xs
xsm
sm
md
lg

ไม่มี “บกพร่องโดยสุจริต” ที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้

เผยแพร่:   โดย: สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

ปาร์ค กึน-เฮ อดีตประธานาธิบดีเกาหลีใต้
ในคำตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 8 ท่าน เมื่อช่วงก่อนเที่ยงของวันศุกร์ที่ 10 มีนาคม ให้ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลีใต้ ถูกถอดถอนจากตำแหน่ง นับเป็นการตัดสินอย่างเอกฉันท์ โดยรักษาการประธานศาล (เป็นสตรี) เป็นผู้อ่านคำพิพากษาเพียง 20 นาที (เข้าใจว่าองค์คณะตุลาการมี 9 ท่าน แต่ขาดไป 1 ที่กำลังรอการแต่งตั้งจากรัฐบาลที่ยังไม่ได้นำเรื่องสู่การอนุมัติของสภา) ทำให้ประธานาธิบดีหญิงคนแรกของเกาหลี ต้องพ้นจากตำแหน่งในทันที หลังวันสตรีสากลเพียง 1 วัน

เป็นอีกคราวหนึ่งที่ตอกย้ำการปฏิรูปการเมืองของเกาหลีใต้

ถ้านับประธานาธิบดีหญิงคนแรกที่ทำลายประวัติศาสตร์ ประชาธิปไตยของประเทศต่างๆ นี่ก็เป็นสตรีคนที่ 2 ที่โดนศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่ง อีกคนหนึ่งก็คืออดีตประธานาธิบดี Dilma Rousseff ของบราซิลที่โดนข้อหาใกล้เคียงกัน คือละเลยการปฏิบัติหน้าที่ หรือเข้าข่ายสมรู้ร่วมคิดกับการประพฤติผิดกฎหมาย ด้านการฉ้อราษฎร์บังหลวง โดยคนใกล้ชิดเป็นผู้ละเมิดกฎหมาย

ทันทีหลังคำพิพากษาถ่ายทอดบนจอยักษ์หน้าศาลรัฐธรรมนูญ กลุ่มที่ได้ร่วมกดดันสภาเมื่อ 6 เดือนก่อน เพื่อให้สภาลงมติถอดถอนประธานาธิบดีหญิงปาร์ค ออกจากตำแหน่ง ต่างเฉลิมฉลองต่อชัยชนะของประชาชนในครั้งนี้ตามถนนสายต่างๆ ต่างกระโดดโลดเต้นยิ้มแย้มปีติอย่างที่สุด

ส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาวที่ร่วมกันมาประท้วงที่ท้องถนนด้วยการจุดเทียนขับไล่ประธานาธิบดีหญิงปาร์ค ในช่วงวันเสาร์ของเดือนพฤศจิกายน+ต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา

ต่างกับพวกที่สนับสนุนประธานาธิบดีหญิงปาร์ค เป็นผู้อาวุโสที่มาสนับสนุน หลายคนเคยได้ดิบได้ดีสมัยนายพลปาร์ค และเป็นฐานเสียงของประธานาธิบดีคนปัจจุบัน พวกเขาโกรธแค้นมากกับคำตัดสิน บางคนแต่งเป็นนักรบเพราะเป็นพวกที่เคยสนับสนุนท่านนายพลปาร์ค จุง ฮี อดีตเผด็จการที่ครองอำนาจเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว และเป็นบิดาของประธานาธิบดีหญิงปาร์ค กึน-เฮ คนปัจจุบัน

ทางการเกาหลีภายใต้การนำของนายกฯ ที่เข้ามารักษาการประธานาธิบดีได้ร่วมกับตำรวจและหน่วยความมั่นคง ระดมเจ้าหน้าที่มา 21,000 คนเต็มอัตราศึก เพื่อมาควบคุมไม่ให้ Mob ชน Mob หลังคำตัดสิน อย่างไรก็ตาม ก็มีการปะทะระหว่างตำรวจกับฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดี ถึงเลือดตกยางออก จนฝ่ายสนับสนุนประธานาธิบดีตายไป 3 และบาดเจ็บจำนวนมาก เขาไม่มีตำรวจและทหารมะเขือเทศแบบเรา ที่ไม่ยอมปฏิบัติหน้าที่ในการป้องกันไม่ให้ฝ่ายรุนแรงกระทำกับฝ่ายประท้วงโดยสงบ!!

