ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - คุ้นหน้ากันดีสำหรับ พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เพราะออกมาเคลื่อนไหวแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนเป็นประจำในทุกๆ เช้า กระทั่งตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในฐานความผิด หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน, กระทำการให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรืออื่นใดในความมุ่งหมายแก่รัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนก่อให้เกิดความไม่สงบในราชอาณาจักร โดยเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมาก่อนที่จะได้รับการประกันตัว
พระสนิทวงศ์ถือเป็นนักเคลื่อนไหว(เบื้องหน้า) คนสำคัญแห่งวัดพระธรรมกาย ปฏิบัติงานด้านการประสัมพันธ์ สื่อสารองค์กร ภายใต้คำสั่งของ พระครูแอร์ - พระครูสังฆรักษ์อนุรักษ์ โสตถิโก ซึ่งเป็นมือซ้ายของอดีตพระราชภาวนาจารย์ หรือพระทตฺตชีโว
ดร.มโน เลาหวณิช อดีตพระลูกวัดพระธรรมกาย เปิดเผยว่า พระสนิทวงศ์บวชมาแล้ว17 พรรษา และไม่เคยเข้ากุฏิของ พระไชยบูลย์ สุทธิผล (พระธมฺมชโย) ด้วยซ้ำ เพราะปฏิบัติตาม คำสั่งของพระครูแอร์เท่านั้น
ก่อนเข้าสู่ร่มเงาของวัดพระธรรมกาย พระสนิทวงศ์เคยศึกษาที่คณะศิลปศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ จากนั้นตัดสินใจเข้าอบรม “ธรรมทายาท” โดยเปิดเผยผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว Phra Sanitwong Charoenrattawong ความว่า ตอนแรกตั้งใจจะเข้ามาจับผิดวัด แต่เมื่อพบกับพระทตฺตชีโวก็เกิดความประทับใจในหลักคำสอน ตัดทอนตอนหนึ่งความว่า
“วัดพระธรรมกายสอนให้มองโลกในแง่บวก นำความดีของคนอื่นมาพัฒนาตนเอง สอนให้แก้ไขนิสัยไม่ดีของตัว จึง รักวัด รักหลวงพ่อ และมาบวชช่วยงานวัดจนถึงทุกวันนี้”
จากนั้นได้ปฏิบัติศาสนกิจต่างๆ เช่น เดินทางไปร่วมพิธีทอดผ้าป่าสามัคคีที่วัดพระธรรมกาย โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น, มีบทบาทในการช่วยเหลือพระสงฆ์ภาคใต้ รวมทั้งบทบาทในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทางช่อง DMC TV มีความมุ่งมั่นเคยลั่นวาจาในเรื่องสร้างเป้าหมายสามเณรทั่วไทย โดยการใช้เฟซบุ๊กเป็นเครื่องมือเผยแผ่ศาสนามีเป้าหมายให้เยาวชนบวชเป็นสามเณร ซึ่งขณะนั้นได้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สืบค้นกลับไปในปี 2540 ปรากฏชื่อ สนิทวงศ์ เจริญรัตตะวงศ์ บนหน้านิตยสารฉบับหนึ่งและพบว่าเป็นผู้เขียนบทความที่มีเนื้อหาด้านการตลาด เศรษฐกิจ และการศึกษา กลายๆ ว่า พระสนิทวงศ์เคยคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการสื่อก่อนจะเข้ามาในร่มเงาวัดพระธรรมกาย กระทั่ง โดนรวบตัวในเวลาถัดมาด้วยฐานความผิดดังกล่าว
