ปัญญาพลวัตร
โดย พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
การทำศึกกับลัทธิธรรมกายในครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก รัฐบาลได้ทุ่มเทจนหมดหน้าตัก ด้านหนึ่งได้ใช้สัญลักษณ์เชิงอำนาจสูงสุดตามกฎหมายโดยประกาศใช้มาตรา ๔๔ และประกาศให้ธัมมชโยและสาวกจำนวนหนึ่งไปรายงานตัว และอีกด้านหนึ่งใช้กำลังพลนับพันนายเข้าไปตรวจค้นและล้อมวัดธรรมการเอาไว้ หากการใช้อำนาจที่เข้มข้นและกำลังพลจำนวนมหาศาลยังไม่สามารถจัดการกับธรรมชโยและธรรมกายได้ ย่อมเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอำนาจรัฐมีข้อจำกัดไม่น้อยเมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายกับลัทธิความเชื่อที่กอปรไปด้วยสาวกจำนวนมากซึ่งมีศรัทธาอย่างแรงกล้า
ในยุคร่วมสมัยของสังคมไทยไม่มีลัทธิความเชื่อใดที่มีความเข้มแข็งมากเท่ากับลัทธิธรรมกาย ความเข้มแข็งของลัทธิธรรมกายมาจากการสร้างชุดความเชื่อที่อิงแอบศาสนาพุทธ มีระบบการทำให้ความเชื่อกลายเป็นสินค้า โดยเชื่อมโยงกับสภาวะหลังความตาย จากนั้นก็ผลิตเป็นสินค้าหลากหลายรูปแบบ มีทั้งสินค้าที่เป็นนามธรรมโดยไม่มีวัตถุเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่เป็นรูปธรรมที่มีวัตถุเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ลัทธิธรรมกายได้ใช้สินค้าเหล่านี้เป็นแหล่งที่มาของรายได้ นำมาสร้างเป็นอาณาจักรที่ใหญ่โต จนแม้แต่อำนาจรัฐก็ยังต้องถดถอย
การที่ลัทธิธรรมกายสามารถขยายฐานของสาวกผู้ภักดีได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง จนสามารถนำมาท้าทายอำนาจรัฐได้นั้นมีกลไกหลักอย่างน้อยสี่ประการ
ประการแรก กลไกการผลิตความเชื่อและการปลูกฝังความเชื่ออย่างต่อเนื่อง ความเชื่อของลัทธิธรรมกายเป็นความเชื่อที่ต้องจริตของคนไทยจำนวนมาก เพราะเป็นความเชื่อที่อ้างอิงจากนิยายปรำปราที่แอบแฝงอยู่ในศาสนาพุทธ ตั้งแต่ความเชื่อเรื่องสวรรค์ชั้นต่างๆ ไปจนถึงความเชื่อเรื่องนิพพาน ตามปกติความเชื่อเหล่านี้ก็ถูกปลูกฝังและมีการถ่ายทอดอยู่แล้วในสังคมไทย มีคนจำนวนหนึ่งที่ตั้งลัทธิโดยใช้ความเชื่อเหล่านี้อยู่บ้าง แต่ไม่มีใครทำได้เท่ากับที่ธัมชโยและสาวกของเขาทำ
แกนนำลัทธิธรรมกายสามารถสร้างจินตนาการและถ่ายทอดจินตนาการที่สร้างขึ้นมาให้เข้าไปเกาะกุมจิตสำนึกของคนจำนวนนับล้านในสังคม โดยใช้หลักการตลาดของระบบทุนนิยม และใช้เทคโนโลยีการสื่อสารอันทันสมัยทุกรูปแบบเป็นเครื่องมือหลักในการถ่ายทอดความเชื่อ รวมทั้งมีการจัดตั้งมวลชนในแนวลึกแทรกซึมเข้าไปสู่องค์การต่างๆในสังคมอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยเฉพาะชมรมด้านพุทธศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ
