ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -มาตรา7 พ.ร.บ. คณะสงฆ์ แก้ไขใหม่ประกาศใช้บังคับแล้ว คาดว่าคนไทยพุทธจะมีพระสังฆราชองค์ใหม่ในอีกไม่นานนี้ เพราะปัญหาเดิมๆ ที่มีอยู่กับการสถาปนาพระสังฆราชจบไปพร้อมกับการแก้ไข มาตรา 7 ซึ่งต่อไปจะเป็นพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ที่จะสถาปนาพระสังฆราช
กฎหมายใหม่ได้ตัดมหาเถรสมาคมที่เคยมีอำนาจให้ความเห็นชอบออกไป ผลของกฎหมายใหม่ก็ทำให้การเสนอชื่อสมเด็จช่วง วัดปากน้ำภาษีเจริญตามมติ มส. วันที่ 5 มกราคม 2558 ที่ค้างอยู่เป็นโมฆะไป
ตามความที่บัญญัติใน มาตรา 7 แก้ไขใหม่ ระบุว่า พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาพระสมเด็จสังฆราชองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้สนองรับราชการโองโปรดเกล้าฯ ใจความสั้นๆ ชัดเจนๆ ต่อไปนี้การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์โดยแท้ ทุกขั้นตอนพระราชอำนาจ ตั้งแต่พระราชวินิจฉัย และพระราชประสงค์ของพระมหากษัตริย์ แต่เพียงผู้เดียว
ซึ่งตามความจริงแล้ว พระราชอำนาจนี้เป็นไปตามราชประเพณีมาตั้งแต่โบราณกาล และด้วยที่ให้พระราชอำนาจเป็นที่มาของพระสังฆราชที่ใช้กันมายุคก่อน ไม่เคยเกิดวิกฤติกับการสถาปนาพระสังฆราชมาก่อนเลย
เพิ่งจะมีปัญหาก็เพราะกฎหมายเมื่อปี พ. ศ. 2535 เขียนให้มหาเถรสมาคมเป็นผู้ให้ความเห็นชอบพระราชาคณะที่มีสมณศักดิ์สูงสุดองค์หนึ่ง และให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำทูลเกล้าฯพระมหากษัตริย์ เพื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ด้วยวิธีการสรรหาที่ล็อกตายไว้กับอาวุโสทางสมณศักดิ์เพียงสิ่งเดียว ไม่คำนึงถึงสิ่งอื่น อย่างเช่นความเหมาะสม และผลงาน คนส่วนหนึ่งในพุทธศาสนาจึงรู้สึกรับไม่ได้และเกิดแรงกระเพื่อมต่อต้านมติเถรสมาคมที่ออกมาเมื่อวันที่5 มกราคม ปี59 ที่เห็นชอบให้สมเด็จช่วง วัดปากน้ำภาษีเจริญเป็นผู้ควรได้รับการสถาปนาเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่
สิ่งที่ต้องติดตามดูหลังจากนี้ คือ ปัญหาความไม่พอใจจากพระสงฆ์บางกลุ่มจะเกิดขึ้นหลังมีการประกาศใช้มาตรา 7 แก้ไขใหม่หรือไม่ เนื่องจากได้เกิดแรงกระเพื่อมขึ้นจากพระสงฆ์สองรูป คือ พระเมธีธรรมาจารย์ หรือ เจ้าคุณประสาร กับเจ้าคุณเบอร์ลิน แห่งวัดสระเกศ สองพระหนุ่มฮาร์ดคอร์ จีวรแดง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ การแก้กฎหมายมาตรานี้ และขู่จะเห็นดีกันถ้ากฎหมายนี้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ถึงวันนี้ยังเงียบ ไม่มีกระแสความเคลื่อนไหวใดๆ ออกมา ก็น่าเชื่อว่า คำขู่ก็เป็นเพียงคำขู่ แรงกระเพื่อมก็ไม่ได้กลายเป็นคลื่นใหญ่ การต่อต้านไม่ยอมรับมาตรา 7 แก้ไขใหม่คงไม่มีปัญหา เพราะพระในประเทศไทยไม่ได้ฝักใฝ่เล่นการเมืองเหมือนพระไม่กี่รูปที่ชอบออกสื่อ กับเป็นนักเลงคีย์บอร์ด เล่นเฟซบุ๊กด่าชาวบ้านวันละสามเวลา
สำหรับพระสังฆราชองค์ใหม่ พระสมเด็จราชาคณะ ที่จะมีสิทธิ์ได้รับการสถาปนาจากพระมหากษัตริย์ ก็ประกอบด้วยพระสมเด็จทั้ง 8 องค์ เป็นพระในฝ่ายมหานิกาย และนิกายธรรมยุตฝ่ายละ 4 องค์ เท่ากัน
สมเด็จช่วง วัดปากน้ำภาษีเจริญ ก็ยังมีโอกาสอยู่ ซึ่งพระสมเด็จในนิกายมหานิกาย 3 องค์ คือ สมเด็จวัดไตรมิตร สมเด็จวัดพิชยญาติ และสมเด็จองค์ล่าสุดคือ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ ประยุทธ์ ปยุตโต ต่างมีโอกาสเท่าเทียมกัน
ส่วนในสายนิกายธรรมยุต ก็มี สมเด็จวัดสัมพันธวงศ์ , สมเด็จวัดราชบพิธ, สมเด็จวัดเทพศิรินทร์ และ สมเด็จพระวันรัตวัดบวรฯ
ทั้งประชาชน ทั้งพระสงฆ์ ต่างก็รอคอย พระสงฆ์ก็ลุ้นกันว่าจะได้พระสมเด็จสังฆราชที่มาจากนิกายเดียวกันกับตน ควรทราบว่าปัจจุบันพระในประเทศไทย มีอยู่ประมาณ 330,000 รูป เป็นพระมหานิกาย 300,000 รูป ส่วนพระนิกายธรรมยุต มีอยู่ประมาณ 30,000 รูป
พระสมเด็จที่โดดเด่นในมหานิกายก็คือ สมเด็จประยุทธ์ ปยุตโต ที่ท่านมีวิชาความรู้ และศีลธรรมสูงส่งมาก ส่วนในสายธรรมยุต ก็มีพระวันรัตวัดบวรฯ ที่มีปัญญาบารมีเลิศล้ำ เป็นที่ยอมรับของพระสงฆ์ทั้งประเทศ
เมื่อพระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาพระสังฆราชแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสมเด็จพระราชาคณะองค์ใด ก็เป็นมงคลที่สูงสุดของคนไทยชาวพุทธทั้งปวง