ถัดมาคือ พระมหาทศพร ปุญญังกุโร (พระมหาทศพร บุญยรางกูร) หัวหน้ากองภาพลักษณ์ออนไลน์ เจ้าหน้าที่สื่อสารองค์กร วัดพระธรรมกาย พระดาวรุ่งที่ถือเป็นตัวตายตัวแทน “พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส” เข้ามาทำหน้าที่ด้านสื่อสารองค์กรกล่าวแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนแทนพระสนิทวงศ์ที่ปลาสนาการไร้เงา เนื่องจากกระแสข่าวกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมรวบตัวทันทีตามมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น ก่อนเข้ามอบตัวในภายหลัง
เป็นไปได้ว่า พระมหาทศพร อาจรับคำสั่งโดยจากพระธมฺมชโยให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน แถมยังเปิดตัวดังเปรี้ยงเป็นที่น่าจดจำ ไม่เพียงประโยคบอกรักแต่ยังส่งภาษากายที่ดูจะเป็นปรปักษ์กับความสำรวมของสงฆ์แก่ประชาชนชนคนไทย
“ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร วัดธรรมกายก็ขอยืนยันว่ายังรักและก็ห่วงใยทุกๆ คน ขอส่งมินิฮาร์ทให้กับทุกๆ ท่านในประเทศไทยนะ" พระมหาทศพร กล่าว พร้อมโปรยยิ้มหวานให้กล้องที่กำลังจับภาพอยู่
สำหรับ พระมหาทศพร เข้าสู่ลัทธิธรรมกายเริ่มต้นบวชเรียนตั้งแต่เป็นสามเณร ครองพรรษาอยู่วัดพระธรรมกายมานานหลายปี บรรดาสาวกคุ้นหน้ากันดีเพราะพระหนุ่มฟ้อรูปนี้ เรียกว่าเป็น “พระดารานักเทศน์” แห่งวัดเลยทีเดียว เพราะขึ้นเทศน์ทาง DMC TV บ่อยครั้ง นั่นคือคำบอกเล่าของ ดร.มโน
ไปไงมาไงตัวละครใหม่ที่ออกมาถึงได้เป็นพระรูปนี้ ดร.มโน บอกว่า พระมหาทศพร ได้รับคำสั่งโดยตรงจาก พระไชยบูลย์อย่างแน่นอน ต่างจากพระสนิทวงศ์ ที่รับคำสั่งมาจากทาง พระครูแอร์ มือซ้ายของพระทตฺตชีโว
ย้อนกลับตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ก่อน พระมหาทศพร แสดงบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นชัดในเรื่องการเร่งการระดมพลคนทั่วประเทศให้เดินทางมาร่วมพลังเชิงสัญลักษณ์ แต่ไม่เป็นผลเพราะรัฐบาลสกัดกั้นไว้ทันท่วงที ซึ่งเห็นชัดว่าความพยายามระดมพลครั้งนี้เป็นคำสั่งตรงจากใครและเพื่อใครมีความชัดเจนอยู่แล้ว
“พระมหาทศพรออกมาปลุกปั่น ระดมพลไม่หยุดเลย ก้าวร้าวมาก” ดร.มโน กล่าว
ด้วยความที่อยู่มานานมีผลงานและฝีปากกล้า รวมทั้งเป็นหนึ่งในศิษย์ก้นกุฏิวัดพระธรรมกาย พระมหาทศพร จึงได้รับความไว้วางใจ มอบหมายรับผิดชอบงานสำคัญ การเข้ามารับไม้ต่อในภารกิจครั้งนี้ยังคงต้องจับตามองกันต่อยาวๆ สำหรับถ้อยแถลงกลับผิดให้เป็นถูกของ “พระดารานักเทศน์” รายนี้
ถัดมาคือ พระปลัดเสกสรรค์ อัตตทโม พระลูกวัดเครือข่ายพระธรรมกาย แกนนำกลุ่มศิษย์ธรรมกาย ออกมาเคลื่อนไหวที่ตลาดกลางคลองหลวง จนโดนข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ก่อนเข้ามอบตัวเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2560 และได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์เป็นจำนวนเงิน 2 แสนบาท โดยศาลมีเงื่อนไขห้ามเข้าพื้นที่ควบคุม วัดพระธรรมกายที่ประกาศใช้ ม.44 และห้ามให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเชิงยุงยงปลุกปั่น
“พระปลัดเสกสรรค์ บวชมานานกว่า 20 พรรษา ถือเป็นมือไม้ในการทำงานของพระครูปลัดสุวัฒนโพธิคุณ (สมชาย ฐานวุฑโฒ) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ปัจจุบันดูแลศูนย์วัดพระธรรมกาย จ.ชัยภูมิ” ดร.มโนเล่าข้อมูลและข้อเท็จจริง
หลังออกมาเคลื่อนไหวบรรดาสาวกวัดพระธรรมกาย ยกให้เป็น “นักรบกล้าแห่งกองทัพธรรม” เป็นพระนักเคลื่อนไหวแนวหน้าที่ออกมาปกป้องพระธมฺมชโย ชนิดที่ยอมตายถวายชีวิต แต่แฝงเบื้องหลังเรื่องผลประโยชน์หรือไม่ยังเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบหลักฐาน
พระปลัดเสกสรรค์ ได้เปิดเผยผ่านรายการต่างคนต่างคิด กลายๆ ว่าหากกระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหายินดีให้จับเพียงแต่ว่าคุณโยมต้องจับอาตมาสึกเสียก่อน ความว่า
“ยินดีติดคุก แต่ตามหลักปฏิบัติแล้วพระสงฆ์นั้นไม่สามารถให้ติดคุกได้ โดยไม่มีการลาสิกขาก่อน ดังนั้นตนจะไม่ยอมลาสิกขาเด็ดขาด แม้จะต้องติดคุกกี่ปีก็ตาม โดยที่ยึดแนวทางพระพิมลธรรม”
ปิดท้ายด้วย พระเสถียร คำบ่อ “เจ้าของบัญชีเงินฝาก 13 ล้าน” ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ประธานสงฆ์ธุดงคสถานอุบลราชธานี เครือข่ายวัดพระธรรมกายพระผู้ทรงอิทธิพลในภาคอีสาน ซึ่งถูกวางตัวให้เป็น “เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี” แต่ดูเหมือนเส้นทางจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
พระเสถียร ตกเป็นจำเลยเป็น 1 ในพระที่ถูกควบคุมตัว เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา ขณะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนำกำลังตรวจค้นโกดังเก็บน้ำหมักป้าเช็ง ต.คลองสอง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และควบคุมตัวพระสงฆ์ 2 รูป เณร 9 รูป ฆราวาสและคนงานรวม 23 คน ทั้งยังตรวจสอบพบว่าพระเสถียรมีเงินฝากในบัญชี เกือบ 13 ล้านบาท โดยพระเสถียรอ้างว่าเป็นเงินเก็บส่วนตัว
พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า มีการใช้จ่ายเงินในบัญชีวันละกว่า 10,000 บาท โดยเบื้องต้นอาจเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน
ขณะที่ ดร.มโน เสริมว่า พระเสถียร บวชมา 24 พรรษา พระส่วนใหญ่ไม่มีเงินนอกเสียจากว่า “รับจ๊อบพิเศษ” มาซื้อที่ดินหรือเป็นนอมินีอะไรบ้างอย่าง การตรวจพบเงินในบัญชีกว่า 13 ล้านของพระเครือข่ายวัดพระธรรมกาย อาจไม่ใช่เรื่องน่าแปลกนักเพราะเงินสะพัดในวัดแห่งนี้รวมหลายพันล้านบาทและกระจายอยู่หลายพันบัญชี ซึ่งศูนย์ธรรมกายใน จ.อุบลฯ ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไทย
สำหรับ พระมหาเสถียร เรียนจบ ป.ธ.9 เป็นชาวจังหวัดอุบลราชานี เรียนจบที่วัดพระธรรมกายคลองสาม จากนั้นได้รับความไว้วางใจให้กลับมาสร้างฐานทัพธรรมกายที่ใหญ่ที่สุดในถิ่นอีสานใต้ บนที่ดิน 200 ไร่