xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับ “โกตี๋” กับดีลลับแลกตัว “ไซซะนะ”??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“โกตี๋” หรือ “นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ”
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - มีข้อถกเถียงและคำถามมากมายหลัง “ปฏิบัติการที่คาดไม่ถึง” ในการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 9 จุด ใน 7 จังหวัด ซึ่งเป็นเครือข่ายของ “โกตี๋” หรือ “นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ” แกนนำคนเสื้อแดงสายฮาร์ดคอร์ ที่หลบหนีความผิดสารพัดสารพัน โดยเฉพาะการกระทำความผิดตามมาตรา 112 ไปอยู่ประเทศลาว

เพราะเรื่องใหญ่ใจความสำคัญหลังตรวจพบอาวุธสงคราม ปืน ระเบิดที่วางเรียงรายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะที่บ้านนายธีรชัย อุตรวิเชียร (ระพิน) ที่ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นมือขวาของนายวุฒิพงศ์ ก็คือ เป็นการสะสมเอาไว้สำหรับการ “ลอบสังหาร” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รวมถึง “บุคคลสำคัญ” อีกจำนวนหนึ่ง พร้อมปล่อยข้อมูลเด็ดจาก “ไลน์ส่วนตัว” ของ “ระพิน” ธีรชัย อุตรวิเชียร ที่ติดต่อกับโกตี๋ทางฝั่งลาว

ขณะเดียวกันก็มีการระบุชัดแจ้งด้วยว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวซึ่งหมายถึงเครือข่ายของโกตี๋เตรียมสร้างสถานการณ์รุนแรงหากเจ้าหน้าที่บุกเข้าไปตรวจค้นภายใน “วัดพระธรรมกาย” ก่อนหน้านี้

แถมอาวุธปืนของกลางที่ตรวจพบก็เป็นของทหารที่ถูกกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ยึดไปช่วงการชุมนุมปี 2553 อีกต่างหาก

แน่นอน สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามมากมายว่า ทำไมต้องเป็นโกตี๋ ศักยภาพของเครือข่ายโกตี๋ ผู้มีวันนี้เพราะพี่ให้มีมากมายขนาดนั้นจริงหรือ และทำไมถึงเพิ่งจะมารู้เบาะแสในการสะสมอาวุธ เพราะในความเป็นจริงแล้ว หน่วยงานด้านความมั่นคงทุกหน่วยในประเทศนี้ย่อมรู้อยู่แล้วว่า จุดยืนของโกตี๋คืออะไร ใครๆ ก็รู้ว่า โกตี๋นั้นคือใคร เป็นเด็กของใคร และทำงานรับใช้ใครในบ้านเมืองนี้

ที่สำคัญคือทุกวันนี้ โกตี๋ที่หลบหนีคดีไปอยู่ที่ประเทศลาวก็ยังคงเคลื่อนไหวโจมตีรัฐบาล และปลุกระดมคนเสื้อแดงให้ต่อต้านอำนาจรัฐไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งก็ช่วยไม่ได้เพราะเจ้าตัวดันป่าวประกาศโครมๆ เอง ดังที่ สศจ.-สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล มาบอกเล่าเอาไว้ เพราะเคยเตือนโกตี๋มาแล้วแต่ไม่ฟังแถมยังโดนบรรดาแฟนคลับด่า “ระยำ” กลับมาอีกต่างหาก

หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก “โกตี๋ ผู้มีวันนี้เพราะพี่ให้” ยังลุกออกมาเต้นเหยงๆ ปลุกระดมมวลชนคนเสื้อแดงในย่านปทุมธานีและละแวกใกล้เคียงผ่านวิทยุใต้ดินออนไลน์ที่ออกอากาศจากลาวให้ออกมาสนับสนุนการต่อสู้ของวัดพระธรรมกาย แถมยังยอมรับด้วยว่า มีความผูกพันกับศิษย์พระธมฺมชโยมาตั้งแต่สมัยเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในนามกลุ่มปทุมธานีรักประชาธิปไตย ทว่า ถูกร้องขอให้ยุติการเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวเพราะจะทำให้วัดพระธรรมกายเชื่อมโยงกับกลุ่มคนไม่เอาสถาบัน

ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในฉับพลันทันทีจากฝั่งคนเสื้อแดงก็คือ ปฏิเสธ เฉกเช่นเดียวกับทางฝั่งวัดพระธรรมกาย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร โดยเฉพาะจากฝั่งคนเสื้อแดง เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีความพยายามที่จะแยกแดงล้มสถาบันกับแดงฮาร์ดคอร์ออกไปอยู่แล้ว ด้วยการใช้คำว่า “แดงเทียม” บ้าง ใช้คำว่า “แนวร่วม” บ้าง เนื่องจากหมดความจำเป็นและเงื่อนไขเปลี่ยนไป เพียงแต่ไม่ประสบความสำเร็จด้วยความสัมพันธ์ที่แยกจากกันไม่ออก

