สังเวียนตำรวจ
เหล็กน้ำพี้
กรณี “น้ำเพียงดิน” จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถือเป็นบาดแผลใหญ่ในสังคมไทยเพราะสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตจริงอีกด้านหนึ่งของวัยรุ่นโดยเฉพาะวัยที่กำลังเข้าสู่การเจริญพันธุ์ หากการเลี้ยงดูขาดความรัก ขาดการเอาใจใส่เด็กเหล่านี้อาจหลงทางเดินผิดคล้ายกับอีกหลายๆเรื่องที่กำลังฮิต กลายเป็นข่าวใหญ่ที่คนไทยสนใจติดตามกัน
ส่วนหนึ่งควรยอมรับกันว่าครอบครัว คือเกาะกำบังที่แข็งแรง แต่ปัจจัยภายนอกไม่ว่าจะเป็นแรงกระตุ้นต่างๆ เช่นการอยากได้ใคร่มี สังคมบ้าวัตถุ หลงสีแสงแหล่งอบายมุข บางคนเสพยาจนที่สุดก็เดินสู่วงการค้าประเวณีซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ
แต่ถึงกระนั้นมันไม่ใช่เรื่องของผู้ใหญ่ที่จะต้องเข้าไปซื้อบริการ
และยิ่งเป็นข้าราชการระดับสูง เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมทั้งข้าราชการพลเรือนในทุกสังกัด ต้องมีจิตสำนึกรู้ผิดชอบชั่วดีต่างกับคนธรรมดาทั่วไป เมื่อปรากฏว่ามีผู้ว่าราชการจังหวัด มีตำรวจทั้งยศ พ.ต.ท.ตำแหน่งรอง ผกก. รองสารวัตร และตำรวจชั้นประทวน ข่าวขบวนการค้ากามแห่ง “น้ำเพียงดิน”จึงสะกดสังคมไทยให้รู้สึกสิ้นหวัง หดหู่กันอีกครั้ง
ขณะที่ภาครัฐกำลังเดินหน้าสืบค้าหาความจริง การดำเนินคดีกำลังคืบหน้ามีการแจ้งข้อกล่าวหาพ่อเล้า-แม่เล้า 5 คนรวม ทั้งดาบตำรวจยุทธชัย ทองชาติ แต่สิ่งที่ประชาชนอยากเห็นอีกคือ การชำระล้างความโสโครกแห่ง จ.แม่ฮ่องสอน ด้วยการตั้งคณะกรรมการสอบสวนนายตำรวจระดับบังคับบัญชาทั้งจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น ผบก.จ.แม่ฮ่องสอน ผกก.และอื่นๆที่เป็นผู้บังคับบัญชาของดาบตำรวจยุทธชัย
เพราะอะไรหรือ...ก็เพราะเมื่อแนวทางสืบสวนสอบสวนออกมาแบบนี้ นั่นหมายความว่า นายดาบตำรวจคนดังกล่าวทำหน้าที่หาเด็กสาวมาบำเรอนายหลายต่อหลายครั้ง ในฐานะผู้บังคับบัญชาท่านควรมีส่วนบกพร่องไม่มากก็น้อย
ค่านิยม “เลี้ยงดู-ปูเสื่อ”ของข้าราชการไทยยังมีอยู่จริง โดยเฉพาะแวดวงสีกากี ใครที่ออกไปตรวจเยี่ยมราชการแถวเมืองใหญ่ เมืองมหานคร ก็กินของหวานอีกแบบ ส่วนพวกที่ไปตามตะเข็บชายแดน ของหวาน-ของคาว ไม่พ้นเด็กสาวในพื้นที่ ทั้งชนกลุ่มน้อย ลูกสาวชาวบ้านที่สมัครใจถูกจัดมาประเคนถึงห้องพัก...บางคนติดใจเลี้ยงดูเป็นบ้านที่สอง ที่สาม บางรายต้องหาเรื่องกลับไปตรวจราชการบ่อยๆ จนเกิดเรื่องเล่ากันว่ามีจังหวัดภาคเหนือตอนต้นจังหวัดหนึ่ง ถึงกับให้ตำรวจคนจัดหาไปเรียกเด็กถึงห้องเรียนเลยก็มี
จากภาคเหนือ จะพามารู้จักขบวนการค้าเนื้อสด หรือค้ามนุษย์อีกแห่งซึ่งอยู่ใกล้ๆกรุงเทพฯ แค่ปลายจมูก..สถานที่แห่งนี้อยู่ที่เมืองท่องเที่ยว พัทยา จ.ชลบุรี ซึ่งทราบกันดีว่าขึ้นชื่อลือชาติดอันดับเป็นเมืองหลวงโสเภณีของโลก หรือ “ซ่องของโลก”
