"โสภณ องค์การณ์"
เกิดมาเป็นคนไทยยุคนี้ ถ้ามีข้อสงสัย คำถามมากๆ บางครั้งไม่เป็นที่น่าพิสมัยของผู้ใหญ่ผู้โตในบ้านเมือง ถามอะไรนิดไปสะกิดต่อมอ่อนไหว อาจโดนตะคอกหรือพูดสวนตอกใส่หน้า บางครั้งคิดน้อยใจ นึกว่าคนไทยเป็นพลเมืองชั้น 2 ยามที่มีคนต่างชาติอยู่เต็มเมือง
จนบางพวกที่ทำใจสงบบอกว่า “ก็บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย” ก็อย่างนี้แหละ!
นั่งพิเคราะห์ให้ดี ปล่อยจิตว่าง ชวนให้ฉุกคิดว่าคณะผู้บริหารบ้านเมืองดูแล้วไม่ต่างจากคน 2 บุคลิก หรือในนิยายฝรั่งเรื่อง ดร.เจกิลกับมิสเตอร์ไฮด์ เป็นคน 2 ภาค คือเป็นทั้งนักบุญและปีศาจในร่างเดียวกัน ขึ้นอยู่กับสภาวะของการแปรเปลี่ยน อารมณ์แปรปรวน
สภาพปลอดการเมืองซื้อเสียงเลือกตั้งก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องมีปัญหาว่านักกินเมืองเขมือบหนักจะเข้ามาโกง เสนอนโยบายล้างผลาญงบประมาณแบบประชานิยมถมไม่เต็ม หรือนโยบายจำนำข้าวจนระบบข้าวแทบพินาศล่มจม ถ้าพวกหน้าเดิมยังกุมอำนาจอยู่
เมื่อไม่มีรัฐบาลมาจากนักซื้อเสียงเลือกตั้ง ก็ย่อมมีรัฐบาลเผด็จการทหารอย่างที่เคยเป็นตั้งแต่ปี 2475 ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันครองอำนาจ เลือกตั้งสลับกับการรัฐประหาร ชาวบ้านทนรับสภาพ “สมบัติผลัดกันชม” หน้าชื่นอกตรม คนกุมอำนาจผลัดกันโกยจนรวย
สรุปแล้ว ตั้งแต่ปี 2475 ไม่มีคณะผู้กุมอำนาจไหนรักชาติบ้านเมืองแท้จริง มีแต่โกงมากโกงน้อย มีแต่รัฐบาลอาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ ที่ปลอดคำครหาผลประโยชน์ทับซ้อน ที่เหลือมีบางคณะภาพดี แต่กินเงียบ ฟาดทุกอย่างที่ขวางหน้า ปากอ้างรักชาติมากกว่าใคร
มาถึงยุคนี้ชาวบ้านเหมือน “อยู่ระหว่างเขาควาย” ตามสำนวนฝรั่ง เหลียวซ้ายแลขวาก็เจอสิ่งไม่ดีงามจรรโลงชีวิต บางคนไม่อ้อมค้อมก็ฟันธง “หนีเสือปะจระเข้โว้ย” ก็คงจะมีส่วนจริงบ้างแหละ เห็นส่วนใหญ่ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่เหลาลงไปกลายเป็นไม้รันขี้ทั้งนั้น
ความโลภ ความอยาก ตัณหาในทรัพย์สินเงินทองไม่เลือกที่รักมักที่ชัง!
เอาละ! มาว่ากันเรื่องสภาวะประเทศไทยซักหน่อย หลายปีที่ผ่านมาชาวบ้านเริ่มสงสัยว่าเรามีน้ำยา น้ำซีอิ๊ว มีบารมี หรืออะไรที่ทำให้เพื่อนบ้านเกรงใจบ้างหรือไม่ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราเสียเปรียบ ถูกเอาเปรียบ แต่เรายังไม่กล้าโวย
เกิดอะไรนิด อะไรหน่อย ชาวบ้านฮึดฮัด ฮึ่มๆ ก็มีผู้ใหญ่ผู้โตในบ้านเมืองกระซิบเตือนว่าอย่าทำท่าโกรธเอาจริงเอาจัง อย่าโวยวายเสียงดัง ระวังเพื่อนบ้านไม่พอใจนะ
ถ้าออกอาการเป็นฟืนเป็นไฟเปิดเผยทำให้เพื่อนบ้านโกรธมาก จะเสียความสัมพันธ์นะ!