ประการที่สอง นอกจากจะได้เงินตรามาจากการผลิตสินค้าความเชื่อแล้ว ลัทธิธรรมกายยังส่งสาวกเข้าไปแสวงหากำไรในตลาดหุ้นอีกด้วย ซึ่งทำให้สามารถทำรายได้เข้าสู่ลัทธิธรรมกายอย่างมหาศาสล ไม่เพียงแค่นั้นสาวกบางส่วนแฝงตัวเข้าไปในสถาบันทางการเงินบางแห่ง รอจังหวะการเติบโตและมีอำนาจในสถาบันการเงินนั้น ครั้นเมื่อยีดกุมอำนาจการบริหารสถาบันทางการเงินใดได้แล้ว ก็จะทำการยักย้ายถ่ายเทเงินจากสถาบันการเงินนั้นบริจาคให้กับลัทธิธรรมกาย ดังที่เกิดขึ้นใน สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นนั่นเอง
ประการที่สาม แกนนำลัทธิธรรมกายตระหนักดีว่า การมีเงินตราอย่างเดียวไม่อาจทำให้ลัทธิธรรมกายมีความเข้มแข็งและมั่นคงได้อย่างยาวนาน การเล่นเกมอำนาจจึงเป็นอีกอาณาบริเวณหนึ่งที่แกนนำลัทธิธรรมกายเดินเข้าไปเพื่อควบคุม สถาบันเชิงอำนาจที่อาจส่งผลกระทบกับลัทธิธรรมกายได้คือ สถาบันอำนาจฝ่ายสงฆ์ อันได้แก่ มหาเถรสมาคม และสถาบันอำนาจฝ่ายรัฐ อันได้แก่รัฐบาล รัฐสภา และพรรคการเมือง
การเข้าไปเล่นเกมอำนาจอำนาจในเถรสมาคมนั้น ไม่มีอะไรเป็นเครื่องมือที่ดีไปกว่าการนำเงินตรา วัตถุสิ่งของ และสิ่งก่อสร้างไปบรรณาการแก่ผู้ที่ทรงอำนาจในสถาบันฝ่ายสงฆ์ และนักบวชอื่นๆที่มีศักยภาพในการก้าวขึ้นมามีอำนาจในสถาบันสงฆ์ การดำเนินงานเช่นนี้ของลัทธิธรรมกายกระทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับส่วนกลางส่วนภูมิภาค จนกระทั่งลัทธิธรรมกายสามารถครอบงำสถาบันสงฆ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ดังที่เราเห็นได้จากเมื่อแกนนำลัทธิธรรมกายอย่างธัมมชโย ประพฤติผิดกฎหมายบ้านเมือง และผิดพระธรรมวินัย บรรดาผู้ทรงอำนาจในสถาบันสงฆ์จำนวนมากต่างช่วยกันปกป้องและช่วยเหลือ โดยปราศจากความตระหนักรู้ว่าสิ่งใดถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เพียงแต่กระทำตามแรงปรารถนาฝ่ายต่ำเพื่อปกป้องธัมชโยเท่านั้น
สำหรับสถาบันอำนาจฝ่ายรัฐนั้น ลัทธิธรรมกายได้แทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานราชการและพรรคการเมืองหลายพรรค ทั้งยังแทรกซึมเข้าไปในรัฐบาลและรัฐสภาอีกด้วย เรียกว่าในสถาบันเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มีสาวกของลัทธิธรรมกายแฝงตัวอยู่ไม่น้อยทั้งอย่างเปิดเผย และซ่อนเร้น ในบางห้วงเวลาพรรครัฐบาลบางพรรคมีความผนึกแน่นกับลัทธิธรรมกายจนเป็นเนื้อเดียวกัน ผสานกันเพื่อกำกับบงการทิศทางของสังคมไทย พรรคที่เคยเป็นรัฐบาลและมีความแนบแน่นกับลัทธิธรรมกายคือ พรรคไทยรักไทยในอดีต แต่ปัจจุบันพรรคไทยรักไทยล่มสลายไปแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างลัทธิธรรมกายกับพรรคการเมืองที่สืบทอดจากพรรคนั้นก็อาจดำรงอยู่ แม้ว่าจะไม่แนบแน่นดังในอดีต ในด้านสมาชิกรัฐสภาในบางช่วงที่มีการเลือกตั้ง ก็จะมีสาวกของลัทธิธรรมกายจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปเป็นสมาชิกรัฐสภา
