xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

อดีต สวป.คดี “บอส กระทิงแดง”ยังเสวยสุข !!?? ยุติธรรมมีปัญหา “ตุ๋น-เปื่อย”คนไทยทั้งประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วรยุทธ อยู่วิทยา
 ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - สังคมไทยเวลานี้ขี้ไม่ออกเยี่ยวไม่ออก ต้อง “ม.44” หรือไม่ก็ต้องร้องหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพราะถ้า “เฟืองใหญ่”ไม่ขยับมีหรือเฟืองตัวเล็กตัวน้อยมันจะเอาด้วย แม้แต่ปัญหาแท็กซี่ก่อคดีข่มขืนผู้โดยสาร ไม่ยอมรับผู้โดยสาร และอีกสารพัด ถ้าคิดอะไรไม่ออกก็ต้องหันไปพึ่งบริการ “นายกฯลุงตู่”

ว่าไปแล้วความต้องการแบบนี้แม้ดูปัญญาอ่อนไปสักนิด แต่เมื่อดูบริบทต่างๆอย่างรู้แจ้ง-เห็นจริงก็อาจพอเข้าใจได้ว่า ก็เพราะการยกให้ท่านผู้นำเป็นซูเปอร์แมน-ยอดมนุษย์ไง ทุกเรื่องราว-ทุกปัญหาของประเทศนี้ต้องมาจบที่ “นายกฯลุงตู่” เพียงคนเดียว ทั้งที่จริงแล้วท่านทำไม่ได้หรอก เนื่องจากปัญหาของประเทศนี้มันหมักหมมมานาน และที่สำคัญ “ตัวการ” ของปัญหาจริงๆ ก็คือบรรดาข้าราชการ ขุนนาง อำมาตย์ หน้าเดิมๆ ที่ยังคงปกป้องรักษาประโยชน์ของตัวกับพวกพ้อง

ในฐานะทีท่านเป็นเพียง “หนึ่งเดียว”ของประเทศไทย ทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. จึงขอให้กองเชียร์นายกฯลุงตู่ “ทำใจ”เพราะท่านเองนั่นแหละที่อาสาตัวเข้ามาแบกรับกับปัญหา

ดังนั้นเมื่อปัญหาต่างๆไม่ได้รับการคลี่คลาย หรือถูกมองข้ามไปเสียงสะท้อนต่างๆ จะย้อนกลับไปที่ใครไม่ได้ก็ต้องท่านนั่นแหละเป็นคนรับไปเต็มๆ
         
    เรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งของประเทศนี้ นั่นคือการปฏิรูปซึ่งมีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนมาโดยตลอด แต่ได้รับการสนองตอบจากผู้ปกครองประเทศค่อนข้างเย็นชา จนถึงน้อยมาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เพียงเป็นนายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.เท่านั้น แต่ยังอยู่ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อีกด้วย แม้จะมอบหมายให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ท่านนายกฯยังคงต้องรับผิดชอบในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด

คงไม่ต้องถามว่าผลงานตำรวจที่ผ่านมาเป็นอย่างไร...เกือบ 3 ปีของการยึดอำนาจ มีกฎ ระเบียบ ต่างๆ ออกมามากมาย แต่ตำรวจก็คือตำรวจ มีเรื่องงามหน้าทั้งซื้อขายตำแหน่ง มีการทุจริตใช้อำนาจหน้าที่ปล่อยให้เปิดบ่อน เปิดซ่อง และทำผิดกฎหมายให้เห็นเป็นข่าวหลายครั้ง เรียกว่าถ้าไม่มีทหารหรือฝ่ายปกครองคอยเฝ้าจัดระเบียบสังคมให้ ป่านนี้คงเละตุ้มแป๊ะอย่างที่ผ่านๆ มาแน่นอนไม่ต้องสงสัย

จากเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูป ซึ่งมันอาจจะใหญ่เกินไป มีแรงต้านจากผู้เกี่ยวข้องมากมาย การรณรงค์จึงค่อยๆ ถอยออกมา 1 ก้าว กลายเป็นขอให้ผู้ปกครองประเทศแยกอำนาจสอบสวนมาจากตำรวจ

