่น แต่เมื่อถูกทวงถามมากๆ จึงทิ้งงานหลบหนีไป
เรื่องนี้เป็นข่าวดังในจังหวัด แต่หยุดได้โดยรวดเร็วเมื่อผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจังหวัดพิษณุโลก ออกมารับปากจะเยียวยาค่าเสียหายให้ ส่วนพฤติการณ์ของนายฉัตรชัย โยนให้เป็นเรื่องความผิดส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับสหกรณ์ฯ
ความเสียหายทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่ามากหรือน้อยทุกครั้งที่เกิดเรื่องบรรดาผู้บริหารสหกรณ์ฯจะเลือกวิธีรีบปิดข่าว ซึ่งอาจจะมีทั้งขู่ฟ้องร้องดำเนินคดี หรือไม่ก็เรียกไปเจรจาให้อามิสสินจ้างเพื่อปิดปากกัน เรื่องราวความเน่าเหม็นในแวดวงสหกรณ์ครู จึงอยู่ในวงแคบๆ ทำนองว่าใครโกงได้โกงไป โกงแบบดื้อๆด้านๆ ยังไม่พอ ยังมีหมวดการลงทุนเช่นเอาไปซื่อที่ดิน ซื้อบ้าน อาคาร ซึ่งเป็นการทุจริตที่เนียน และเหนือเมฆกว่า
เจอสหกรณ์ฯดีก็ดีไป เพราะสมาชิกจะได้ประโยชน์จากดอก-ผล หรือมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มมากขึ้นแต่ถ้าเจอพวกเขี้ยวลากดิน พวกแสวงหาผลประโยชน์กว่าจะรู้ตัวก็เป็นเหมือนสหกรณ์จุฬาฯ เพราะคดีสหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่น กับเครือข่ายนั้น ใช้เวลานานถึง 3 ปี เรื่องจึงแดงขึ้น
หลากหลายปัญหาที่เกิดขึ้นไม่มีใครเคยพูดถึงหน่วยงานแห่งหนึ่งซึ่งมีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางบัญชีของสหกรณ์ต่างๆ ทั่วประเทศเลยแม้แต่น้อย ...หน่วยงานที่ว่าก็คือ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
หน้าที่ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ชื่อมันบอกอยู่แล้วว่า จะต้องทำอะไรบ้าง อย่ามาอ้างว่าดูแลไม่ทั่วถึงเพราะโครงสร้างของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ประกอบด้วยสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ 1-10 กระจายไปทั่วประเทศ
ขอถามตรงๆว่า ที่ผ่านมามีผลงานอะไรเป็นที่ประจักษ์บ้าง โดยเฉพาะการตรวจสอบบัญชีที่มันผิดปกติ
ในรอบ 3-5 ปี มีเจ้าหน้าที่ของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ คนใดสามารถเอาผิด หรือพบพิรุธการโกงจนนำไปสู่กับจับกุมหรือป้องกันเหตุได้บ้างหรือไม่
ท่ามกลางเหลือบ ไร ที่เข้ามาเจาะไชขุมทรัพย์ของสหกรณ์ต่างๆหวังว่า นางบริสุทธิ์ เปรมประพันธ์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ คงทราบถึงความจำเป็นเร่งด่วน...การงานที่ขาดตกบกพร่องนี้ท่านจะให้สังคมเข้าใจอย่างไร...ปล่อยปละละเลย หรืออะไรดีล่ะ !!??