xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดปฏิทิน 3 เดือน’สีกากี’ ตั้ง’นายพัน’ยัน’นายพล’อื้อ!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สมการการเมือง

ช่วงเวลา 3 เดือน นับจากเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป จนถึงเดือนกรกฎาคม 2560 คงต้องจับตาการจัดทัพปรับทิศ “กรมปทุมวัน” หรือการแต่งตั้งโยกย้ายภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติกันแบบห้ามกะพริบตา เพราะจะมีการแต่งตั้ง”สีกากี” ตั้งแต่ระดับ”นายพัน” ยศ “พ.ต.ต.-พ.ต.อ.” ตำแหน่ง สารวัตร(สว.)-รองผู้บังคับการ(รองผบก.) ไปถึงระดับ “นายพล” ยศ “พล.ต.ต.-พล.ต.อ.” ตำแหน่ง ผู้บังคับการ(ผบก.)-รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) หรือตำแหน่งเทียบเท่า

ตามปฏิทิน “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ที่วางไทม์ไลน์การแต่งตั้ง”สีกากี”กันเอาไว้ ภายในเดือนพฤษภาคมนี้ ตามคำยืนยันของ ”บิ๊กแป๊ะ”พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) การแต่งตั้งตำรวจระดับ “นายพัน” เก้าอี้ สารวัตร(สว.)-รองผู้บังคับการ(รองผบก.) วาระประจำปี 2559 ที่ค้างเติ่งกันมาตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน จะเสร็จเรียบร้อย หลังจากที่อึมครึม พร้อมกับมีข่าวลือเรื่องกฎเหล็กไม่ครบ 1 ปี ห้ามโยกย้าย แต่ว่ากันว่า จะมีเด็กเส้นเด็กสาย เตรียมขอยกเว้นหลักเกณฑ์ขยับแต่งตั้งโยกย้ายกันกว่า 100 ราย

ถัดจากการแต่งตั้ง “นายพัน” วาระประจำปี 2559 ที่จะเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม เข้าสู่เดือนมิถุนายน ก็จะมีการปรับเกลี่ยตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.-ผบก., ที่ปรึกษาพิเศษ-ผู้ทรงคุณวุฒิ กับผู้ทรงคุณวุฒิ ที่กำหนดใหม่ ให้มีสัดส่วนตำแหน่งที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะต้องมีการแต่งตั้งเหล่า”นายพล”ไปดำรงตำแหน่ง โดยตามกฎ ก.ตร.กำหนดให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2560

โดยตาม มติก.ตร. ครั้งที่ 8/2559 เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2559 กำหนดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.สอดคล้องตามสายงาน ไว้ 5 สายงาน ประกอบด้วย งานบริหาร งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรม งานสืบสวน งานกฎหมายและสอบสวน และงานความมั่นคงและกิจการพิเศษ

ซึ่งในการดำเนินการปรับเกลี่ยตำแหน่ง จะมีการปรับลดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. จาก 7 ตำแหน่ง เหลือ 5 ตำแหน่ง ปรับลดตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. จาก 14 ตำแหน่ง เหลือ 10 ตำแหน่ง ยุบเลิกตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่ารอง ผบ.ตร. ทั้งหมด 6 ตำแหน่ง ปรับลดตำแหน่งจเรตำรวจ (สบ 8) เทียบเท่า ผบช. ในสังกัดสำนักงาน ผบ.ตร. จาก 9 ตำแหน่งเหลือ 5 ตำแหน่ง ปรับลดตำแหน่ง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. จาก 6 ตำแหน่ง เหลือ 3 ตำแหน่ง ยุบเลิกตำแหน่งรอง ผบช.ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. ทั้งหมด 3 ตำแหน่ง

ผลจากการปรับตำแหน่งดังกล่าว ทำให้มีการยุบเลิกตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และที่ปรึกษา (สบ 10) เทียบเท่า รอง ผบ.ตร. ยศ พล.ต.อ. 8 ตำแหน่ง ยุบเลิกตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผบช. และเทียบเท่า ผบช. ยศ พล.ต.ท. 11 ตำแหน่ง และยุบเลิกตำแหน่ง รอง ผบช. ยศ พล.ต.ต. 3 ตำแหน่ง

