ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - รอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาล คสช.มีแอกชั่นเกี่ยวกับ “พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ” หลายเรื่องนอกจาก คำสั่ง แต่งตั้ง ให้นายสมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ เป็น ประธานคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ คนใหม่ สดๆ ร้อน ๆ
วันก่อนคณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการ “ต่อทีท่าไทยและกรอบการเจรจาสำหรับการเจรจาตราสารห้ามอาวุธนิวเคลียร์” ตามที่กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) เสนอ สาระสำคัญของตราสารห้ามอาวุธนิวเคลียร์และท่าทีไทยและแนวทางในการเจรจา ประกอบด้วย
1. ครอบคลุมประเด็นสำคัญเช่นเดียวกันกับอนุสัญญาด้านการลดอาวุธส่วนใหญ่ เช่นอนุสัญญาห้ามอาวุธชีวภาพ อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี และอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (ไทยเป็นรัฐภาคีทั้ง 3 ฉบับ) ซึ่งจะเน้นการห้ามใช้ ผลิต จัดหา พัฒนา และครอบครองอาวุธและวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องเพื่อการสงคราม หรือในทางมุ่งร้ายเท่านั้น โดยไม่ปิดกั้นแต่มุ่งส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อประโยชน์ในทางสันติและให้มีหลักประกันว่า รัฐภาคีจะไม่นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องไปใช้ในทางที่ขัดต่ออนุสัญญา
2. ท่าทีไทยและแนวทางในการเจรจา จะครอบคลุมสาระสำคัญในประเด็นตามข้อ 1 โดยอิงกับพันธกรณีภายใต้สนธิสัญญา NPT สนธิสัญญากรุงเทพฯ และสนธิสัญญาระหว่างประเทศอื่น ๆ ที่ไทยเป็นภาคี รวมทั้งขีดความสามารถ บริบทและผลประโยชน์ของไทย บนพื้นฐานของบรรทัดฐานระหว่างประเทศและหลักการสากล ซึ่งมุ่งเน้นการเสริมสร้างสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ขจัดภัยคุกคามจากอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง ปิดกั้นช่องทางมิให้ผู้ไม่ประสงค์ดีและกลุ่มก่อการร้ายนำไปก่อเหตุในทางมิชอบ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ในทางสันติ รวมทั้งไม่ขัดต่อนโยบายของรัฐบาลไทย
ย้อนกลับไปสองสัปดาห์ก่อน ครม.เห็นชอบ เดินหน้า “นโยบายและแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานนิวเคลียร์ของประเทศ พ.ศ.2560-2569” ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เสนอ
มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมนานาชาติสำหรับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ในประเทศไทย เพื่อก่อให้เกิดความมั่นคงปลอดภัยจากการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ในภาวะปกติและให้มีมาตรการเผชิญภาวะฉุกเฉินทางนิวเคลียร์และรังสี รวมทั้งเพื่อสร้างความเข้มแข็งของระบบการผลิตและพัฒนากำลังคนและโครงสร้างพื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเพื่อส่งเสริมให้สังคมไทยมีองค์ความรู้และเชื่อมั่นในความปลอดภัยด้านการใช้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ โดยมี 4 ยุทธศาสตร์หลัก ดังนี้ 1) ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านพลังงานนิวเคลียร์ 2) การกำกับดูแลความปลอดภัยจากพลังงานนิวเคลียร์ 3) การผลิตและพัฒนากำลังคนและโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานนิวเคลียร์ และ 4) การใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อการพัฒนาประเทศ
ฉบับสุดท้าย เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงาน (พน.) เสนอ “ร่างความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ว่าด้วยความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ”
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน) เป็นผู้ลงนามในร่างความตกลงดังกล่าว และให้กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้แก่ผู้ลงนาม
สาระสำคัญของเรื่องนี้ ก็เพื่อการพัฒนาความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติกับสาธารณรัฐประชาชนจีนจะก่อให้เกิดความมั่นคงทางพลังงานในด้านองค์ความรู้ ความเข้าใจ และประสบการณ์การใช้พลังงานนิวเคลียร์สำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าและเป็นโอกาสอันดีที่ทรัพยากรบุคคลจากประเทศไทยจะได้เรียนรู้เทคโนโลยีและมีประสบการณ์จริงในการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากประเทศไทยมีความจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ โดยการเลือกใช้เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ประเภทและเทคโนโลยีภายใต้ความร่วมมือดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการใช้พลังงานนิวเคลียร์ จึงจำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติสากล รวมทั้งแนวปฏิบัติของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (International Atomic Energy Agency : IAEA) ซึ่งทั้งสองประเทศต่างเป็นสมาชิก ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงร่วมกันจัดทำร่างความ ตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนว่าด้วยความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (Agreement Between the Government of the Kingdom of Thailand and the Government of the People’ s Republic of China for Cooperation in the Peaceful Uses of Nuclear Energy) ขึ้น เพื่อยกระดับความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า และเพื่อให้การดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้ความร่วมมือข้างต้นมีข้อตกลงระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศอย่างเป็นทางการ
ทั้งหมดเป็นแผนต่อเนื่องมาหลายรัฐบาล เนื่องจากมีการอนุมัติงบประมาณเพื่อพัฒนาในการนี้ โดยเฉพาะตาม “แผนจัดตั้งโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการผลิตไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (NPIEP)” จากรัฐบาลในปี 2550 เช่น กรอบวงเงินงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551 - 2553) จำนวน 1,800 ล้านบาท เพื่อใช้ในการจัดตั้งสำนักพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ (สพน.)
