ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หากถามว่า เงื่อนไขที่ใช้จัดการกับพี่น้องชินวัตรที่ทรงอานุภาพมากที่สุดที่จะหยิบฉวยใช้ หนึ่งในนั้นย่อมนับรวมถึงเรื่อง คดีจำนำข้าว ซึ่ง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวสุดเลิฟของ “พี่แม้ว” นช.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นจำเลยในคดีอาญา และยังเจอคำสั่งชดใช้ค่าเสียหายจำนำข้าว 35,717 ล้านบาท อีกกระทงหนึ่ง
คดีอาญานั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กำลังอยู่ระหว่างการไต่สวนคดี ซึ่งนัดหมายเป็นระยะๆ มาตั้งแต่ปีที่แล้ว ขณะที่คำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหายนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ กำลังดิ้นสู้อยู่ในเวลานี้ว่าจะรอดหรือไม่ ด้วยใจระทึก
คงจำกันได้ว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกใช้ช่องทางเรียกความเสียหายทางแพ่งจากโครงการรับจำนำข้าวกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยใช้คำสั่งทางปกครองแทนการฟ้องคดีแพ่ง ตามการตั้งเรื่องของ เนติบริกร “นายวิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี
ในตอนนั้น มีข้อถกเถียงกันมากมายเหตุใดไม่ฟ้องแพ่งแทนการใช้คำสั่งทางปกครอง โดยเฉพาะนางสาวยิ่งลักษณ์ ถึงกับคร่ำครวญว่า ถูกกลั่นแกล้ง แต่คำตอบสั้นๆ ง่ายๆ คือ คำสั่ง ทางปกครอง เป็นข้อกฎหมายที่นำไปสู่กระบวนการยึดทรัพย์ได้โดยไม่ต้องรอคำสั่งศาลแพ่งให้เสียเวลา
หลังจากทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน รัฐบาลก็ลงมือดำเนินการ จวบจนกระทั่งกระทรวงการคลัง ในฐานะผู้เสียหาย ออกหนังสือคำสั่งที่ 1351/2559 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ให้นางสาวยิ่งลักษณ์ จ่ายชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจากเหตุขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธานกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่ปล่อยให้มีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และเพิกเฉยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ราชการตามอำนาจหน้าที่ จนทำให้กระทรวงการคลัง ได้รับความเสียหาย จำนวน 35,717 ล้านบาท
จากนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ดิ้นหาทางรอดจากการไม่ถูกบังคับคดี โดยยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองกลาง เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2559 เพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งทางปกครองของกระทรวงการคลัง ข้างต้น พร้อมกับยื่นขอให้ศาลสั่งคุ้มครองชั่วคราวระงับการบังคับคดีไว้ก่อนจนกว่าศาลปกครอง จะพิจารณาคดีเสร็จสิ้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ศาลปกครอง ได้นัดไต่สวนเพื่อพิจารณาว่าจะออกคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวตามที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ร้องขอหรือไม่ โดยคาดว่าศาลจะใช้เวลาไต่สวน ประมาณ 1 เดือน
ศาลจะให้คุ้มครองหรือไม่คุ้มครอง นั่นเป็นข้อวินิจฉัยของศาล
แต่กระนั้นในระหว่างที่กระแสปรองดองกำลังมาแรง ทำให้สายตาของสังคมทั้งกองเชียร์และไม่เชียร์ “น้องปู” ต่างร่วมลุ้นกันด้วยความระทึก
คำสั่งของศาลปกครอง มีอยู่ 2 ทาง หนึ่ง หากศาลปกครองสั่งคุ้มครองชั่วคราว คือ ระงับคำสั่งชดใช้ค่าสินไหม กรมบังคับคดี ก็จะชะลอการบังคับคดีเพื่อรอผลว่าศาลปกครองจะมีคำพิพากษาว่าอย่างไร และหากสุดท้ายศาลปกครอง มีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครองของกระทรวงการคลัง นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็จะไม่ถูกบังคับคดีให้ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ซึ่งกระทรวงการคลัง คงอุทธรณ์คำสั่งของศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด สู้กันอีกยาวกว่าจะสรุปว่ายึดทรัพย์ได้หรือไม่
สอง กรณีที่ศาลปกครอง ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวระงับคดีไว้ก่อนของนางสาวยิ่งลักษณ์ หรือรับไว้แต่เพียงคำร้องให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง กรมบังคับคดี ก็จะเข้าดำเนินการยึดทรัพย์ได้ทันที เนื่องจากคำสั่งทางปกครองถือว่าเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย มีผลบังคับทันที เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดให้ไว้ คือ 30 วัน บวก 15 วัน ตามหนังสือฉบับแรกและฉบับที่สองของกระทรวงการคลัง
หากยังจำกันได้ตอนนั้นมีคนเคยเตือนแล้วว่า ควรจะต้องไปฟ้องแพ่ง เพราะถ้าไปใช้คำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหาย นางสาวยิ่งลักษณ์ก็ต้องไปฟ้องศาลปกครองแล้วเปลี่ยนสถานะตัวเองจากจำเลยมาเป็นโจทย์
ที่สำคัญคือนายวิษณุเองก็ยอมรับว่า การเลือกใช้คำสั่งทางปกครองนั้น ให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาในการนำพยานหลักฐานมาโต้แย้งได้หลายขั้นตอน ต่างกับการฟ้องที่ศาลแพ่งซึ่งสามารถพุ่งตรงไปที่ศาลได้ทันที
ดังนั้น ติดตามกันชนิดห้ามกระพริบตาว่าคดีจำนำข้าว สุดท้าย จะมีอะไรในกอไผ่หรือไม่?? เพราะดีไม่ดีอาจจะยื้อกันไปอีกยาวก็เป็นได้ และถ้ายื้อกันยาวจนมีการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ แล้วบังเอิญขั้วอำนาจพลิก ระบอบทักษิณกลับมาใหม่ เกมอาจจะเปลี่ยนไป เพราะคำสั่งทางปกครองนั้น รัฐบาลสามารถมีคำสั่งยกเลิกได้