แม้ในการประชุม ก.ตร. เมื่อวันที่ 27 เมษายน ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอให้ ก.ตร. ทบทวนการปรับเกลี่ยตำแหน่ง โดยขอ ก.ตร.ให้ปรับเกลี่ยเป็นที่ปรึกษาพิเศษ -ผู้ทรงคุณวุฒิ เพียงบางส่วน ตามจำนวนผู้เกษียณฯ ในสิ้นเดือนกันยายนนี้เท่านั้น หากตำแหน่งใดยังมีผู้ครองตำแหน่งอยู่ ก็ค่อยปรับยุบเมื่อผู้นั้นเกษียณ เช่น ที่ปรึกษา (สบ10) ที่ต้องยุบตำแหน่ง หากผู้ครองตำแหน่งยังไม่เกษียณ ก็ให้คงตำแหน่งนี้ไว้ก่อน จนกว่าผู้นั้นจะเกษียณไป ส่วนตำแหน่งที่กำหนดใหม่ ก็แต่งตั้งใหม่ ตามจำนวน

แต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร.ไม่เห็นด้วย เห็นว่าจะทำให้ในช่วงเปลี่ยนผ่านมีตำแหน่งระดับนายพลมากเกินไป ในเมื่อ ก.ตร.มีมติ ปรับระบบตำแหน่งใหม่ไปแล้ว ควรปรับให้ถูกต้องในทันที จึงให้ศึกษาทบทวนและนำเข้าสู่วาระพิจารณาของก.ตร.อีกครั้ง ซึ่งก็เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการประชุม ก.ตร.อาทิตย์แรกของเดือนพฤษภาคม คงจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมอีกครั้งและเริ่มเดินหน้าแต่งตั้ง “นายพล” ตามตำแหน่งที่ปรับเกลี่ย

ที่น่าจับตาเป็นพิเศษ คือถัดจากการปรับเกลี่ยตำแหน่ง ”นายพล” ระดับหัวของสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว จะมีการแต่งตั้งตำรวจเพื่อรองรับการปรับโครงสร้างยุบศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศชต.) และการตั้งกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว(บช.ทท.) ซึ่งตามกำหนดการปรับยุบและจัดตั้ง บช.จะต้องมีผลภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2560

โดยการยุบรวม ศชต. เข้าเป็น บช.ภ.9 ที่จะรับผิดชอบพื้นที่ 7 จังหวัด มีหน่วยงานระดับกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (บก.ภ.จว.) คือ จ.สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ในความรับผิดชอบ กองบังคับการอำนวยการ (บก.อก.) โดยมีกองบังคับการสืบสวนสอบสวน 1 (บก.สส.1) รับผิดชอบ จ.สงขลา สตูล ตรัง พัทลุง และ บก.สส.2 รับผิดชอบ จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส ศูนย์ฝึกอบรม (ศฝร.) และมีหน่วยงานระดับกองกำกับการ (กก.) ขึ้นตรงต่อกองบัญชาการ (บช.) คือ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ (กก.ปพ.) เป็น กก.ปพ.ศชต.เดิม จัดให้มีศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค 9 ส่วนหน้า (ศปก.ภ.9 สน.) เพื่อให้รับผิดชอบภารกิจด้านความมั่นคง โดยมีระดับรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (รอง ผบช.ภ.9) จำนวน 1 คน เป็นหัวหน้า

ส่วนกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว จะปรับเกลี่ยตำแหน่ง “นายพล” จาก ศชต.มาถูกปรับเกลี่ยมาอยู่ใน บช.ทท. ซึ่งจะต้องมีการจัดทัพแต่งตั้งโยกย้ายลงในโครงสร้างใหม่ โดยเฉพาะโครงสร้าง “บช.ทท.” ต่างต้องจับตากันว่า พล.ต.ท.รณศิลป์ ภูสาระ ผบช.ศชต. และรองผบช.ศชต. จะโยกมาเป็น ผบช.ทท.และรองผบช.ทท.ทั้งหมดเลย หรือจะมีการแต่งตั้งโยกย้ายสลับตำแหน่งกันใหม่ทั้งหมดทั่วประเทศ เพราะนอกจากการปรับโครงสร้างแล้วก็ยังมีตำแหน่งว่างระดับ “รองผบ.ตร.” ของพล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลภ ที่โอนย้ายไปอยู่สำนักนายกรัฐมนตรี จะมีการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวเดียวกันเลยหรือไม่

โดยเฉพาะแว่วๆว่า การแต่งตั้งในช่วง 3 เดือนนี้ อาจมี “ผู้การฯ คนดัง” ในช่วงนี้ อาจ”ฟาสแทร็ก” ขยับขึ้น รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รองผบช.ทท.) ดีดก้าวกระโดดสู่เป้าหมายใหญ่ในอนาคต จึงต้องอย่ากระพริบตาเด็ดขาด.
กำลังโหลดความคิดเห็น