ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -“ตำรวจไทยมีไว้ทำอะไร” หัวข้อเสวนาที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น เขาตั้งขึ้นแล้วเชิญวิทยากรมาร่วมชำแหละปัญหาตำรวจไทย แค่ได้อ่านชื่อเรื่องยังไม่ทันได้ดูเนื้อในก็รู้แล้วว่า หนักแน่-เละแน่ ชนิดที่คนเป็นตำรวจไม่ว่าจะเป็นตำรวจดี หรือตำรวจเลว คงทนกันไม่ได้
ข่าวว่าเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เจ้าของสโลแกน “สั่งไม่ฟ้องเป็นศูนย์” ศึกษาข้อกฏหมายแจ้งความดำเนินคดีกับวิทยากรที่เข้าร่วมงานเสวนาประกอบด้วย อาจารย์สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณะบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร ร.ต.อ. ดร.วิเชียร ตันศิริคงคล ประธานหลักสูตรรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยบูรพา และ “น้าเดช” นายพัฒนเดช อาสาสรรกิจ “กูรู” ยานยนต์ทุกชนิด โดย 2 ท่านแรก ถูกหวยโดนแจ้งความข้อหาหมิ่นศักดิ์ศรีตำรวจ
ตำรวจไม่สบายใจ ตำรวจรู้สึกว่าโดนดูถูกเหยียดหยาม แม้จะหันพึ่งกฏหมายแต่ก็ยังอุตส่าห์ใช้วิธีเดิมๆ คือตำรวจร้องทุกข์กับพวกเดียวกันที่ สน.ลุมพินี คล้ายๆ กับสำนวนที่ชอบพูดกันว่า “ชงเองกินเอง” ซึ่งแน่นอนว่าพนักงานสอบสวนที่รับแจ้งต้องมีความเห็นสั่งฟ้องดำเนินคดีกับผู้ต้องหาอย่างแน่นอน
ขั้นตอนต่อไปคือ การออกหมายเรียกมารับข้อกล่าวหา ส่วนจะปฏิเสธหรือสารภาพก็ว่ากันไป และคงต้องเตรียมหลักทรัพย์มาประกันตัวด้วย เพราะอย่างไรเสียงเขาคงพ่วงข้อหาความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เข้าไปด้วยแน่ๆ ซึ่งทราบมาว่าวันที่อาจารย์สังศิต และ พ.ต.อ.วิรุตม์ เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหานั้น อาจจะมีภาคประชาชนเดินทางไปให้กำลังใจกันด้วย
ที่น่าสนใจก็คือ แกนนำภาคประชาชนที่ออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านการทำงานที่ไม่ถูกต้องของตำรวจคือ ทนายเกิดผล แก้วเกิด เฮียมาร์ค Pitbullzone จเรโป้งเหน่งเกรียงไกร ไทยอ่อน และกลุ่มเสือกินในป่า หมากินข้างถนน จะตามมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย
เตรียมรับมือกันให้ดีๆ
หลังตำรวจตัดสินใจดำเนินคดีกับผู้ร่วมเสวนาตำรวจไทยมีไว้ทำอะไร ก็เลยลองฟังซ้ำ ที่เขาปะฉะดะกันอีกรอบ จึงพอเห็นเค้าว่าสิ่งที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทนต่อไปไม่ไหวนอกจากโดนทิ่มตำอย่างไม่ปราณีปราศรัยแล้วยังกระทบไปถึงผู้มีอำนาจในปัจจุบัน ซึ่งอาจารย์สังศิต ใช้คำว่า “ผู้ปกครอง” และการที่มีประชาชนเดือดร้อน เพราะตำรวจทั่วทุกหย่อมหญ้า มีข่าวปรากฏขึ้นทุกวัน แต่ไม่เคยคิดแก้ไขอะไรก่อนสรุปว่าเป็น “ผู้ปกครองที่อำมหิต”....ตรงนี้แหละ !!??
