xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“ศรีวราห์” สร้างฝายผิด กม.?? ความจริงที่ต้องเร่ง “พิสูจน์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เรียกว่าเป็นคดีใหญ่สะท้านกรมปทุมวันเลยทีเดียว เมื่อ “นายวีระ สมความคิด” เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน บุกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อยื่นหนังสือถึง “บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ตรวจสอบกรณีการสร้างถนนทับคลองน้ำ สาธารณะ ที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาของ “รอง ผบ.ตร.คนดัง” ที่ชื่อ “บิ๊กปู-พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล” ซึ่งได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาจาก นายสุพีร์ รังสิพราหมณกุล ผู้เป็นบิดา

เท็จจริงเป็นอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์และต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม แต่งานนี้ เรียกได้ว่า ส่งผลกระทบต่อพล.ต.อ.ศรีวราห์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทั้งนี้ ต้นสายปลายเหตุของการแฉสะท้าน สตช.แบบหมูไม่กลัวน้ำร้อน ในครั้งนี้ นายวีระให้ข้อมูลและอ้างว่า  พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้กระทำความผิดตามกฎหมายหลายฉบับ และหลายบท กรณีได้ก่อสร้างถนนคอนกรีตขนาดใหญ่มีลักษณะเป็นการถาวร ปิดกั้นคลองสาธารณประโยชน์โดยมิชอบในที่ดินที่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาจาก นายสุพีร์ รังสิพราหมณกุล ผู้เป็นบิดา ทางมรดกเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2557 จำนวน 2 แปลง ได้แก่ 1. โฉนดที่ดินเลขที่ 11540 เลขที่ดิน187 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง 2. โฉนดที่ดินเลขที่ 11584 เลขที่ดิน 185 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

ที่ดินทั้ง 2 แปลงได้มีการก่อสร้างถนนคอนกรีตขนาดใหญ่ ลักษณะเป็นการถาวรปิดกั้นคลองสาธารณประโยชน์ มีขนาดกว้างประมาณ 10 เมตร ยาวประมาณ 30 เมตร โดยการก่อสร้างดังกล่าวนั้นขึ้นรูปลักษณะเป็นถนนคอนกรีตที่มีความมั่นคงแข็งแรงปิดกั้นลำคลองสาธารณะด้วยการเชื่อมที่ดินทั้ง 2 แปลงเข้าด้วยกันเพื่อประโยชน์ส่วนตน

ที่สำคัญการก่อสร้างถนนคอนกรีตดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำรงชีพของชาวปากช่องที่อาศัยอยู่ท้ายคลองสาธารณประโยชน์แห่งนี้ เพราะทำให้สภาพลำคลองแห้งแล้ง ตื้นเขิน ไม่สามารถใช้ประโยชน์ในการเกษตรกรรม และไม่สามารถสัญจรทางน้ำได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดผลกระทบต่อ ระบบนิเวศของธรรมชาติป่าแห่งนี้ เพราะการไหลของกระแสน้ำตามธรรมชาติ แต่เดิมมานั้นต้องหยุดชะงักขาดตอน ขาดความชุ่มชื้น ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ประชาชนทั่วไปยังใช้ประโยชน์จากคลองสาธารณประโยชน์สายนี้ในการเกษตรกรรม และใช้เพื่อการบริโภคดื่มกินมาช้านาน

“มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ น่าจะเป็นผู้สั่งให้ดำเนินการก่อสร้างถนนคอนกรีตดังกล่าว อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 229 ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 และตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 มาตรา 117, 118, 118 ทวิ, 119 ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายด้วย จึงมีความผิดทางวินัยตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 มาตรา 77, 78 และมาตรา 79 ด้วย ดังนั้นจึงขอกล่าวหาร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาต่อ พล.ต.อ.ศรีวราห์ ต่อไป” นายวีระแจกแจงข้อกฎหมาย
“บิ๊กปู-พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล”
จากนั้น นายวีระได้นำทัพสื่อลงพื้นที่ ทว่า ไม่สามารถเข้าไปในบริเวณไร่ได้เพราะมีรั้วล้อมรอบทั้งบริเวณ อีกทั้งประตูถูกปิด และล็อกด้วยกุญแจอย่างแน่นหนา นอกจากนี้ ยังมีป้ายห้ามเข้าก่อนได้รับอนุญาต มองเห็นได้เด่นชัด

              ส่วน พล.ต.อ.ศรีวราห์นั้น เมื่อถูกล็อกเป้าก็ย่อมจะอยู่เฉยไม่ได้และเดินหน้าออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงเช่นกัน โดยยอมรับว่าการก่อสร้างทำสิ่งล่วงล้ำ ลำน้ำมีมาตั้งแต่สมัยบิดาครอบครองที่ดิน แต่หลังจากได้รับมรดกในปี 2557 ก็ได้ตรวจสอบและไม่พบเอกสารเกี่ยวกับสร้างฝายนี้ กระทั่งในปี 2558 จึงได้ดำเนินการประสานขออนุญาตกับทาง อบต.ปากช่อง ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ตามใบอนุญาตทำสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ฉบับที่ 2/2558 ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการสัญจร

  “ผมไม่ได้ประโยชน์อะไรมากมายจากการสร้างฝายนี้ จึงไม่ได้เป็นไปตามที่นายวีระกล่าวอ้างว่าผมได้ประโยชน์จากการสร้าง และไม่เคยได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ สมัยคุณพ่อสร้างก็ไม่มีใครร้องเรียน แต่ยอมรับว่าอยู่ในพื้นที่ดินตรงนี้ตั้งแต่ตนอายุ 9 ขวบ คนแถวนั้นรู้ดีว่าเป็นที่ของใคร แต่ก็ไม่เคยมีการร้องเรียน ส่วนนายวีระอ้างว่าไม่มีใครกล้าร้องเรียนเพราะเป็นตำรวจระดับสูง ไม่เป็นความจริง ไม่เกี่ยวกัน ฝายนี้มีมาตั้งแต่ปี 2511 ตอนนั้นตนอายุแค่ 9 ขวบ เป็น ด.ช.ศรีวราห์ ถ้าไม่เชื่อเอาภาพถ่ายทางอากาศมาแปรดูก็ได้ ที่สำคัญชาวบ้านทั่วไปในเขตพื้นที่ก็ทำกัน ถ้าอย่างนั้นชาวบ้านทำฝายเก็บกักน้ำเป็นแก้มลิงก็ต้องถูกดำเนินคดีหมดสิ ผมเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เป็นผู้รักษา กฎหมาย ยืนยันไม่ทำผิดกฎหมายแน่นอน”

พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวพร้อมทั้งประกาศเปรี้ยงว่า การกระทำของนายวีระและพวกถือว่าผิดกฎหมายอาญา มาตรา 172 ฐานใส่ความพนักงานเจ้าหน้าที่ และมาตรา 326 ว่าด้วยการหมิ่นประมาท จะแจ้งความดำเนินคดีกลับทันที

        ทั้งนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ได้นำหลักฐานโฉนดที่ดินผืนดังกล่าว พร้อมเอกสารใบอนุญาตทำสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ หรือแบบ ท.28 ที่ออกโดย อบต.ปากช่อง อนุญาตโดยนายกิตติพงษ์ รุ่งพิมาย นายช่าง อบต.ปากช่อง พร้อมใบเสร็จรับเงินในการขอใบอนุญาตดังกล่าวมาแสดงด้วย 

กระนั้นก็ดีประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ สิ่งที่ พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวอ้างนั้น ชอบด้วยกฎหมายจริงหรือไม่ ดังเช่นที่นายวีระตั้งคำถามเรื่องอำนาจในการอนุญาตของ อบต.ปากช่อง เพราะใบอนุญาตข้อ 4 บอกว่า ผู้อนุญาต คือ อบต. ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คือ ต้องปฏิบัติตามข้อบัญญัติท้องถิ่น และ ต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงฉบับที่ 63 ซึ่งออกตามความในมาตรา 117 แห่ง พ.ร.บ. การเดินเรือในน่านน้ำไทยปี 2456 หมายความว่า กรมเจ้าท่าโอนอำนาจในการดูแลการล่วงล้ำลำน้ำให้องค์กรปกครองส่วน ท้องถิ่น ดูแล ขณะที่ดูกฎกระทรวงฉบับที่ 63 ระบุลักษณะของสิ่งที่พึงอนุญาตสร้างล่วงล้ำน้ำได้ มีต่อไปนี้ 1. ท่าเทียบเรือ 2. สะพานปรับระดับและโป๊ะเทียบเรือ 3. สะพานข้ามแม่น้ำหรือคลอง 4. ท่อหรือสายเคเบิล 5. เขื่อนกั้นน้ำเซาะ 6. คานเรือ 7. โรงสูบน้ำ มี 7 อย่างเท่านั้น ไม่มีข้อไหนที่ให้สร้างฝายน้ำล้นเป็น ถนนคอนกรีตปิดกั้นลำน้ำ เลย

        “ถ้าจำเป็นต้องทำสะพานหรือถนนปิดกั้นคลอง อบต. อนุญาตตามลำพังไม่ได้ หรือแม้แต่กรมเจ้าท่ายังอนุญาตตามลำพังไม่ได้ต้องให้ อบต. ยื่นให้คณะกรรมการจังหวัด เพื่อให้เอาเข้าสู่ที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งกรมเจ้าท่าก็รวมอยู่ในกรรมการชุดนี้เพียงเสียงเดียว สมมติที่ประชุมเอาเสียงส่วนมากให้อนุญาต ก็ยังต้องเอาเรื่องเข้ากรมเจ้าท่าอีก ซึ่งกรมเจ้าท่าต้องทำตามกฎหมายคือมันทำไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่เชื่อว่า คณะกรรมการจังหวัดจะอนุญาต และไม่เชื่อว่า กรมเจ้าท่าอนุญาต เพราะถ้าอนุญาต บอกคำเดียวผิดกฎหมาย”

        นอกจากนี้ นายวีระยังบอกด้วยว่า ในใบอนุญาต ระบุว่า พล.ต.อ.ศรีวราห์ ขออนุญาตก่อสร้างฝายน้ำล้นคอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อใช้เป็น ทางสัญจรอย่างเดียว ไม่ตรงกับที่นายก อบต. บอกว่า เพื่อเป็นฝายชะลอน้ำป่า, ใช้น้ำที่กักเก็บน้ำ เพื่อดับเพลิง และใช้เดินข้ามไปมาของที่ดิน 2 แปลง

งานนี้ ....คงต้องติดตามกันต่อไปว่า จะลงเอยอย่างไร ใครจะถูกใครจะผิด เพราะเรื่องได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นที่เรียบร้อยแล้วภายหลัง พล.ต.อ.ศรีวราห์ฟ้องร้องดำเนินคดีกับนายวีระ ซึ่งหลักฐานเอกสารทั้งหมดจะต้องถูกนำไปแสดงในชั้นศาลต่อไป

แต่ที่แน่ๆ คือ ในเบื้องต้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ไม่อาจปฏิเสธที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวน พล.ต.อ.ศรีวราห์ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วก็จะมีความผิดตามมาตรา 157 ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่เช่นกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น