กล่าวได้ว่าลัทธิธรรมกายเข้าไปกุมสภาพเพื่อจัดการอำนาจทั้งฝ่ายสถาบันสงฆ์และสถาบันรัฐไทยต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน จนมีสาวกหรือผู้สนับสนุนลัทธิเข้าไปดำรงตำแหน่งในจุดสำคัญขององค์การต่างๆทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายรัฐ ดังนั้นเมื่อผู้บริหารประเทศชุดปัจจุบันจะดำเนินการทางกฎหมายกับแกนนำลัทธิธรรมกาย จึงมีอุปสรรคเกิดขึ้นอย่างมากมาย
ประการที่สี่ การจัดตั้งมวลชน มวลชนของธรรมกายนั้นมีทั้งมวลชนที่เป็นสาวกทางความเชื่อ และมวลชนที่ได้รับการเกื้อหนุนด้วยเงินตรา มวลชนที่เป็นสาวกทางความเชื่อนั้นต่างลุ่มหลงและศรัทธาอย่างแรงกล้าในตัวแกนนำของลัทธิ จิตพื้นฐานของมวลชนเหล่านี้อาจขาดความเข้มแข็ง รวมทั้งขาดความเข้าใจในแก่นของศาสนาพุทธอย่างแท้จริง จึงถูกชักนำและล่อลวงจากแกนนำลัทธิโดยง่าย แต่ก็น่าเห็นใจเพราะว่าการจัดระบบการล่อลวงนั้นประกอบด้วยชุดของสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนจนทำให้เกิดความเคลิมเคลิ้มโดยง่าย ตั้งแต่บรรยากาศของพิธีกรรม การแต่งตัว การบรรยายด้วยวาจา สถานที่อันโอ่โถง การใช้เทคโนโลยี และการกระตุ้นความปรารถนาหลังความตายของผู้คน
มวลชนที่งมงายด้วยความเชื่อและความลุ่มหลง ย่อมไม่มีวันยอมรับความจริงว่า แกนนำของตนเองเป็นพวกหลอกลวง เพราะนั่นหมายความว่าพวกตนเองกลายเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกลวงด้วย แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับความความรู้สึกสิ้นหวัง เหมือนสิ้นโลก เมื่อสิ่งที่ตนเองเคารพบูชาอย่างแรงกล้าล่มสลายลงไปและกลายเป็นสิ่งอื่นที่ลักษณะตรงกันข้ามกับภาพที่เคยนำเสนอมาอย่างยาวนาน มวลชนเหล่านี้จึงต้องปกป้องแกนนำลัทธิอย่างถึงที่สุด เพราะนั่นเท่ากับเป็นการปกป้องจิตและความเชื่อของตนเองไม่ให้ล่มสลายไปด้วย
มวลชนอีกประเภทคือมวลชนที่ได้รับการเกื้อหนุนด้วยเงินตรา มวลชนพวกนี้อาจเคยได้รับการสนับสนุนเงินตราจากลัทธิธรรมกายมาก่อน เช่น การให้ทุนการศึกษา หรือการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ เมื่อแกนนำลัทธิธรรมกายประสบปัญหาก็มีการระดมจัดตั้งมวลชนเหล่านี้เข้ามาปกป้อง มวลชนพวกนี้มีทั้งที่เป็นคนสามัญและเป็นนักบวช ผสมปนเปกันไป แต่สำหรับการคัดง้างกับอำนาจรัฐ แกนนำลัทธิธรรมกายรู้ดีกว่าการใช้สัญลักษณ์ของความเป็นนักบวชนั้นสามารถเป็นเกราะป้องกันได้ดีกว่าการไม่มีสัญลักษณ์เหล่านั้น พวกเขาจำนวนหนึ่งที่เป็นคนสามัญจึงเปลี่ยนร่างแปลงโฉมเป็นนักบวชชั่วคราว เมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปทำการตรวจค้นในสำนักธรรมกาย นักบวชปลอมจึงต่อต้านอย่างแข็งขันและแสดงพฤติกรรมที่นักบวชจริงไม่กระทำออกมา อย่างการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รัฐและสื่อมวลชน
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายอำนาจรัฐไม่สามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าลัทธิธรรมกายได้นั้น ย่อมเป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นว่า ในสังคมใดก็ตาม หากมีลัทธิความเชื่อใดสถาปนาขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว หากการดำเนินการของลัทธิเหล่านั้นเป็นการหลอกลวงประชาชนและทำการละเมิดกฎหมายจนกระทบต่อสังคมอย่างร้ายแรง และฝ่ายอำนาจรัฐต้องการใช้กฎหมายเพื่อจัดการตามกระบวนการยุติธรรม ก็จะทำได้อย่างยากลำบาก เพราะต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างแข็งแกร่ง จนทำให้รัฐไร้ปัญญาในการจัดการได้
ยิ่งประเทศใดที่อำนาจรัฐและการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ การจัดการกับองค์การหรือลัทธิความเชื่อที่มีทั้งเงินตรา อำนาจ ความเชื่อทางวัฒนธรรม และมวลชนหนุนหลังอยู่นั้น ก็ยิ่งยากมากยิ่งขึ้น ดังที่ประเทศไทยประสบอยู่ในเวลานี้นั่นเอง
โดย พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต
การทำศึกกับลัทธิธรรมกายในครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก รัฐบาลได้ทุ่มเทจนหมดหน้าตัก ด้านหนึ่งได้ใช้สัญลักษณ์เชิงอำนาจสูงสุดตามกฎหมายโดยประกาศใช้มาตรา ๔๔ และประกาศให้ธัมมชโยและสาวกจำนวนหนึ่งไปรายงานตัว และอีกด้านหนึ่งใช้กำลังพลนับพันนายเข้าไปตรวจค้นและล้อมวัดธรรมการเอาไว้ หากการใช้อำนาจที่เข้มข้นและกำลังพลจำนวนมหาศาลยังไม่สามารถจัดการกับธรรมชโยและธรรมกายได้ ย่อมเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าอำนาจรัฐมีข้อจำกัดไม่น้อยเมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายกับลัทธิความเชื่อที่กอปรไปด้วยสาวกจำนวนมากซึ่งมีศรัทธาอย่างแรงกล้า
ในยุคร่วมสมัยของสังคมไทยไม่มีลัทธิความเชื่อใดที่มีความเข้มแข็งมากเท่ากับลัทธิธรรมกาย ความเข้มแข็งของลัทธิธรรมกายมาจากการสร้างชุดความเชื่อที่อิงแอบศาสนาพุทธ มีระบบการทำให้ความเชื่อกลายเป็นสินค้า โดยเชื่อมโยงกับสภาวะหลังความตาย จากนั้นก็ผลิตเป็นสินค้าหลากหลายรูปแบบ มีทั้งสินค้าที่เป็นนามธรรมโดยไม่มีวัตถุเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับสินค้าที่เป็นรูปธรรมที่มีวัตถุเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน ลัทธิธรรมกายได้ใช้สินค้าเหล่านี้เป็นแหล่งที่มาของรายได้ นำมาสร้างเป็นอาณาจักรที่ใหญ่โต จนแม้แต่อำนาจรัฐก็ยังต้องถดถอย
