ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คดีทายาทกระทิงแดงชนแล้วหนี ถือเป็นคดีดังที่ทั่วโลกให้ความสนใจ เป็นหนึ่งตัวอย่างการทำผิดของคนในสังคมไทยที่ได้รับอภิสิทธิ์เหนือกฎหมาย ไม่ต้องรับโทษซ้ำร้ายยังใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไร้สำนึก
ล่าสุด เกิดแคมแปญปลุกจิตสำนึกในโลกออนไลน์ โดย เวย์น เฮสส์ อดีตนาวิกโยธิน (หน่วยซีล) แห่งกองทัพสหรัฐฯ ออกมาเรียกร้องผ่านเพจเฟซบุ๊กของตนโดยเรียกร้องให้ผู้บริโภคทั่วโลก “เลิกซื้อสินค้า” ใน เครือกระทิงแดง หรือ “RED BULL” บริษัทร่วมทุนข้ามชาติระหว่างนักธุรกิจตระกูลอยู่วิทยาของไทยและนักธุรกิจจากออสเตรีย ภายใต้แคมเปญ say NO to RED BULL
การออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องในครั้งนี้ของ เวย์น เฮสส์ เพื่อเพิ่มแรงกดดันและเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อตอบโต้ “บอส -วรยุทธ อยู่วิทยา” ทายาทกระทิงแดงที่ยังคงใช้ชีวิตอย่าง “หรูหราฟู่ฟ่า” ไร้สำนึกผิดชอบชั่วดีอยู่ในต่างแดนนานกว่า 5 ปี หลบหนีความผิดขับรถสปอร์ตหรูพุ่งชนตำรวจเสียชีวิตเมื่อปี 2555
“บอส อยู่วิทยา สมควรต้องเผชิญกับคืนวันอันหนาวเหน็บในขุมนรก ...หากคุณจะซื้อสินค้าใดๆ ของบริษัทเร้ดบูลล์ ขอให้พวกคุณลองคิดถึงชะตากรรมของตำรวจไทยนายหนึ่งที่ถูกลูกเศรษฐีที่ไร้จิตสำนึกขับรถราคาแพงพุ่งชน และมันยังขับรถลากร่างของเขาไปตามถนนอย่างน่าเวทนา จนตำรวจไทยนายนี้สิ้นใจ ผมขอให้พวกคุณหยุดคิดสักนิด ถึงครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของตำรวจไทยนายนี้ ก่อนที่คุณจะควักกระเป๋าซื้อสินค้าของเร้ดบูลล์ครั้งต่อไป” เฮสส์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังเกิดข่าวลือแพร่สะพัดในแวดวงแข่งรถสูตรหนึ่ง ฟอร์มูลา วัน ออกมาว่า ค่ายยานยนต์ชื่อดังของโลกอย่างน้อย 2 ค่าย คือ “เฟอร์รารี” จากอิตาลี และ “เมอร์เซเดส เบนซ์” จากเยอรมนี ประกาศปฏิเสธความร่วมมือทางเทคนิค ซึ่งรวมถึงการจัดส่งเครื่องยนต์ให้กับค่ายรถแข่ง “เร้ด บูลล์ เรซิง” ของบริษัท Red Bull ผู้ผลิตเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อดังในการแข่งขันรถสูตรหนึ่งฟอร์มูลา วัน ตลอด 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา เนื่องจากต้องการ “เพิ่มแรงกดดันในเชิงจริยธรรม” แก่บริษัท Red Bull กรณีที่นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทผู้บริหาร Red Bull ขับรถยนต์หรูยี่ห้อเฟอร์รารีชนเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่ใจกลางกรุงเทพฯ เมื่อปี 2555 แต่กลับปรากฏว่า นายบอส ยังคงใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติสุขในต่างแดน รวมถึงการเดินทางมาชมการแข่งขันรถฟอร์มูลาวันของทีมตัวเอง คือ ทีม เร้ด บูลล์ เรซิง อยู่เป็นประจำ จนทีม Red Bull ต้องหันไปใช้เครื่องยนต์ที่ผลิตโดย “แท็ก ฮอยเออร์” ค่ายนาฬิกาชื่อดังจากสวิตเซอร์แลนด์แทน