ในสมัยนั้น มีการจัดตั้ง อนุกรรมการ ของ กพช. 6 ชุด จัดทำรายละเอียดแผนการดำเนินงานและแผนงบประมาณในช่วง 3 ปีแรก (พ.ศ. 2551-2553) ใช้งบประมาณ 1,345 ล้านบาท
เมื่อเร็วๆนี้ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เห็นชอบแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ.2558-2579 (PDP2015) โดยในแผนมีการกำหนดให้สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวน 2 โรง ในปี 2569 และ 2570 จำนวนโรงละ 1,000 เมกกะวัตต์
ปลายปี 2558 รัฐบาลจุดประกายพลังงานทางเลือกอนุมัติ ร่าง พ.ร.บ.พลังงานนิวเคลียร์ พ.ศ...ตามที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เสนอ ให้ตั้งกรรมการดู แลมีนายกฯเป็นประธาน เน้นใช้เพื่อสันติไม่เกี่ยวอาวุธทหาร
เมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายสมคิด ได้เรียกประชุมคณะกรรมการพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ (คกก.พนส.) ครั้งแรกภายหลังพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ.2559 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1กุมภาพันธ์ 2560 โดยที่ประชุม วันนั้นได้เห็นชอบร่างกฎหมายลำดับรองที่ต้องออกตามความพระราชบัญญัติพลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ พ.ศ. 2559 ซึ่งต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในวันที่ 28 ตุลาคม 2560 จำนวน 4 ฉบับ ได้แก่
ร่างกฎกระทรวงกำหนดอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบเป็นเครื่องกำเนิดรังสีเป็นเครื่องกำเนิดรังสี พ.ศ. ... ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทเครื่องกำเนิดรังสีที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. ... ร่างกฎกระทรวงกำหนดประเภทวัสดุกัมมันตรังสีที่บุคคลธรรมดาขอรับใบอนุญาตได้ พ.ศ. ... ร่างกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต และการออกใบอนุญาตเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ พ.ศ. ...
โดยนาย สมคิดให้นโยบาย ว่า เป้าหมายหลักคือ เน้นให้การใช้เทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีมีความปลอดภัย มิให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เชื่อว่า จากนี้ไปเมื่อความร่วมมือในการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติระหว่างไทยและนานาประเทศ ที่กำลังจะมีการร่างขึ้นพัฒนาไปทางที่ดี กฎหมายอีกหลายฉบับก็จะออกตามมา เมื่อ นายสมคิด จาตุรศรีพิทักษ์ สั่งเดินหน้า “พลังงานนิวเคลียร์เพื่อสันติ” เพื่อรองรับ ยุค ไทยแลนค์ 4.0 “แหล่งพลังงานทางธรรมชาติและพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ”
ทั้งนี้ การดำเนินการทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นก่อนที่จะมีคำสั่ง คสช. 2 ฉบับ เรื่อง การตั้งกรรมการ อนุกรรมการ ฟังความเห็นสถานการณ์ไฟฟ้าภาคใต้ ช่วง 31 มี.ค.-28 เม.ย.60 นี้ ที่หัวหน้า คสช.ลงนามเมื่อ 16 มีนาคม 2560