การที่ลัทธิธรรมกายสามารถขยายฐานของสาวกผู้ภักดีได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง จนสามารถนำมาท้าทายอำนาจรัฐได้นั้นมีกลไกหลักอย่างน้อยสี่ประการ
ประการแรก กลไกการผลิตความเชื่อและการปลูกฝังความเชื่ออย่างต่อเนื่อง ความเชื่อของลัทธิธรรมกายเป็นความเชื่อที่ต้องจริตของคนไทยจำนวนมาก เพราะเป็นความเชื่อที่อ้างอิงจากนิยายปรำปราที่แอบแฝงอยู่ในศาสนาพุทธ ตั้งแต่ความเชื่อเรื่องสวรรค์ชั้นต่างๆ ไปจนถึงความเชื่อเรื่องนิพพาน ตามปกติความเชื่อเหล่านี้ก็ถูกปลูกฝังและมีการถ่ายทอดอยู่แล้วในสังคมไทย มีคนจำนวนหนึ่งที่ตั้งลัทธิโดยใช้ความเชื่อเหล่านี้อยู่บ้าง แต่ไม่มีใครทำได้เท่ากับที่ธัมชโยและสาวกของเขาทำ
แกนนำลัทธิธรรมกายสามารถสร้างจินตนาการและถ่ายทอดจินตนาการที่สร้างขึ้นมาให้เข้าไปเกาะกุมจิตสำนึกของคนจำนวนนับล้านในสังคม โดยใช้หลักการตลาดของระบบทุนนิยม และใช้เทคโนโลยีการสื่อสารอันทันสมัยทุกรูปแบบเป็นเครื่องมือหลักในการถ่ายทอดความเชื่อ รวมทั้งมีการจัดตั้งมวลชนในแนวลึกแทรกซึมเข้าไปสู่องค์การต่างๆในสังคมอย่างต่อเนื่องและยาวนาน โดยเฉพาะชมรมด้านพุทธศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่างๆ
ประการที่สอง นอกจากจะได้เงินตรามาจากการผลิตสินค้าความเชื่อแล้ว ลัทธิธรรมกายยังส่งสาวกเข้าไปแสวงหากำไรในตลาดหุ้นอีกด้วย ซึ่งทำให้สามารถทำรายได้เข้าสู่ลัทธิธรรมกายอย่างมหาศาสล ไม่เพียงแค่นั้นสาวกบางส่วนแฝงตัวเข้าไปในสถาบันทางการเงินบางแห่ง รอจังหวะการเติบโตและมีอำนาจในสถาบันการเงินนั้น ครั้นเมื่อยีดกุมอำนาจการบริหารสถาบันทางการเงินใดได้แล้ว ก็จะทำการยักย้ายถ่ายเทเงินจากสถาบันการเงินนั้นบริจาคให้กับลัทธิธรรมกาย ดังที่เกิดขึ้นใน สหกรณ์เครดิตยูเนียนคลองจั่นนั่นเอง
ประการที่สาม แกนนำลัทธิธรรมกายตระหนักดีว่า การมีเงินตราอย่างเดียวไม่อาจทำให้ลัทธิธรรมกายมีความเข้มแข็งและมั่นคงได้อย่างยาวนาน การเล่นเกมอำนาจจึงเป็นอีกอาณาบริเวณหนึ่งที่แกนนำลัทธิธรรมกายเดินเข้าไปเพื่อควบคุม สถาบันเชิงอำนาจที่อาจส่งผลกระทบกับลัทธิธรรมกายได้คือ สถาบันอำนาจฝ่ายสงฆ์ อันได้แก่ มหาเถรสมาคม และสถาบันอำนาจฝ่ายรัฐ อันได้แก่รัฐบาล รัฐสภา และพรรคการเมือง