อำนาจสอบสวนที่อยู่ในมือของตำรวจ(ไทย) คือพิษร้ายตัวจริงที่ทำให้กระบวนการยุติธรรมไทยปั่นป่วน เป็นยาพิษที่แฝงตัวอยู่ในสังคมไทยมาอย่างช้านาน แต่ไม่มีใครที่คิดขจัดปัญหานี้ ส่วนใหญ่มักเจือสมกับบิ๊กสีกากี ในฐานะเจ้าถิ่น มีการ “ยืมมือ” จัดการกับศัตรูทางการเมือง หรือคู่แข่ง กลายเป็นว่าเจือสมกันในผลประโยชน์ ความเดือดร้อนของชาวบ้าน-ประชาชน จึงถูกจัดวางไว้เป็นอันดับท้าย

ห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคดี “บอส กระทิงแดง” ถูกหยิบยกขึ้นมาตีแผ่อีกครั้ง จนเกิดกระแส ทำให้สำนักอัยการสูงสุด ต้องจัดทีมโฆษกออกมาแถลง แต่ถึงกระนั้นสถานการณ์ยุติธรรมไทยโดยเฉพาะกลุ่มต้นธารฯ คือตำรวจ กับอัยการ ต่างตกอยู่ในสภาพเลวร้าย ประชาชนไม่ให้ความเชื่อถือ

ในฐานะสื่อที่ตามประเด็นนี้มาพอสมควร ขอสรุปให้เห็นภาพอีกครั้งว่า ตลอด 5 ปีของคดีนี้...ความวุ่นวายสับสนต่างๆ มากจากสาเหตุเดียวคือ มีการใช้ผลประโยชน์เพื่อแลกกับอิสรภาพ.. ผลประโยชน์ที่ว่าเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากเงินจำนวนมาก หรืออาจจะเป็นการแลกเปลี่ยนอื่นๆ เช่น ช่วยเหลือในเรื่องหน้าที่การงาน เพราะอย่าลืมว่าตระกูล “อยู่วิทยา” เจ้าของสินค้านานาชนิดภายใต้แบรนด์กระทิงแดง นั้นมีตลาดทั่วโลก มีเงินทองทรัพย์สินนับแสนล้าน ติดอันดับมหาเศรษฐีโลก ความคิดหรือความเชื่อดังกล่าว จึงไม่อาจห้ามไม่ให้สังคมมองไปทางนั้น 
       
    หนักหนาสาหัสขนาดจนเกิดกระแสประเทศไทยคนรวยทำผิดไม่ติดคุก!!??

ย้อนกลับไปดูเหตุการณ์ช่วง ด.ต.วิเชียร กลั่นประเสริฐ สายตรวจ จยย. สน.ทองหล่อ ถูกนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา บุตรชายคนเล็กของตระกูลกระทิงแดง ซิ่งรถสปอร์ตคันหรู ชนจนเสียชีวิตคาที่นั้นมีตำรวจที่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหลายนาย อาทิ พ.ต.ท.ปัณณ์ณภพ นามเมือง อดีต สว.สน.ทองหล่อ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้เปลี่ยนตัวผู้ต้องหา โดยนำ นายสุเวช หอมอุบล พ่อบ้านมารับสมอ้างเป็นคนขับแทน

ต่อมาพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ระหว่างนั้นมีคำสั่งไล่ออกจากราชการ ส่วนนายสุเวช ถูกดำเนินคดีในข้อหาแจ้งความเท็จ

ระหว่างดำเนินคดี มีการเจรจาค่าเสียหายกับครอบครัวดาบตำรวจ มี นายพรอนันต์ กลั่นประเสริฐ พี่ชายเป็นคนเจรจา ผู้เสียหายเรียกเงินไป 8 ล้านบาท แต่ทนายทายาทกระทิงแดงต่อรองอยู่ที่ 2 ล้าน ก่อนมาจบ 3 ล้านบาท ตามที่สังคมรับทราบ

ผลการเยียวยาดังกล่าวทำให้ฝ่ายคนตายไม่อาจเรียกร้องได้ ทั้งทางแพ่ง และอาญา เป็นการปิดปากฝั่งผู้เสียหาย ด้วยเงิน 3 ล้านบาท
          