คนขี้สงสัยอยากสวนดังๆ ว่า “มันเป็นบรรพบุรุษหรือบิดาท่านหรือ?” ก็เกรงใจอีก
ดังนั้นเมื่อเรามีปัญหากับเพื่อนบ้าน เช่นเข้ามาตีกิน ตีขลุมยึดแผ่นดินไปครอบครอง ย้ายหลักหมุดปักปันเขตแดน หรือส่งทหารเข้ามายึดเอาดื้อๆ พวกเราก็ไม่กล้าสำแดงแสดงแสนยานุภาพ อาวุธยุทโธปกรณ์ที่ซื้อเข้ามาสะสมไว้หลายยุคให้เพื่อนบ้านเกรงขาม
กลับใช้ยุทธศาสตร์ “ใช้ความเงียบสงบสยบความเคลื่อนไหว” ไม่โวยวายกระแอมไอ ทั้งที่เพื่อนบ้านขึ้นขี่คอขย่มโชว์ชาวโลก ยังดีที่เพื่อนบ้านไม่เอาเชือกมาร้อยจมูกสนตะพายเอาไปไถนาแทนควาย เพียงแค่นี้วิญญาณปู่ บรรพบุรุษก็แช่งด่าว่าเป็นลูกหลานจัญไรแล้ว
ถ้าล้ำเส้นเกินไป กระสุนลั่นใส่กัน เป็นสงครามจำกัดบริเวณและการใช้กำลังอาวุธ เราก็เห็นเพื่อนบ้านมันล่อเราด้วยอาวุธทุกชนิด เอาทั้งโรงเรียน วัด หมู่บ้านเป็นเป้าหมาย ทางเราดูเหมือนตอบโต้ด้วยความเกรงใจ ให้ชาวโลกรู้ว่าเราเป็นผู้ใหญ่ไม่อยากรังแกเด็ก
ด้วยเหตุนี้ไอ้เด็กเวร เด็กนรก มันถึงได้มองว่าผู้ใหญ่แบบไทยๆ ไม่มีน้ำยา มันนึกอยากจะเขกหัว เตะก้นแล้วยืนแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเมื่อไหร่ที่มันนึกอยากสนุก ก็ทำได้!
วันก่อนมีใครก็ไม่รู้ท้าทายผู้ใหญ่ผู้โต ทะลึ่งถามว่า “มีกองทัพไว้ทำอะไร” โดนสวนกลับแทบตั้งตัวไม่ทัน คนถามก็เป็นพวกมีทัศนคติเหมือนไอ้เด็กนรกเล่นแล้วลามนั่นแหละ น่ากลัวว่าพวกกลุ่มเดิมจะถามซ้ำอีกว่า “ซื้อเรือดำน้ำมาทำอะไร” ฟังแล้วหวาดเสียวแทน
แต่ไม่มีคำตอบชัดเจนว่าทำไมประเทศไทยเกรงใจเพื่อนบ้านเหลือเกิน จนแทบไม่เหลือสถานภาพของรัฐอธิปไตย ไม่ได้เป็นลูกไล่ ไก่รองบ่อน มีศักดิ์ศรีเกียรติภูมิเต็มบ้อง กรณีให้กัมพูชาทำอะไรย่านพื้นที่ชายแดนและเขาพระวิหารคงเป็นอภินิหารทางอำนาจ
ไม่เช่นนั้น เราคงไม่อยู่เฉย มองดูไร้ความรู้สึก เลือดความรักชาติวิ่งเข้าต่อมจนแห้ง ที่ว่ามานี้ไม่ใช่ต้องการสร้างความสัมพันธ์ให้ร้าวฉาน เพียงแต่สงสัยว่าทำไมเราจึงดูหงอ แม้กระทั่งคุณวีระ สมความคิด อยากรู้ว่าบ่อนกาสิโนใหม่อยู่ในพื้นที่ใคร ก็ขอพิสูจน์ไม่ได้
ตอนแรกมีผู้ใหญ่ผู้โตบอกว่าอยู่ในพื้นที่พิพาท ก็มีคำถามต่อ “พิพาทแล้วทำไมกัมพูชาเข้ามาตั้งกาสิโนได้” “ทำไมเราเข้าไปไม่ได้” ตอนหลังเริ่มตั้งหลักได้ บอกว่าเป็นพื้นที่กัมพูชา แม้กระนั้นก็ไม่มีใครกางแผนที่ให้เห็นอย่างกระจ่างชัดว่าเป็นของกัมพูชา
กรณี “โกตี๋” และพวกขี้ข้าเหลี่ยมซุกหัวในลาวใช้ปากพ่นพิษใส่เมืองไทยนานเป็นปีๆ ย่ำยีสถาบันหลักของชาติ ไม่มีผู้ใหญ่ผู้โตหน้าไหนเดือดร้อน จนมีข่าวโจ๊กว่ามีแผนลอบสังหารผู้นำรัฐบาลนั่นแหละ จึงมีอาการเดือดเนื้อร้อนตัว ไล่ล่าขบวนการแต่จับตัวไม่ได้
ก่อนหน้านี้ขอร้องเพื่อนบ้านเราให้ช่วยจัดการ ก็ไร้ผล เขาไม่เกรงเรา เห็นเราเป็นเพื่อนหรืออย่างไร เราไม่มีศักดิ์ศรีบารมีให้เขาเคารพเกรงใจเรา เช่นนั้นหรือ! แบบนี้ก็ไม่ต่างจากมาเลเซีย ปล่อยให้ขบวนการโจรก่อการร้ายซุกตัว ลอบกัดทหาร ชาวบ้านตายไปเยอะ
ระวังเด้อ! จะมีคนกระซิบถามแบบเกรงใจว่า “มีรัฐบาลไว้ทำอะไร” เตือนไว้ก่อนนะ! แต่กระพ้มไม่เกี่ยวนะโว้ย!