มีข้อมูลน่าสนใจในพื้นที่ อ.บางละมุง ว่าซ่องค้าเนื้อสดของเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ก็คือ ร้านขายเหล้า หรือคาราโอเกะตึกแถวที่มีอยู่ด้วยกันประมาณ 20-30 แห่ง ทุกร้านมีเด็กสาวขายบริการกับนักท่องเที่ยวชาวไทยในราคา 1,100 บาท แบ่งเป็นค่าตัวของเด็ก 550 บาท เจ้าของร้านหักไว้ 400 บาทและอีก 150 บาทเป็นค่าห้องที่ทุกซ่องคาราโอเกะจะต้องไปใช้บริการโรงแรมของป๋า ค.เพื่อให้เห็นว่าเป็นข้อมูลลึก ไม่มั่ว ผู้ร้องในพื้นที่ระบุชื่อผู้ประกอบการต่างๆ มาด้วยอาทิ 1.บาร์เจ้พิศ 2.บาร์ตุ๊กตา 3.บาร์เจ้แฟง 4.บาร์ป๋าควร (ให้เจ้พิมพ์เช่า) 5.บาร์ป๋าพุฒิ 6.บาร์เจ้น้อย 7.บาร์เจ้นาง 8.บาร์เจ้ขวัญ 9.บาร์เจ้ฝัก ) 10. บาร์เจ้แมว 11.บาร์ญาติเจ้แมว -สพรรณบุรี 12.บาร์นักข่าว 13.บาร์ป๋าน้อย 14.บาร์เจ้พิมพ์ สาขา 2 15.บาร์ชาวเหนือ 16.บาร์ป๋าเหนาะ 17.บาร์เจ้นอม 18.บาร์ป๋าจอห์น ส่วนที่เหลือเป็นร้านเล็กๆ อีกนับสิบไม่มีข้อมูลระบุให้ทราบ
ขบวนการค้าเนื้อสดที่นี่ ไม่มีอะไรซับซ้อน คนเดินเก็บผลประโยชน์คือ ป๋า ค. เรียกรับส่วยจากร้านต่างๆ เดือนละ 4-5 หมื่นบาท สุดแท้ร้านใหญ่หรือเล็ก จากนั้นจะไปให้กับเจ้าหน้าที่ซึ่งมีส่วนรับผิดชอบบางคนทั้งตำรวจ ฝ่ายปกครอง และเทศบาลเมืองพัทยา (ขอย้ำว่ามีบางคนที่รับผลประโยชน์) ส่วนทหารผู้ให้ข้อมูลระบุว่า มีรถเข้าไปตรวจเป็นประจำ แต่ไม่เคยเห็นมีการจับกุมกัน
สำหรับประโยชน์ที่ ป๋า ค.ได้นั้นมาจากโรงแรมเถื่อนซึ่งดัดแปลงมาจากอาคารพาณิชย์ 2 ชั้นแต่ต่อเติมเป็น 4 ชั้น มีเปิดให้หญิงบริการทุกบาร์เข้าไปใช้ โดยจะมีการเรียกเก็บค่าห้องครั้งละ 150 บาท หมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง
รายได้ต่อไปคือ ขบวนการค้ายาเสพติด เป็นที่รู้กันว่าหญิงบริการส่วนหนึ่งคือผู้ติดยา ยาบ้า 1 เม็ดขายเงินเชื่อราคาเม็ดละ 300 บาท จดบัญชีไว้หักตอนสิ้นเดือน...เด็กบางคนที่ทำงานใช้หนี้อาจถูกดึงเข้าสู่วงจรอุบาทว์ด้วยการชักชวนให้เสพยาบ้าจนไม่มีวันหมดหนี้ ต้องวนเวียนขายตัวจนหมดสภาพ
ปัญหายาเสพติดดูเหมือนว่าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะให้ความสนใจ มีข้อมูลว่าเมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ป๋า ค.ถูกจับยาบ้า 200 เม็ด แต่ไม่มีการดำเนินคดี
ที่นี่ใช้ระบบศาลเตี้ยเป็นหลัก คือตกลงเป็นเงิน 3-5 แสน หรือกว่านั้นทุกอย่างจบ
ปัจจุบันแหล่งปล่อยยาบ้าในร้านคาราโอเกะ ที่โด่งดังที่สุดมีอยู่ 3 แห่ง คือบาร์ป๋า จ.และบาร์ 2 เจ้พี่น้อง
นี่คือวงจรค้ามนุษย์ และค้ายาเสพติดที่ตั้งอยู่ปลายจมูกผู้บริหารประเทศ
หลายชีวิตที่วนเวียนอยู่ในนั้น แม้จะมีโอกาสโผล่หน้ามาเห็นเดือนเห็นตะวันบ้างแต่ก็มีชีวิตไม่ต่างอะไรกับทาสยุคใหม่ที่ถูกมอมด้วยยาเสพติด และความอ่อนแอในครอบครัว จึงตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแรงกว่า
เหนือกว่า ป๋า ค.และเจ้าของซ่องทั้งหลายท่านผู้อ่านว่าเขาคือใคร ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทั้งตัวเล็กตัวใหญ่ (บางคน) ของรัฐ !!??