  ขณะที่ฝ่ายตำรวจมีความพยามช่วยเหลือ “บอส กระทิงแดง” อย่างสุดฤทธิ์ พยาน-หลักฐานใดก็ตามที่เป็นผลลบต่อคดี จะถูกขจัดปัดเป่าออกไปจนหมดสิ้น เช่นความเห็นของกองพิสูจน์หลักฐาน เมื่อตรวจสภาพรถ และกล่องดำ “ฟันธง” ว่าขับขี่ด้วยความเร็วสูง 1 ในทีมพนักงานสอบสวนกลับไม่นำมาใช้ประกอบสำนวน แต่หันไปพึ่งบริการของผู้เชี่ยวชาญกองบังคับการตำรวจจราจร อันเป็นหน่วยงานขึ้นตรงกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล

มีความเห็นผู้เชี่ยวชาญออกมาตรงใจกับขบวนการ “ล้มคดี”ว่า ฝ่ายผู้ต้องหาขับขี่รถมาด้วยความเร็วปกติ !!??

ไม่น่าเชื่อว่าตำรวจที่เกี่ยวข้อกับคดี ยังกล้าปล่อยให้หมดอายุความ กล้าพลิกความจริงจากเมาระหว่างขับ กลายเป็น “เมาหลังขับ” แม้จะมีข้อหาขับรถเร็วรออยู่ แต่ผลของการตัดข้ออื่นๆไปก่อนหน้าแล้วและพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี มีการแจ้งข้อหาประมาทร่วม แก่ด.ต.วิเชียร ด้วย ใครจะกล้ารับประกันว่าในที่สุดเมื่อคดีถึงศาล ท่านก็อาจตัดสินไปตามพยาน-หลักฐานที่ตำรวจ และอัยการ ชงมา
       
      อาจกลายเป็นไปได้ว่า “บอส กระทิงแดง” ขับรถไม่เร็ว ไม่เมา ไม่ผิด เพราะคนตายเปลี่ยนเลนกะทันหันไปตัดหน้า เป็นเรื่องที่สุดวิสัยไปง่ายๆ

ความจริงนี้สังคมจะไม่มีวันได้ทราบเลยว่า ตำรวจเจ้าของคดีต้มยำทำแกงการสอบสวนกันขนาดไหน หากไม่เกิดคดี นายเจนภพ วีรพร ขับเบนซ์ดำชนท้ายเก๋งฟอร์ด ทำให้น.ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย และนายกฤษณะ ถาวร 2 นิสิตปริญญาโท มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ เสียชีวิต เป็นคดีดังเมื่อปี 2559 ก่อนมีการขุดคุ้ยถึงคดีอื่นๆ รวมทั้งกรณี “บอส กระทิงแดง” กระทั่งพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. ออกมาสร้างความตื่นตะลึงให้กับสังคม เมื่อกล้าบอกความจริงที่ว่า มีขบวนการบิดคดีอย่างน่ารังเกียจดังกล่าว

สำหรับตำรวจที่เกี่ยวข้องโดยตรง นอกจากอดีต สวป.สน.ทองหล่อ ที่ถูกไล่ออกจากราชการไปแล้ว ยังมีนายตำรวจที่ถูก ป.ป.ช.ดำเนินการชี้มูล ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อีก 6 คน คือ พล.ต.ต.กฤษฏิ์ เปียแก้ว อดีต ผบก.น.5 (เกษียณฯ) พ.ต.อ.ไตรเมท อุทัย รองผบก.น.5 (เกษียณฯ) พ.ต.อ.ชุมพล พุ่มพวง อดีต ผก.สน.ทองหล่อ พ.ต.อ.สำฤทธิ์ เกตุแย้ม พงส.ผทค.สน.ทองหล่อ พ.ต.ท.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล พงส. และพ.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พงส.

แม้จะมีเสียงยืนยันมาจากฝั่ง ป.ป.ช.ว่าจะไม่ยอมให้การเอาผิดต่อตำรวจชุดดังกล่าว ต้องหมดอายุความ แต่มิได้หมายความว่านั่นคือการแก้ไข หรือเป็นการขุดหลุมความเลวร้ายของขบวนการ “บิดคดี” ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะลำพังจะมีเพียง ผบก. ผกก. หรือพนักงานสอบสวนรู้เห็นเป็นใจกันเท่านั้น