แต่ไม่ว่าจะปฏิเสธอย่างไร เครือข่ายโกตี๋จะน่าสะพรึงกลัวหรือไม่ ก็มิใช่สาระสำคัญเท่าใดนัก เพราะในเมื่อหน่วยงานความมั่นคงของรัฐมีหลักฐานเชิงประจักษ์แล้วว่า เครือข่ายโกตี๋สะสมอาวุธและเตรียมปฏิบัติการใหญ่ ทั้งลอบสังหารผู้นำประเทศ และสร้างสถานการณ์กับการชุมนุมของวัดพระธรรมกาย พร้อมทั้งดาหน้ากันออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวใหญ่โตเมื่อลงทุนลงแรงกันถึงขนาดนี้ ดังนั้น สิ่งเดียวที่จะต้องทำนับจากนี้ก็คือ ลากคอ “โกตี๋” มาลงโทษให้ได้ไม่ว่าโกตี๋จะซุกซ่อนตัวอยู่ที่ไหนในประเทศลาว

อย่าทำเพียงแค่ประโคมโหมข่าวแล้วปล่อยให้เรื่องเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเสียเฉยๆ เพราะโลกทั้งโลกจะมองว่าเป็น “ปาหี่” ที่รัฐบาลจัดฉากขึ้นมาโดยหวังผลทางการเมือง อาทิ ต้องการกลบเกลื่อนข่าวฉาวๆ เรื่องดีลลับปรองดอง ต้องการกลบข่าวลือเรื่องความล้มเหลวในการจัดการกับพระธมฺมชโยและวัดพระธรรมกาย จนเหล่าศิษยานุศิษย์โหมประโคมข่าวหลังการยุติการค้นหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษว่า “เราชนะแล้ว”

ไม่เช่นนั้นสังคมก็จะเข้าใจอย่างที่โกตี๋เยาะเย้ยถากถางออกมาดังๆ หลังเจ้าหน้าที่แถลงข่าวเรื่องจับอาวุธไม่ทันข้ามคืนผ่านช่องทางยูทิวบ์ว่า

“วันนี้ผมเห็นลูกน้องที่โดนจับแล้วสงสารเขา เพราะไม่มีปัญญาไปช่วย เขาเป็นคนดีมาก วันนี้โดนยัดข้อหาขนาดนี้ นี่คือความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นตลอดซ้ำแล้วซ้ำเล่าในเมืองไทย ไม่รู้ว่าโดนจับเข้าไปเขาจะโดนทำร้ายมากขนาดไหน ในการที่จะให้เขาใส่ร้ายป้ายสีมาให้ผมให้ได้ ถ้าเป็นไปได้พี่น้องช่วยตามข่าวแทนด้วย ทั้งนี้ กองทัพไม่ต้องซื้ออาวุธหรอก ไปบุกบ้านไหนก็ของโกตี๋ เจออาวุธที่ไหนก็ของโกตี๋ โยงเข้าหาแม้กระทั่งวัดพระธรรมกาย บ้ากันไปใหญ่แล้ว อาวุธที่ค้นเจอนั้นผมยืนยันว่าไม่ใช่ของผมแน่นอน มีการจัดฉากต้องการเล่นงานเครือข่ายของผมทั้งหมด ผมห่วงอย่างเดียวคือห่วงความปลอดภัยของหัวหน้าการ์ดผม เพราะวันนี้เขาได้เสียสละแทนผมทั้งที่เขาไม่รู้เรื่อง ชีวิตผมไม่เคยมีบ้านเป็นหลัง นอนสถานีมาตลอด และออกจากเมืองไทยมา 3 ปีแล้ว อาวุธถ้ามีมากขนาดนั้นผมถล่มพวกเขาไปนานแล้ว ผมไม่เอาไว้หรอก นอกจากนี้ ผมจะสะสมอาวุธไว้ทำไมในเมืองไทย ที่ใจกลางเมืองขนาดนั้น จัดฉากไม่เนียนในการพยายามที่จะให้ผมเป็นคนก่อการร้าย”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะปล่อยให้สังคมเชื่อไปในทิศทางเช่นนั้นไม่ได้