การเข้าไปเล่นเกมอำนาจอำนาจในเถรสมาคมนั้น ไม่มีอะไรเป็นเครื่องมือที่ดีไปกว่าการนำเงินตรา วัตถุสิ่งของ และสิ่งก่อสร้างไปบรรณาการแก่ผู้ที่ทรงอำนาจในสถาบันฝ่ายสงฆ์ และนักบวชอื่นๆที่มีศักยภาพในการก้าวขึ้นมามีอำนาจในสถาบันสงฆ์ การดำเนินงานเช่นนี้ของลัทธิธรรมกายกระทำอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับส่วนกลางส่วนภูมิภาค จนกระทั่งลัทธิธรรมกายสามารถครอบงำสถาบันสงฆ์ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ดังที่เราเห็นได้จากเมื่อแกนนำลัทธิธรรมกายอย่างธัมมชโย ประพฤติผิดกฎหมายบ้านเมือง และผิดพระธรรมวินัย บรรดาผู้ทรงอำนาจในสถาบันสงฆ์จำนวนมากต่างช่วยกันปกป้องและช่วยเหลือ โดยปราศจากความตระหนักรู้ว่าสิ่งใดถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง เพียงแต่กระทำตามแรงปรารถนาฝ่ายต่ำเพื่อปกป้องธัมชโยเท่านั้น
สำหรับสถาบันอำนาจฝ่ายรัฐนั้น ลัทธิธรรมกายได้แทรกซึมเข้าไปในหน่วยงานราชการและพรรคการเมืองหลายพรรค ทั้งยังแทรกซึมเข้าไปในรัฐบาลและรัฐสภาอีกด้วย เรียกว่าในสถาบันเหล่านั้นล้วนแล้วแต่มีสาวกของลัทธิธรรมกายแฝงตัวอยู่ไม่น้อยทั้งอย่างเปิดเผย และซ่อนเร้น ในบางห้วงเวลาพรรครัฐบาลบางพรรคมีความผนึกแน่นกับลัทธิธรรมกายจนเป็นเนื้อเดียวกัน ผสานกันเพื่อกำกับบงการทิศทางของสังคมไทย พรรคที่เคยเป็นรัฐบาลและมีความแนบแน่นกับลัทธิธรรมกายคือ พรรคไทยรักไทยในอดีต แต่ปัจจุบันพรรคไทยรักไทยล่มสลายไปแล้ว แต่ความสัมพันธ์ระหว่างลัทธิธรรมกายกับพรรคการเมืองที่สืบทอดจากพรรคนั้นก็อาจดำรงอยู่ แม้ว่าจะไม่แนบแน่นดังในอดีต ในด้านสมาชิกรัฐสภาในบางช่วงที่มีการเลือกตั้ง ก็จะมีสาวกของลัทธิธรรมกายจำนวนไม่น้อยที่เข้าไปเป็นสมาชิกรัฐสภา
กล่าวได้ว่าลัทธิธรรมกายเข้าไปกุมสภาพเพื่อจัดการอำนาจทั้งฝ่ายสถาบันสงฆ์และสถาบันรัฐไทยต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนาน จนมีสาวกหรือผู้สนับสนุนลัทธิเข้าไปดำรงตำแหน่งในจุดสำคัญขององค์การต่างๆทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายรัฐ ดังนั้นเมื่อผู้บริหารประเทศชุดปัจจุบันจะดำเนินการทางกฎหมายกับแกนนำลัทธิธรรมกาย จึงมีอุปสรรคเกิดขึ้นอย่างมากมาย
ประการที่สี่ การจัดตั้งมวลชน มวลชนของธรรมกายนั้นมีทั้งมวลชนที่เป็นสาวกทางความเชื่อ และมวลชนที่ได้รับการเกื้อหนุนด้วยเงินตรา มวลชนที่เป็นสาวกทางความเชื่อนั้นต่างลุ่มหลงและศรัทธาอย่างแรงกล้าในตัวแกนนำของลัทธิ จิตพื้นฐานของมวลชนเหล่านี้อาจขาดความเข้มแข็ง รวมทั้งขาดความเข้าใจในแก่นของศาสนาพุทธอย่างแท้จริง จึงถูกชักนำและล่อลวงจากแกนนำลัทธิโดยง่าย แต่ก็น่าเห็นใจเพราะว่าการจัดระบบการล่อลวงนั้นประกอบด้วยชุดของสัญลักษณ์ที่ซับซ้อนจนทำให้เกิดความเคลิมเคลิ้มโดยง่าย ตั้งแต่บรรยากาศของพิธีกรรม การแต่งตัว การบรรยายด้วยวาจา สถานที่อันโอ่โถง การใช้เทคโนโลยี และการกระตุ้นความปรารถนาหลังความตายของผู้คน
