ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -การแต่งตั้ง “ตำรวจ”ระดับ รองผู้บังคับการ(รองผบก.)-สารวัตร(สว.) วาระประจำปี 2559 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีความโปร่งใส ยุติธรรม เปิดทางให้คนทำงาน ไร้เส้นไร้สายลืมตาอ้าปาก รวมทั้งจะสกัดการวิ่งเต้นโยกย้าย การซื้อขายเก้าอี้ตามที่สังคมเป็นกังวลได้ขนาดไหน เป็นประเด็นที่ต้องติดตาม
หลังจากมีการออกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (หัวหน้า คสช.) ที่7/2560 เรื่อง การปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ซึ่ง"บิ๊กตู่"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เคยขึงขังเอาไว้ จะต้องหาวิธีป้องกันแก้ไขการทุจริตวิ่งเต้น การซื้อขายตำแหน่งตำรวจ ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง
แต่ผิดคาด พอคำสั่งออกมา เหล่า"สีกากี"ต่างส่ายหน้า ถอนหายใจ เพราะเห็นแล้วก็เป็นแค่"ดราม่าหนังเศร้าสีกากี" อีกฉากหนึ่ง
สำหรับรายละเอียดที่สำคัญของคำสั่ง มีการกำหนด"แต่งตั้ง"ระดับ รองผบก. ลงมา ต้องผ่านคณะกรรมการคัดเลือกหรือบอร์ดกลั่นกรอง ตั้งแต่ระดับ กองบังคับการ(บก.) ซึ่งบอร์ด กองบังคับการ หรือ บก. มี รอง ผบก.ทุกนายเป็นกรรมการ จากนั้นต้องนำบัญชีรายชื่อเสนอระดับ กองบัญชาการ (บช.) ที่ต้องพิจารณาผ่านบอร์ดบช. มี รอง ผบช.ทุกนาย เป็น กรรมการ
และหากผบ.ตร. ไม่ได้มอบอำนาจให้ ผบช. ออกคำสั่ง ทางบช. ก็ต้องนำบัญชีรายชื่อเสนอ บอร์ดตร. ที่มี รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ ทุกนายเป็น กรรมการ
รูปแบบการพิจารณาผ่านแต่ละบอร์ดเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ ก่อนหน้านี้มีอยู่ในกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้ง พ.ศ.2559 ที่กำหนดให้การแต่งตั้ง รองผบก.ลงมา ต้องผ่านบอร์ดบช.พิจารณา เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็ส่งบัญชีรายชื่อให้ตร. ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ได้รับการแต่งตั้ง แล้วส่งกลับให้ ผบช. แต่ละ บช. เซ็นต์ออกคำสั่ง เพียงแต่ในการแต่งตั้ง“นายพัน”วาระประจำปี 2558 ที่ผ่านมา มีคำสั่งคสช. ติดดาบให้อำนาจผบ.ตร. ดำเนินการ ทุกอย่างเลยถูกรวมศูนย์
ครั้งนี้ก็เช่นกัน ถึงจะมีการกำหนดให้แต่ละระดับ มี"บอร์ด"พิจารณารายชื่อแต่งตั้ง แต่คำสั่งหัวหน้าคสช. เรื่องการปรับปรุงระบบการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ที่ออกมาก็ยังให้อำนาจ“ผบ.ตร.”เหมือนเดิม
เพียงแต่ในเนื้อหายังเปิดช่องว่า ถึงผบ.ตร.จะมีอำนาจออกคำสั่ง แต่ผบ.ตร.ก็สามารถมอบอำนาจให้ระดับ รองผบ.ตร. ที่ปรึกษา (สบ.10) ผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือ ผบช.ออกคำสั่งแทนก็ได้ ซึ่งเท่ากับว่า"ผบ.ตร."ก็ยังมีอำนาจจะให้ผู้อื่นเซ็นต์คำสั่ง หรือตัวเองเซ็นต์เองก็ได้