อย่าลืมว่าคดี “บอส กระทิงแดง” เป็นคดีดังระดับประเทศ เป็นข่าวครึกโครมที่คนไทยทุกคนให้ความสนใจ เพราะหากมีสิ่งผิดปกติการตรวจสอบต่างๆ จะต้องรีบเข้ามาค้นหา และแน่นอนว่าถ้าขืนดันทุรังช่วยเหลือคนรวยโดยไม่ยึดถือหลักนิติรัฐ อะไรจะเกิดกับกระบวนการยุติธรรม

แต่พวกนี้ไม่เคยคิด...เวลา 5 ปีของความล่าช้า นอกจากรายชื่อตำรวจดังกล่าวแล้วผู้ที่ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบไม่มากก็น้อยหนีไม่พ้นนายตำรวจระดับ “ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล” ทุกนาย รวมทั้งระดับรองฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลด้านกฏหมาย

แม้วันนี้หลายคนจะเกษียณอายุราชการไปแล้ว หลายคนเป็นใหญ่เป็นโตขึ้น หลายคนกำลังถูกตรวจสอบ แต่ถ้าต้องการได้คำตอบ ต้องการปฏิรูประบบการสอบสวนที่ใช้เงินซื้อหาความยุติธรรมได้ ท่านนายกฯ หรือแม้แต่รองนายกฯ ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องส่งสัญญาณแรงๆ-ชัดๆ ออกมา

ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า มีการจ่ายเงินแลกให้บิดสำนวนเกินกว่า 3 ล้านบาท ซึ่งมากกว่าราคาชีวิตของดาบตำรวจนายนั้น ส่วนใครเป็นคนรับ และคนจ่าย จ่ายให้ใคร ก็คงเป็นเรื่องดำมืดต่อไป

อีกสิ่งหนึ่งที่สังคมไทยควรรับรู้ นั่นก็คือการช่วยเหลือของระดับเบื้องบน คือ “นาย” ที่ออกคำสั่งทางวาจา ไม่มีพยานหลักฐานให้เข้าตัว ส่วนบรรดาลูกน้องก็คือ “นักรบเดนตาย “ เป็น “แกลดิเอเตอร์” หรือลิงที่รอให้ฤษี คอยเสก-เป่าชุบชีวิต

วันนี้ของ พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง อดีต สวป. ที่ถูกไล่ออกจากราชการ ก็ยังคงเรืองรอง ทั้งในฐานะผู้มีพระคุณต่อตระกูลกระทิงแดง และ นายตำรวจที่พ้นมลทิน...หลังเกิดกระแสรุนแรงกระทั่งพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ขณะนั้น ออกมาโวยวายทำนองว่า หน้าไหนก็ไม่กลัว และไม่ยอมให้ลูกน้องตายฟรี ถัดมาเพียงเดือนเดียว พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ ถูกย้ายไปเป็น สวป.สน.บางบอน

อิทธิฤทธิ์-อภินิหาร ของจริงอย่างนี้เมื่อ 4-5 ปีก่อน ใครทำได้ขอให้ท่านพ่อแม่พี่น้องลองกลับไปทบทวนดู
       
       ฟ้าหลังฝน-ผลตอบแทนที่ช่วยคนรวย...พ.ต.ท.ปัณณ์ภณ นามเมือง หลุดพ้นพงหนามมานานแล้ว... ขยับมาเป็นรอง ผก. สส.สน.ท่าเรือ ถิ่นเก่า บก.น.5 แม้จะเหนียมๆ ไม่กลับโรงพักเดิมที่เคยสร้างเกียรติประวัติไว้ แต่ถือว่าสุดยอดฝีมือ...เป็นคำตอบที่ชัดเจนว่า เหตุใดคนรวยจึงไม่ติดคุก...เหตุใดคนรวย...ผู้มีอำนาจจึงคอยเอาใจ-ช่วยเหลือแม้ต้องเสี่ยงเอาอนาคตเข้าแลก

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ...หูตาสว่าง รู้หรือยังทำไมชาวบ้านโดยเฉพาะคนจน จึงชอบมีปัญหากับตำรวจ ทำไมถึงมีผู้คนเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจ ทำไมต้องแยกงานสอบสวนไปจากตำรวจ และทำไม ทุกๆ คำตำหนิในเรื่องของตำรวจ จึงหมุนกลับมาหาท่าน !!??


กำลังโหลดความคิดเห็น