ส่วน พ.ต.อ.วิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร น่าจะเป็นจากบางช่วงบางตอนที่ระบุถึงความเลวร้ายของตำรวจ ซึ่งก็คงอธิบายต่อสาธารณะชน และศาลต่อไปว่ามีอะไรบ้างในเรื่องที่ผ่านๆ มา แต่สำหรับที่นี่ขอยืนยันว่า ตำรวจไทยนั้นมีทั้งตำรวจดี และตำรวจเลว...ในดีมีชั่ว...ในชั่วมีดี เพียงแต่ว่าระบบมันพิกลพิการ...การซื้อขายตำแหน่งตลอดจนระบบอุปถัมภ์แบบสุดโต่งคนไทยจึงซวย...ไอ้ที่พบที่เจอจึงเต็มไปด้วยตำรวจเลวๆ ส่วนตำรวจดีๆ ถูกซุกอยู่หลังฉาก บ้างหมดกำลังใจ ต้องทำงานเช้าชามเย็นชามเอาตัวรอดไปวันๆ
พูดถึงการแจ้งความดำเนินคดีฐานดูหมิ่นศักดิศรี ตำรวจ ว่าไปแล้วไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ก่อนหน้าในยุคเดียวกันนี้ก็เคยมีการเอาเรื่องกับ พล.ร.อ.พะจุณณ์ ตามประทีป และ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ มาก่อน หรือแม้แต่อาจารย์สังศิต เองท่านก็บอกว่าเคยโดนมาแล้วเมื่อ 3 ปีก่อน เกี่ยวกับการซื้อขายตำแหน่งเมื่อโดดเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ด้วย
ทุกครั้ง เมื่อถึงจุดแตกหักตำรวจจะออกมาพูดถึงเรื่องศักดิ์ศรี
ศักดิ์ศรีตำรวจ คืออะไร !!??
ฝ่ายตำรวจคงมีคำตอบอยู่ในใจ ซึ่งท่านจะคิดจะจินตนาการไปอย่างไรก็แล้วแต่...สำหรับประชาชนที่เขารู้สึกว่าเป็นคนเสียภาษีจนกลายมาเป็นงบประมาณปีละ 1 แสนล้านบาทหล่อเลี้ยงตำรวจน้อยใหญ่กว่า 2 แสนนายนั้น ศักดิ์ศรีของตำรวจน่าจะมาจากการยอมรับ-นับถือ หรือการมอบให้จากประชาชน
คนเก็บขยะ คนกวาดถนนก็มีศักดิ์ศรีได้ ถ้าเขาทำหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ...เฉกเช่นเดียวกับตำรวจซึ่งประชาชนได้ฝากชีวิตกับพวกท่านไว้ในฐานะเป็นบ้าน ให้ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนทหารเป็นรั้วป้องกันบ้านอีกชั้น...และขยับเข้ามาอีกอาชีพหนึ่งคือ นักข่าว หรือสื่อมวลชน...นักข่าวต้องแสวงหาความจริงและนำเสนอความเป็นไปรอบด้าน...ศักดิ์ศรีของแต่ละอาชีพมันจึงขึ้นอยู่ที่ใครยึดมั่นทำหน้าที่ของตัวเองอย่างตรงไปตรงมาไม่บกพร่อง
ทหารต้องมีความกล้าหาญ...ตำรวจต้องทำหน้าที่...นักข่าวต้องเสนอความจริง....ทุกวันนี้ท่านทั้งหลายคิดว่าคนไทยเขายังโง่กันอยู่หรือ...ท่านคิดว่าอำนาจ หรือการบิดเบือน การสร้างกระแสจะทำได้ง่ายๆหรือ...กระแสอันเชี่ยวกรากของโซเชียลมีเดีย หรือเครือข่ายที่แลกเปลี่ยนประสบการณ์ต่างๆที่เคยเกิดขึ้นกับตัว หรือคนใกล้ตัว...วันนี้ตำรวจตกเป็นจำเลยสังคม....อย่าไปอ้างว่าเพราะตำรวจมีต้นทุนต่ำหรือตำรวจทำผิดเพราะค่าตอบแทนน้อย มันคนละเรื่องกัน