แต่ดูแล้ว ผบ.ตร.น่าจะเก็บอำนาจไว้ที่ตัวเองมากกว่า หากผบ.ตร. ยอมปล่อยมือหมด ตัวเองก็จะไม่มีอำนาจต่อรองในการแต่งตั้งใดๆ
การปรับปรุงระบบการแต่้งตั้ง ที่ดูจะใหม่หน่อยก็ตรงการเพิ่มช่องทางการร้องเรียน หากพบการแต่งตั้งไม่ชอบธรรม ทุจริต เรียกรับ สามารถร้องเรียนต่อศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กระทรวงยุติธรรม ตรวจสอบ หากมีความจำเป็นนำไปสู่การเสนอหัวหน้าคสช. เพื่อสั่งให้ข้าราชการตำรวจที่ถูกร้องเรียนหรือเกี่ยวข้องไปปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงานอื่นหรือ นอกตร.เป็นการชั่วคราวระหว่างการตรวจสอบได้ ทว่าก็มีคำถามว่า ศอตช. จะเป็นที่พึ่งได้มากน้อยแค่ไหน
สิ่งที่ผู้มีอำนาจขึงขังต้องการแก้ไข พอมีกฎใหม่ออกมา กลับเป็นเพียงแค่“สวยแต่รูปจูบไม่หอม”และตำรวจส่วนใหญ่เริ่มทำใจที่จะเข้าตำราเดิมๆ เหมือนที่ผ่านๆ มา
แต่อย่างไรก็ดี พอเห็นแนวทางการแต่งตั้ง ที่“ผบ.ตร. ”ออกบันทึกข้อความสั่งการ เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ เมื่อวันที่ 24 ก.พ.56 ส่งไปถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่าผบก. ในสังกัด สง.ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ก็พอจะทำให้ใจชื้นว่าการแต่งตั้ง“นายพัน”ปีนี้ การกินรวบตำแหน่งของบรรดาเด็กเส้น การวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่ง อาจจะทำได้ยากและลำบากมากขึ้น
โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ กำหนดให้หน่วยระดับ บก. และบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร.ให้หัวหน้าหน่วยแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ระดับบก. เพื่อพิจารณาแต่งตั้ง “นายพัน”วาระปี 2559 แล้วเสนอต่อ ผบช. หรือผบ.ตร. ในวันที่ 28 มี.ค.60 ส่วนระดับ บช. พิจารณารายชื่อแล้วเสนอ ผบ.ตร.ภายในวันที่ 3 เม.ย.60
ที่น่าสนใจและถือเป็นความหวังในการสกัดพวกเด็กเส้น เด็กฝาก พวกวิ่งเต้น คือ การที่“ผบ.ตร. ”กำหนดรูปแบบการจัดส่งบัญชีพิจารณาแบบทำเป็นแท่ง ทำเป็นล็อต ตั้งแต่ระดับ รองผบก.-ผกก.-รองผกก.-สว. ตามแท่งที่ว่าง ไม่เพียงแค่การเสนอชื่อคนนั้น คนนี้ ไปดำรงตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้
ซึ่งข้อดีของส่งเป็นแท่ง ส่งเป็นล็อกขึ้นมา หากจะมีการแก้ชื่อบางตำแหน่ง ที่บช. เสนอชึ้นมา จะยุ่งยาก เนื่องจากจะไปพันล็อกอื่น วุ่นวาย กระทบกันไปหมด วิธีนี้ก็จะช่วยประคองบัญชีที่ บช. เสนอขึ้นมาไม่ให้ถูกแก้จากส่วนกลางได้ แม้จะไม่ 100% แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรมาขัดขวาง มาป้องกันพวกเหาะเหินเดินอากาศเลย
เมื่อสร้างกฎ สร้างระเบียบ สร้างกำแพง ป้องกันการวิ่งเต้น การซื้อขายเก้าอี้ อย่างเต็มที่แล้ว การแต่งตั้ง“นายพัน”สีกากี ระดับ รองผบก.-สว. วาระประจำปี 2559 จะเกิดความเป็นธรรม เกิดความโปร่งใส่ ได้อย่างที่ต้องการหรือไม่ ต้องคอยติดตาม .