“ผมตามข่าวนี้มานาน ตามมาตลอด ไม่ต้องกลัวในเรื่องความมั่นคง เราตามทุกเรื่อง จำไว้ ส่วนโกตี๋ออกข่าวว่ามีการจัดฉาก ก็โกตี๋จัดฉากไง ก็ว่ากันไป ตอนนี้เอาตัวให้รอดเถอะ ผมจะขอตัวนายโกตี๋จากทางการลาวอยู่แล้ว เพราะมีคดีอาญาเรื่องคดีอาวุธสงครามในประเทศไทย ซึ่งก็จะทำเรื่องขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน อะไรที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย เราจะต้องทำให้สงบ โกตี๋เองควรเห็นใจประเทศ เพราะว่าเป็นคนไทย เวลานี้คนไทยต้องการความสงบ อยากให้ไปย้อนดูในอดีตว่านายโกตี๋เป็นใคร ทำอะไรมาบ้าง อย่างไรก็ตาม ผมย้ำว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้ทำให้ผมหวั่นไหวใดๆ เลย เพราะผ่านสงครามมาเยอะ เราทำเพื่อรับใช้ชาติ ตอนนี้อายุเยอะแล้ว”

นั่นเป็นสิ่งที่ พล.อ.ประวิตร ประกาศเอาไว้

ทั้งนี้ ถ้าหากติดตามความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประวิตรเกี่ยวกับคนเสื้อแดงในลาวก็จะเห็นว่า จริงดังคำที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมบอก เพราะย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ พล.อ.ประวิตรได้เดินทางไปราชการที่ประเทศลาว และกลับมาแจ้งข่าวว่า ทางการลาวรับปากจะดำเนินการกับขบวนการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไทย โดยเฉพาะการใช้คลื่นวิทยุในประเทศเพื่อนบ้านเป็นฐานปล่อยข้อมูลโจมตีสถาบัน เพียงแต่ยังไม่บรรลุวัตถุประสงค์เท่านั้น

ดังนั้น งานนี้ พล.อ.ประวิตรจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว

และไม่ใช่เฉพาะโกตี๋เท่านั้น หากยังต้องรวมไปถึงพวกแดงล้มเจ้าในลาวทั้งหมดด้วย ไม่ว่าจะเป็น “ลุงสนามหลวงหรือชูชีพ ชีวะสุทธิ์” นายสุรชัย แซ่ด่าน นายไตรรงค์ สินสืบผล หรือ ขุนทอง ไฟเย็น, น.ส.รมย์ชลี สมบูรณ์รัตนกูล หรือ แยมมี่ ไฟเย็น, สหาย 112 ที่เป็นนักเขียนชื่อดัง และ สหายยังบลัด เป็นนักจัดรายการวิทยุ เป็นต้น ซึ่งบุคคลเหล่านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในความอุปถัมภ์ค้ำชูดูแลของ “นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ” และ “นายจักรภพ เพ็ญแข”
นายไซซะนะ แก้วพิมพา
กระนั้นก็ดีจากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวระดับสูงทั้งในลาวและไทย ทำให้น่าเชื่อถือได้ว่า หนทางที่ไทยจะได้ตัวโกตี๋และเหล่ากอล้มสถาบันทั้งหลายนั้น อาจมี “ดีลลับ” บางประการระหว่างหน่วยงานความมั่นคงของทั้งสองประเทศผ่านการแลกตัวนักโทษ

เพราะทางการลาวมีความต้องอย่างยิ่งที่จะได้ตัว “นายไซซะนะ แก้วพิมพา” ผู้ต้องหาค้ายาเสพคนสำคัญที่ถูกจับกุมคุมขังดำเนินคดีอยู่ในประเทศไทย เพียงแต่ว่า ทางการไทยต้องคิดสะระตะให้หนักว่า การแลกตัวโกตี๋กับนายไซซะนะนั้นคุ้มหรือไม่

จะเป็นการเอา “ขุน” ไปแลกกับ “เบี้ย” หรือไม่ เพราะแม้โกตี๋จะประกาศใหญ่โตด้วยการจัดตั้งองค์กรการสถาปนาสหพันธรัฐไทย Thai Federation Foundation Organization (T.F.F.O.) แต่ก็เป็นเพียงองค์กรราคาคุยที่มิได้มีราคาค่างวดอะไร

ก็ได้แต่หวังว่า พล.อ.ประวิตร และหน่วยงานความมั่นคงจะไม่เครียดและกดดันเพราะคว้าน้ำเหลวในการล่าตัวและหยุดความเคลื่อนไหว ของโกตี๋จนถึงกับต้องทำแบบนั้น 


กำลังโหลดความคิดเห็น