ประธานาธิบดีหญิงปาร์ค เกวิน ฮาย (อ่านตามตัวสะกดภาษาอังกฤษ) ต้องจบชีวิตการเมืองอย่างน่าอดสูยิ่ง และจะต้องเผชิญกับคดีความต่างๆ อาทิ การฉ้อราษฎร์บังหลวง รับสินบน โกงชาติ ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ สมคบกับผู้กระทำผิดกฎหมาย อีกหลายคดีที่รอเธออยู่หลังหมดเอกสิทธิ์การดำเนินคดีความ

ย้อนไปช่วงที่เธออายุ 21 ปี ขณะกำลังเรียนอยู่ในยุโรป ต้องบินกลับมาเกาหลีใต้ เพราะมารดา (สตรีหมายเลขหนึ่งของนายพลปาร์ค จุง ฮี) ถูกลอบสังหารอย่างโหดเหี้ยม โดยผู้สังหารเป็นจารชนจากเกาหลีเหนือที่วางแผนสังหารประธานาธิบดีนายพลปาร์ค แต่ภรรยามารับเคราะห์แทน เพราะนายพลปาร์คใช้นโยบายแข็งกร้าวกับเกาหลีเหนือ และจับมือกับสหรัฐฯ ในความพยายามบ่อนทำลายเกาหลีเหนือทุกวิถีทาง

เธอได้ตัดสินใจอยู่เป็นเพื่อนปลอบบิดา โดยรับตำแหน่งสตรีหมายเลขหนึ่งที่ทำหน้าที่เคียงข้างบิดาในงานราชการต่างๆ

ในช่วงนี้เอง ได้มีนายชอยที่เป็นผู้นับถือคริสต์ ที่สถาปนาตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญติดต่อทางวิญญาณได้ (เขาเคยนับถือพุทธก่อนเปลี่ยนศาสนา) ได้พบประธานาธิบดีและเล่าให้ฟังว่าวิญญาณภรรยาของประธานาธิบดีได้สื่อสารมาถึงเขา เพื่อให้เขามาปกปักษ์พิทักษ์ท่านประธานาธิบดีและบุตรสาว ช่วงนั้นท่านประธานาธิบดีและบุตรสาวก็เลื่อมใสนายชอยมาก (แม้นายชอยจะมีภรรยาถึง 6 คน) ได้มอบความไว้วางใจในการกำหนดพิธีรีตองต่างๆ ในทำเนียบ จนถึงการเชื่อถือศาสตร์เร้นลับถึงกับให้คำปรึกษาในการตัดสินใจเรื่องสำคัญของบ้านเมืองประเภทฤกษ์ยามต่างๆ จนนายชอย มีสมญาว่าเป็น Rasputin ของทำเนียบสีฟ้า

ต่อมา อิทธิพลของนายชอยเพิ่มมากขึ้นในทำเนียบ จนไปปะทะกับอิทธิพลของหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยของท่านประธานาธิบดี จนหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยได้ใช้ปืนยิงประธานาธิบดีในระยะเผาขน ทำให้บุตรสาวประธานาธิบดีต้องประสบกับความตกใจสุดขีดอีกครั้ง และต้องพึ่งพิงนายชอย และบุตรสาวของเขาคือนางชอย ซุน ซิล ที่มีอายุอยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันกับปาร์ค กึน-เฮ

สาเหตุที่นายพลปาร์ค ถูกลอบสังหาร อาจมาจากการเขม่นกันในทำเนียบ ประกอบกับนายพลปาร์คได้สร้างศัตรูไว้มาก คือประชาชนที่ถูกปราบปรามด้วยกระสุนจริงในการชุมนุมต่อต้านคำสั่งประธานาธิบดีที่เป็นเผด็จการที่บริหารประเทศอย่างไม่โปร่งใส และลิดรอนเสรีภาพของสหภาพและนักศึกษาประชาชนอย่างโหดเหี้ยม เพื่อผลักดันการทุ่มงบประมาณไปสร้างธุรกิจแชร์โบว์ใหญ่ๆ และเปลี่ยนประเทศเป็นอุตสาหกรรมหนักหลากหลายชนิด

หลังการตายของนายพลปาร์ค ยังมีผู้นำอีก 2 คนที่สืบต่อจากปาร์ค จนถึงการปฏิรูปประเทศสู่ประชาธิปไตย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีคิม แด-จุง ซึ่งเคยเป็นฝ่ายค้านขับเคี่ยวมากับนายพลปาร์ค (เขาเคยถูกทรมานในคุกจนขาเดี้ยงไปเลย) ซึ่งคิมได้เปิดสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ และเมื่อหมดวาระของประธานาธิบดีคิม ก็ตามมาด้วยประธานาธิบดีโร ซึ่งเป็นเสมือนมือขวาของคิม