มวลชนที่งมงายด้วยความเชื่อและความลุ่มหลง ย่อมไม่มีวันยอมรับความจริงว่า แกนนำของตนเองเป็นพวกหลอกลวง เพราะนั่นหมายความว่าพวกตนเองกลายเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกลวงด้วย แต่นั่นยังไม่ร้ายเท่ากับความความรู้สึกสิ้นหวัง เหมือนสิ้นโลก เมื่อสิ่งที่ตนเองเคารพบูชาอย่างแรงกล้าล่มสลายลงไปและกลายเป็นสิ่งอื่นที่ลักษณะตรงกันข้ามกับภาพที่เคยนำเสนอมาอย่างยาวนาน มวลชนเหล่านี้จึงต้องปกป้องแกนนำลัทธิอย่างถึงที่สุด เพราะนั่นเท่ากับเป็นการปกป้องจิตและความเชื่อของตนเองไม่ให้ล่มสลายไปด้วย
มวลชนอีกประเภทคือมวลชนที่ได้รับการเกื้อหนุนด้วยเงินตรา มวลชนพวกนี้อาจเคยได้รับการสนับสนุนเงินตราจากลัทธิธรรมกายมาก่อน เช่น การให้ทุนการศึกษา หรือการช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ เมื่อแกนนำลัทธิธรรมกายประสบปัญหาก็มีการระดมจัดตั้งมวลชนเหล่านี้เข้ามาปกป้อง มวลชนพวกนี้มีทั้งที่เป็นคนสามัญและเป็นนักบวช ผสมปนเปกันไป แต่สำหรับการคัดง้างกับอำนาจรัฐ แกนนำลัทธิธรรมกายรู้ดีกว่าการใช้สัญลักษณ์ของความเป็นนักบวชนั้นสามารถเป็นเกราะป้องกันได้ดีกว่าการไม่มีสัญลักษณ์เหล่านั้น พวกเขาจำนวนหนึ่งที่เป็นคนสามัญจึงเปลี่ยนร่างแปลงโฉมเป็นนักบวชชั่วคราว เมื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปทำการตรวจค้นในสำนักธรรมกาย นักบวชปลอมจึงต่อต้านอย่างแข็งขันและแสดงพฤติกรรมที่นักบวชจริงไม่กระทำออกมา อย่างการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่รัฐและสื่อมวลชน
ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งฝ่ายอำนาจรัฐไม่สามารถดำเนินการบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าลัทธิธรรมกายได้นั้น ย่อมเป็นสิ่งบ่งชี้ให้เห็นว่า ในสังคมใดก็ตาม หากมีลัทธิความเชื่อใดสถาปนาขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่งแล้ว หากการดำเนินการของลัทธิเหล่านั้นเป็นการหลอกลวงประชาชนและทำการละเมิดกฎหมายจนกระทบต่อสังคมอย่างร้ายแรง และฝ่ายอำนาจรัฐต้องการใช้กฎหมายเพื่อจัดการตามกระบวนการยุติธรรม ก็จะทำได้อย่างยากลำบาก เพราะต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างแข็งแกร่ง จนทำให้รัฐไร้ปัญญาในการจัดการได้
ยิ่งประเทศใดที่อำนาจรัฐและการบังคับใช้กฎหมายอ่อนแอ การจัดการกับองค์การหรือลัทธิความเชื่อที่มีทั้งเงินตรา อำนาจ ความเชื่อทางวัฒนธรรม และมวลชนหนุนหลังอยู่นั้น ก็ยิ่งยากมากยิ่งขึ้น ดังที่ประเทศไทยประสบอยู่ในเวลานี้นั่นเอง