ปัญหาของตำรวจจึงกลายเป็นปัญหาของสังคม
เมื่อบ้านผุมีแต่ปลวก มีแต่หนู-แมลงสาบ ใครจะทนอยู่ได้....เมื่อประชาชนมองเห็นว่าพวกเขากำลังอันตรายเพราะบ้านมันใกล้พัง พอร้องทักขอให้ท่านผู้มีอำนาจช่วยซ่อมบ้าน ช่วยเปลี่ยนระบบกลับกลายเป็นว่า “บ้านเฮี้ยน” ตั้งตัวเป็นศัตรูกับประชาชน บรรยากาศที่เคยถ้อยทีถ้อยอาศัยกลายเป็นหวาดระแวงไม่ไว้ใจกัน
เหมือนกับผู้ดำเนินรายการท่าหนึ่งบอกว่าเดี๋ยวนี้พอตำรวจมาขอค้นตัวประชาชน ประชาชนต้องขอค้นตัวตำรวจก่อนเพราะกลัวเอาอะไรมายัด และสิ่งที่อยากขอร้องกันคือต่อไปนี้อย่าพูดว่าประชาชนเป็นอย่างไร ตำรวจเป็นอย่างนั้น หรือเวลาเดือดร้อนก็ต้องไปหาตำรวจ เพราะมันยิ่งขยายความขี้เท่อเจ้าของความคิด
เรื่องจริงคือ ตำรวจใช้อำนาจหน้าที่ข่มขู่นรีดไถเขา...ที่ผ่านมาประชาชนยอมไง ตำรวจก็เลยได้ใจ...และเวลาเดือดร้อนถ้าให้ใครมาทำหน้าที่แทนตำรวจซิ...มาดูกันว่าจะมีใครหน้าไหนไปหาตำรวจมั้ย
ทุกปัญหา ทุกเรื่องตำรวจไม่เคยยอมรับผิด...ไม่เคยออกมาแสดงความเสียใจ...ไม่เคยออกมาขอโทษ...เรื่องนี้ขอให้ย้อนกลับไปดู คดีหญิงไก่ วันทนีย์ ที่ขึ้นโรงพักประชาชื่น แจ้งความเท็จใส่ร้ายคนบริสุทธิ์หลายคดี โดยมีพนักงานสอบสวนบางคนร่วม “ยัดเยียด” ความผิดให้จนต้องติดคุกติดตะราง และเมื่อจับได้ไล่ทัน ตำรวจเหล่านั้นออกมายอมรับง่ายๆ ว่า...เห็นเป็นคุณหญิงจึงให้ความเชื่อถือ
อีกคดีหนึ่งคือวิบากกรรมของครูจอมทรัพย์ ซึ่งทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ระบบสอบสวนของตำรวจไทยมีปัญหา แต่ผู้มีอำนาจก็ยังตะแบง ไม่ยอมจนมุมกันง่ายๆ
ศักดิ์ศรีของตำรวจคืออะไร...ศักดิ์ศรีของตำรวจคือ การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่สองมาตรฐาน ไม่คดโกง หรือถ้าคิดกันไม่ออกเพลงมาร์ชตำรวจไทย มีเนื้อหาอย่างไรก็ขอให้ทำตามนั้น ไม่ใช่ทำตรงข้ามเกือบทั้งหมด
ศักดิ์ศรีตำรวจไทย-ศักดิ์ศรีตำรวจใหญ่ ไม่ใช่การเอาชื่อ-นามสกุล ไปแปะห้องประชุม ไปติดอาคารสถานที่ทำการ สโมสร-สนามกีฬา-สนามยิงปืน เพราะเงินก่อสร้างเกือบทั้งหมดมาจากภาษีพ่อแม่พี่น้องประชาชน
เรื่องของศักดิ์ศรีเขาต้องมอบให้ ไม่ใช่คิดเอง เออเอง และศักดิ์ศรีตำรวจมิใช่อยู่ที่เครื่องแบบ หรือดาวบนบ่า แต่เป็นคุณงามความดีที่ทำให้กับองค์กรตัวเอง และประชาชนต่างหาก