ประธานาธิบดีโร เป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่ในช่วงก่อนหมดวาระก็โดนการเปิดโปงที่ภรรยาแอบไปรับเงินใต้โต๊ะ (จำนวนไม่มากนัก) เพื่อเอาเงินมาซ่อมแซมต่อเติมบ้าน โดยประธานาธิบดีไม่รู้เห็น แต่ในที่สุดก็ต้องแอบไปกระโดดหน้าผา เพื่อหนีพ้นความอับอายต่อการกระทำของภรรยา

หลังจากประธานาธิบดีโรแล้ว ชาวเกาหลีใต้เลือกได้ประธานาธิบดีลี มุน บัค อดีตนายกเทศมนตรีเมืองโซล ซึ่งมีนโยบายกลับมาแข็งกร้าวกับเกาหลีเหนืออีกครั้ง และเมื่อหมดวาระแล้วชาวเกาหลีได้เลือกลูกสาวนายพลปาร์ค เข้ามาเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรก

ช่วงหาเสียงนั้น เธอถูกฝ่ายที่เกลียดชังนายพลปาร์คเอามีดกรีดหน้าเธอ เธอหลบทัน จึงไปโดนบริเวณใต้ใบหูขวาลงมาถึงคอ แต่เธอก็ได้รับคะแนนเห็นใจจากความบาดเจ็บของเธอ ได้คะแนนท่วมท้นชนะตัวแทนฝ่ายค้านที่เป็นฝ่ายก้าวหน้าชื่อ Moon Jae Inn

ผู้ที่ช่วยประธานาธิบดีหญิงปาร์ค ในการรณรงค์หาเสียงก็คือนางชอย ซุน ซิล เพื่อนหญิงใกลชิดที่ให้คำปรึกษาแก่ประธานาธิบดีหญิงในทุกๆ ด้าน โดยเฉพาะทางด้านจิตวิญญาณ รวมทั้งวิธีการหาเสียงจากผู้สนับสนุนนายพลปาร์ค ซึ่งเป็นประชาชนที่สูงอายุและยังภักดีต่อนายพลปาร์ค จุง ฮี

นางชอย ซุน ซิล ออกแบบเพื่อหาเงินให้ตนเองและธุรกิจของนางชอย และบุตรสาว โดยปรึกษากับประธานาธิบดีหญิงปาร์ค เพื่อจัดตั้งมูลนิธิของท่านประธานาธิบดี และให้ธุรกิจ (ใหญ่ๆ) บริจาคเข้ามูลนิธิ (คล้ายของ Bill + Hillary Clinton) เพื่อเป็นสะพานเข้าใกล้ชิดประธานาธิบดี โดยนางชอยเป็นผู้บริหารมูลนิธิ และแอบลักลอบเอาเงินออกไปทำประโยชน์ให้ตนเองมหาศาล ประธานาธิบดีหญิงปาร์ค จะรู้เท่าทันหรือไม่ยังไม่กระจ่างชัด เพราะเธอออกมาบอกประชาชนเพียงว่าเธอเสียใจที่ทำให้ประชาชนเป็นกังวล โดยเธอบอกว่าเธอไม่ได้กระทำผิดใดๆ

ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือน (จากทั้งหมด 6 เดือน) ก็สามารถให้ความเป็นธรรมแก่สังคม และเป็นการกรุยทางเพิ่มความเป็นประชาธิปไตยให้แก่เกาหลีให้ยิ่งทวีคูณ

แม้ตุลาการบางท่านมาจากการเสนอชื่อโดยรัฐบาลขวา-กลางของนายลี มุน บัคก็ตาม แต่ยังรักษาตาชั่งเที่ยงตรงไว้ได้ดีเยี่ยม ไม่มีเลยสำหรับคำว่า “บกพร่องโดยสุจริต” หรือเกิดอาการถ่วงเวลาจน “หมดอายุความ” ดังเช่นขบวนการไม่ยุติธรรมที่เกิดในประเทศของเราอยู่ทุกวี่ทุกวันแทบทุกเรื่องในการโกงบ้านกินเมือง.
กำลังโหลดความคิดเห็น