สำหรับ คดีทายาทกระทิงแดงชนแล้วหนี 5 ปี คดีไม่คืบ บ่ายเบี่ยงเบี้ยวนัดอัยการถึง 7 ครั้ง โดย “บอส - วรยุทธ อยู่วิทยา” ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีขับรถชน “ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ” เสียชีวิต หลบหนีอยู่ต่างแดนใช้ชีวิตหรูหรารอบโลก ครั้นกลับมายังเมืองไทยด้วย “อำนาจเงิน” และ “บารมี” จึงรอดหมายจับหวุดหวิด นั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวหลบหนีออกนอกประเทศ ก่อนศาลอนุมัติหมายจับเพียง 3 วัน แถมหลายข้อหาก็หมดอายุความลงเป็นที่เรียบร้อย เช่น “ข้อหาขับรถเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด” และ “ข้อหาทำให้ทรัพย์สินเสียหาย” ทำให้สังคมอดนำไปเปรียบเทียบกับคดีของคนจนที่ต้องติดคุกติดตะราง เพราะไม่มีเงินนั่งเครื่องบินเจ็ตหลบหนี
โดยขณะนี้เหลือ 2 ข้อหาที่จะเอาผิดกับบอสคือ “ข้อหาไม่หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร” และ “ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เป็นคดีความเมื่อ ปี 2555 ผู้ต้องหาได้รับการอำนวยความสะดวกจากคนมีสีมาโดยตลอด ไล่ตั้งแต่กรณีจัดหาแพะรับบาป การให้ประกันตัว ช่วยเหลือให้หลบเลี่ยงหนีคดี ขณะเจ้าตัวมีท่าทีประวิงเวลามากว่า 5 ปี เบี้ยวนัดอัยการ 7 ครั้ง กระทั่ง ศาลอนุมัติหมายจับในวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ คดีของบอสกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้งเพราะสำนักข่าวเอพีได้รายงานข่าว ว่า บอส - วรยุทธ อยู่วิทยา ใช้ชีวิตอย่างหรูหราในต่างประเทศโดยไม่ถูกดำเนินคดี พร้อมบุกบ้านพักในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จู่โจมไมค์จ่อปากจี้ถามว่า มาทำอะไรที่ลอนดอน? จะเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาของอัยการหรือไม่? แต่ไร้ซึ่งคำตอบจากบอส
จากนั้น บอสเดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทย แต่ไม่ทราบชัดว่าเดินทางมาจากประเทศใด ก่อนที่จะเดินทางออกนอกประเทศโดยเครื่องบินเจ็ต ไปยังประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2560 ราวกับจะรู้ล่วงหน้าว่าตำรวจจะขอหมายจับในเวลาต่อมา ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์ ไม่มีสัญญาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนต่อกัน
พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองยอมรับว่า อนุญาตให้กับทายาทกระทิงแดงเดินทางออกนอกประเทศได้ เมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2560 เพราะเป็นการเดินทางเกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมีหมายจับเกิดขึ้น ในวันที่ 28 เม.ย. 2560
ขณะที่ความเคลื่อนไหวหลังบอสหลบหนีไปก็คือการประสานความร่วมมือไปยังตำรวจสากล (อินเตอร์โพล) ให้ช่วยติดตามตัวผู้ต้องหา รวมทั้งติดต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ให้ทำการยกเลิกหนังสือเดินทางสัญชาติไทยของทายาทกระทิงแดง พร้อมประสานไปยังตำรวจสากลอังกฤษและประสานองค์การตำรวจสากล ให้ออกหมายน้ำ เงินแทนหมายแดง เพื่อตรวจสอบที่อยู่ของบอส
โดยนัยสำคัญของการร้องขอหมายน้ำเงินแทนหมายแดง ก็คือเป็นหมายที่แจ้ง ให้ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่รัฐในประเทศสมาชิกรวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหว ถิ่นพำนัก บุคลิกลักษณะของบุคคลที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ จำต้องปักหมุดที่อยู่ผู้ต้องหาชัดเจนเพื่อส่งให้อัยการพิจารณาขอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศที่หลบหนีไปพำนัก
แต่จะอย่างไรสุดท้ายแล้วเชื่อเถอะว่า ไม่มีทางจับตาบอส - กระทิงแดงมาลงโทษอย่างแน่นอน